ตอนที่ 14 ของเหลวลึกลับ
“ว้าววว!” หานลี่ยกมือที่กำขวดไว้แน่นขึ้นสูงและร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
เวลานี้ความเป็นเด็กในตัวเขาก็แสดงออกมา
ดูเหมือนว่าสมมุติฐานของเขาจะถูกต้อง หน้าต่างที่ปิดไว้เป็นอุปสรรคในการดึงดูดลำแสงสีขาวนั่น ขวดจะดึงดูดลำแสงได้ดีก็ต่อเมื่ออยู่ในที่โล่งเช่นนี้ กลุ่มแสงจะมีขนาดใหญ่ขึ้น
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าลำแสงเหล่านี้มาจากไหน ขวดดูดซับแสงสีขาวนั้นไปเพื่ออะไร แต่ปริศนานี้ก็มีความคืบหน้าอยู่ไม่น้อย
หานลี่ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นอีกเมื่อรู้สึกว่าเขาใกล้จะไขความลับนี้ได้แล้ว
รอจนฟ้าใกล้จะเริ่มสว่าง ลำแสงรอบๆ ขวดถึงค่อยๆ จางหายไป และขวดก็กลับคืนสู่สภาพเดิม
ในช่วงเวลานี้ ขณะหานลี่มองดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับขวด เขาก็ต้องระวังไม่ให้คนอื่นมาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาก้มตัวลงไปหยิบขวดขึ้นมาสำรวจอีกครั้ง
มันยังอยู่ในสภาพเดิม ฝาขวดปิดแน่นสนิทและเปิดไม่ออก
หานลี่รู้สึกผิดหวัง แต่เห็นว่ามันสายแล้ว เขาจึงต้องจำยอมเก็บขวดไว้เหมือนเดิม
และเขาต้องรีบกลับไปนั่งสมาธิฝึกลมปราณที่ห้องถ้ำหิน
สองสามคืนต่อจากนั้น ทุกๆ คืนในเวลาเดิมจะเกิดปรากฏการณ์เช่นเดิม ลำแสงนับไม่ถ้วนจะถูกดึงมาที่ขวดเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ จากนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นจุดสีขาวมากมายมหาศาลและจะถูกขวดดูดกลืนเข้าไปอย่างหิวโหย
เหมือนอย่างที่หานลี่คิดไว้ไม่ผิด เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้จนถึงวันที่แปดก็มีบางสิ่งเกิดขึ้น
หลังจากหานลี่วางขวดลงที่เดิมเหมือนทุกวัน ปรากฎการณ์ดูดซับแสงสีขาวคงอยู่แค่เวลาสั้นๆ ไม่กี่นาทีก็หยุดลง ทันใดนั้นลวดลายสีเขียวเข้มบนตัวขวดก็ส่องแสงสีเขียวสว่างแสบตาออกมา จากนั้นก็มีตัวอักษรและเครื่องหมายสีทองหลายตัวลอยขึ้นมา ทั้งตัวอักษรและเครื่องหมายแปลกๆ นี้ ดูแล้วนุ่มนวลอ่อนโยน ลายเส้นแปลกตาแฝงไว้ด้วยความเก่าแก่อย่างบอกไม่ถูก พวกมันลอยระยิบระยับอยู่อย่างนั้นไม่หยุด
ปรากฎการณ์ใหม่นี้เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก็หายไป เหลือไว้แค่ตัวอักษรและเครื่องหมายแปลกๆ สีทองที่นูนขึ้นมาบนตัวขวด และดูเหมือนว่าทั้งหมดจะกลับไปยังจุดเริ่มต้นเดิมอีกครั้ง
เรื่องแปลกต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับขวดในช่วงสองสามวันมานี้ไม่ได้ทำให้หานลี่รู้สึกตื่นตระหนกตกใจเหมือนในตอนแรกแล้ว เรื่องพิสดารที่เกิดขึ้นคราวนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงได้เหมือนที่ผ่านมา
เขาหยิบขวดขึ้นมