มิตินั้นอาจจะดูว่ามันแยกออกจากกันแต่จริงๆแล้วมันเพียงแค่ทับซ้อนกันไปมาเท่านั้น หากเข้าใจโครงสร้างของมันละก็ การจะเดินทางข้ามมิติก็ไม่ใช่เรื่องยาก
และแน่นอนการข้ามมิตินั้นไม่ใช่เรื่องที่ยาก แต่การเข้าใจโครงสร้างของมันซิ มันเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
การคำนวนหาเส้นแบ่งของรอยแยกมิติต้องใช้ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์จำนวนหลายร้อยเครื่องในการคำนวณหา และนั่นเป็นเพียงแค่การการหารอยแบ่งแยกเท่านั้น หากต้องการจะเปิดรอยแยกไปยังที่ไดที่หนึ่ง ความยากในการเข้าใจโครงสร้างของมันจะยิ่งมากเข้าไปอีก
และสิ่งที่ยากมากๆนั้น กลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากๆต่อหน้าของอ่าวเอ้อเทียน
“นี่มันน่าอัศจรรย์มากๆ”
มนุษย์นั้นอาจจะไม่ได้มีความเข้าใจอะไรเกี่ยวกับการเปิดรอยแยกมิติเท่าไหร่นัก ทว่าชาวมังกรนั้นเข้าใจเป็นอย่างดี
พวกเขาไม่สามารถเปิดรอยแยกตามใจชอบได้ พวกเขาจำเป็นที่จะต้องใช้รอยแยกที่มีอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อสกาเลตปิดรอยแยกมิติแล้ว เมดูซ่าจึงไม่สามารถเข้ามายังในมิติของเขาได้
ทว่าหากเมดูซ่ามีความสามารถเหมือนกับอ่าวเอ้อเทียนละก็ มันจะต้องเป็นปัญหาที่ใหญ่มากๆแน่ๆ
“เอาละ แค่นี้พอไหม”
อ่าวเอ้อเทียนหันไปหาไวท์
ไวท์ยกนิ้วให้กับเขา ดูเหมือนว่าไวท์จะเรียนรู้วัฒนธรรมหลายๆอย่างจากมนุษย์ เขาดูมีความเป็นมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ
“ทีนี้เอายังไงต่อ จะให้รอให้พวกนั้นมาบุกอย่างเดียวมันก็ฟังดูไม่ค่อยจะเข้าท่าเท่าไหร่นัก เอาแบบนี้ไหม ฉันกับเพื่อนๆของฉันจะออกไปสำรวจในเกรตเตอร์แลนด์ก่อน”
อ่าวเอ้อเทียนอาสาที่จะออกไปสำรวจกองทัพของศัตรู เขาจะพาเพื่อนๆของเขาไปด้วย
ไวท์คิดเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้น
“ข้าคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี ทว่าความปลอดภัยต้องมาก่อน หากต้องปะทะกันละก็ ให้หนีทันที”
ไวท์ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียหากไม่จำเป็น เขาถือว่าอ่าวเอ้อเทียนเป็นเพื่อนของเขา เพราะฉะนั้นอ่าวเอ้อเทียนมีความสำคัญไม่ต่างอะไรจากชาวมังกร
“ไม่ต้องห่วง เรื่องหนีคือเรื่องถนัดของฉันเลย”
อ่าวเอ้อเทียนมั่นใจ ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้หากเขาต้องการจะหนีละก็ เขาสามารถพาเพื่อนๆของเขาหนีไปพร้อมกับเขาได้ด้วย
แม้แต่อุปกรณ์ที่ทำให้มิติไม่เสถียร เขาก็ยังสามารถที่จะจัดการกับมันได้ ตอนนี้ไม่มีอะไรหยุดเขาได้แล้ว
หลังจากที่เปิดรอยแยกมิติปลอมแล้ว ไวท์ก็ได้ชวนอ่าวเอ้อเทียนไปเที่ยวเล่นที่ปราสาทของเขาในส่วนที่เป็นที่พัก ไม่มีดราก้อนลอร์ดคนไหนที่เข้ามาขัดขวาง พวกเขาต่อสู้กับอ่าวเอ้อเทียนมาบ่อย ทำให้พวกเขารู้ว่าอ่าวเอ้อเทียนเป็นคนยังไง
ไวท์ต้องการบ้าน ทว่าสิ่งที่อ่าวเอ้อเทียนเห็นมันไม่ใช่บ้านสักนิดเดียว มันกลายเป็นหน้าที่ของเขาที่จะสอนให้ไวท์ได้รู้ว่าบ้านมันเป็นยังไง
“ไว้หลังจากจัดการกับกองทัพของเมดูซ่าเสร็จแล้ว นายไปเที่ยวบ้านของฉันก็แล้วกัน”
ไวท์จะไปยังมิติศูนย์เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีระหว่างมนุษย์กับชาวมังกรอยู่แล้ว ไหนๆก็ไปแล้วทั้งที เขาจะไปเยี่ยมบ้านของอ่าวเอ้อเทียนด้วยเลยก็แล้วกัน
…
เกรตเตอร์แลนด์ ดินแดนแห่งสนธยา
ในตอนนี้ยังคงสงบสุขอยู่ ทว่าความสงบสุขนี้คงอยู่ได้ไม่นาน
สงครามและการต่อสู้เป็นเรื่องปกติของผู้คนที่นี้ ทว่าในตอนนี้ที่ดินแดนแห่งสนธยานั้นสงบสุขเป็นเพราะว่ากองทัพของเมดูซ่าได้มาถึงยังที่นี่
หากเกิดการต่อสู้กันขึ้นมาภายในดินแดนละก็ จะเป็นการไม่ให้เกียรติ์ต่อเมดูซ่า
และผู้ที่ดูหมิ่งเกียรติ์ของเทพชั้นสูง จะต้องได้รับการลงโทษสถานหนัก
“ดูเหมือนว่าท่านเมดูซ่าจะหายดีแล้ว ท่านจึงได้ส่งกองกำลังออกมาแบบนี้”
ปีศาจสาวตนหนึ่งพูดขึ้นมา เธอนั้นมีลักษณะคล้ายกับกิ้งก่า ไม่แปลกใจที่เธอจะอยู่ฝ่ายเดียวกับเมดูซ่า ทว่าไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่นี่จะอยู่ฝ่ายเมดูซ่า
เพื่อนของเธอที่ดูเหมือนกับมนุษย์ธรรมดาๆ ทว่ามีหูเป็นหูของหมาป่าส่ายหัว
“เทพของเจ้าช่างอ่อนแอจริงๆ เพียงแค่บาดเจ็บนิดหน่อยก็ล่นถอยเสียแล้ว คราวนี้ส่งกองทัพออกมา ไม่ช้าก็เร็วก็คงได้กลับมาอย่างพ่ายแพ้อีกตามเคย”
ได้ยินที่เพื่อนของเธอพูด เธอช่วยไม่ได้ที่จะแสดงความโกรธออกมา
“หยุดคำพูดที่น่ารังเกียจนั่นซะ ข้าไม่เคยต่อว่าอะไรเทพของเจ้าเลย ทำไมถึงได้เอาแต่พูดจาไม่ดีต่อเทพของข้าด้วย หึม”
เพื่อนของเธอเห็นว่าเธอโกรธก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ ทว่าผู้คนที่นี่หลายต่อหลายคน จากหลายเผ่าพันธุ์ก็คิดแบบเดียวกับเขา
เมดูซ่าในตอนนี้มีอำนาจน้อยลง พวกเขาคิดว่าไม่ช้าก็เร็วเธอจะต้องถูกอาชูร่าจัดการแน่ๆ
ในระหว่างที่เขาและเธอพูดคุยกัน ทั้งสองไม่ได้เห็นว่ามีใครบางคนกำลังฟังทุกคนอยู่ เขาพยายามเก็บข้อมูลทั้งหมด
“ข้อมูลพวกนี้น่าสนใจดี น่าจะขายได้ราคา ดูซิว่าศิษย์น้องจากมิติศูนย์จะเก่งแค่ไหน อยากเจอเร็วๆแล้วซิ”
ผู้ที่เก็บข้อมูลนั้นดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่ง เพราะไม่มีใครกล้าเข้าหาเขาเลยสักคน เขาไม่ปิดบังตนเอง และใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น เขาใส่แค่กางเกงขายาวและรองเท้า ช่วงบนของเขาเปลือยเปล่า
ที่แขนของเขามีเชือกสีแดงมัดไว้ แผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยรอยสักที่น่าเกรงขาม แค่ดูก็รู้แล้วว่าเขานั้นคือนักรบชาวไทย และไม่มีใครอยากมีปัญหากับพวกเขา
…
เมืองหลวงของดินแดนสนธยา
ชาติในตอนนี้ดื่มเหล้าของเขาในขณะที่มองดูกองทัพของเมดูซ่าเคลื่อนทัพออกไปจากเมืองหลวง สีหน้าของเขาในตอนนี้ไม่ได้แสดงความเมาออกมาแม้แต่น้อย แม้ว่าเหล้าที่เขาดื่มจะแรงมากๆก็ตาม
เขารู้ว่าเป้าหมายของกองทัพของเมดูซ่านั้นคือที่ไหนและเป็นเขาเองที่ขายข้อมูลนี้ให้กับโซลเตสเพื่อให้เขาเอาข่าวไปบอกกับศิษย์น้องของเขา
“กองทัพแค่นี้ ศิษย์น้องคงจะเอาอยู่ ทว่าแค่เผื่อไว้เท่านั้น”
ชาติลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนที่จะจ่ายเงินพร้อมทิปให้กับพนักงานเสิร์ฟในร้าน
นักรบชาวไทยมีอย่างหนึ่งที่ทุกคนชอบในตัวของพวกเขา นั่นก็คือพวกเขาเป็นพวกใจใหญ่ หากชอบอะไรก็จะทิปไม่อั้น
สิ่งที่ชาติทิ้งเอาไว้ไม่ใช่เงิน แต่เป็นแกนกลางของมอนสเตอร์ระดับอะดาแมนไทต์
แม้ว่าระดับอะดาแมนไทต์จะไม่ใช่ระดับสูงสุดในเกรตเตอร์แลนด์ ทว่ามันก็จัดว่าอยู่ในระดับที่สูงพอสมควรเลย นักรบและจอมเวทย์ทั่วๆไปไม่สามารถจัดการมันได้
ทว่าชาตินั้นกลับให้แกนกลางของมอนสเตอร์ระดับนั้นเป็นทิปให้กับพนักงาน แน่นอนว่าเขาจะต้องสามารถจัดการมันได้ง่ายๆอย่างแน่นอน
“มาดูซิว่าศิษย์น้องของเราจะจัดการกับปัญหานี้ยังไง”
ชาติหายตัวไปในพริบตา ความเร็วของเขาถือว่าเร็วกว่าเสียง นอกจากเร็วแล้วยังไม่มีใครได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาอีกด้วย
และเมื่อชาติจากไปแล้ว ทุกคนในร้านเหล้าต่างก็ถอนหายใจโล่งอกออกมา
ทุกคนรู้ว่าเขาอยู่ที่นั่น ทว่าไม่มีใครลุกหนีเขาไป แต่ก็ยังคงรู้สึกประหม่า
“นักรบชาวไทยนี่น่ากลัวจริงๆ ทว่าหากเราไม่ไปทำอะไรเขา เขาก็จะไม่ยุ่งกับพวกเรา”
“ดูเหมือนว่ากองเทพของเมดูซ่าจะเป็นเป้าหมายของเขา ต่อให้เป็นเมดูซ่าก็เถอะ ถ้าไปมีปัญหากับคนไทยเข้าละก็ อาจจะแย่เอาก็ได้”
คนไทยเป็นพวกรักพวกพ้อง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคนหนึ่ง ทั้งหมดก็จะลุกหือขึ้น
“ถึงพวกเขาจะดูน่ากลัวก็เถอะ แต่ถ้าได้เป็นเพื่อนกับพวกเขาแล้ว บอกได้คำเดียวเลยว่าเหมือนกับตกถังน้ำมัน”
“เดี๋ยวก่อน หมายถึงตกถังข้าวสารหรือเปล่า”
“เหมือนๆกันนั่นแหละ นั่นแหละตกถังข้าวสาร พวกเขาจะเป็นสหายจนตัวตาย และหากเขาตาย เพื่อนของเพื่อนๆของเขาก็จะออกมา แย่หน่อยที่จะเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าปีนภูเขาสุเมรุเสียอีก”
ทุกคนเห็นด้วยกับเรื่องนี้ การเป็นเพื่อนกับชาวไทยถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะพวกเขามีพลังที่สามารถมองเห็นความจริงในใจของผู้คนได้
พวกเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกที่พยายามมาหาผลประโยชน์จากพวกเขา
…
สกาเลตในตอนนี้นำกองทัพมาถึงยังจุดที่น่าจะเป็นทางเข้าออกของมิติที่สิบ
ทางเข้าออกของมิติที่สิบแน่นอนว่าจะต้องมีกองกำลังของดราก้อนไรเดอร์ปกป้องอยู่ ทว่าสกาเลตรู้สึกแปลกๆ
‘ทำไมเจ้าพวกดราก้อนไรเดอร์สีขาวถึงดูไม่เป็นกังวลเกี่ยวกับการมาของเราเลย’
สกาเลตรู้ว่าข่าวสารเดินทางเร็วขนาดไหน พวกเขาน่าจะรู้ถึงการมาของเขาและกองทัพของเมดูซ่า
ทว่า นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้พวกเขานิ่งสงบแบบนี้
‘เจ้าไวท์จะต้องวางแผนอะไรบางอย่างแน่ๆ แต่แผนอะไรกัน’
สกาเลตถึงจะวางแผนหนีหลังจากที่กองทัพของเมดูซ่าถูกจัดการไปแล้วก็ตามแต่ ทว่าหากเขามาตายที่นี่มันก็ไร้ความหมาย เขาจะต้องระวังตัวให้มากๆ
สกาเลตที่มองดูสถานการณ์อยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนดังขึ้นมา
“พวกเรามาถึงยังที่มั่นของศัตรูแล้ว ระวังตัวกันให้ดี จัดทัพและเตรียมตัวพร้อมจู่โจม!”
สกาเลตมองไปยังคนที่ตะโกนเสียงดัง คนที่ตะโกนเสียงดังเป็นแม่ทัพที่เมดูซ่าส่งมาให้ทำงานร่วมกับเขา
สกาเลตได้แต่หึมออกมา เขาไม่สนใจว่าแม่ทัพของเมดูซ่าจะสั่งการยังไง กองทัพนี้จะพังทลายยังไงก็ได้เขาไม่สน ทว่าเขาจะต้องกำจัดแม่ทัพของเมดูซ่าก่อนเป็นอันดับแรก
เขาเป็นภัยต่อเขาหากเขาต้องการจะหลบหนีออกไปจากที่นี่
‘ถ้าเจ้านั่นถูกจัดการเป็นคนแรกก็คงจะดี’
สกาเลตหัวว่าจะเป็นแบบนั้น กองทัพของเมดูซ่าที่ไม่ได้ทำตามคำสั่งของเขาตั้งแต่แรก แค่มีเขาเป็นฉากหน้าเท่านั้นก็เริ่มที่จะเคลื่อนไหว
สกาเลตมองดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เขาคิดว่าหากเป็นไวท์ที่เขาเคยสู้ละก็ เขาจะต้องวางแผนอะไรบางอย่างเพื่อรับมือกับเขาและกองทัพของเมดูซ่าแน่ๆ
“ไหนดูซิ ว่าเจ้าจะจัดการกับปัญหานี้ยังไง”
สกาเลตยังคงคิดว่าตัวเองแน่ และไม่คิดว่าตัวเองจะตกเป็นเป้าหมายง่ายๆ ทว่าเขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขาได้เข้ามาอยู่ในกับดักของไวท์แล้ว
เหมือนกับแมลงวันที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองอยู่ท่ามกลายใยแมงมุมที่เหนียวแน่น รู้ตัวอีกทีก็สายไปแล้ว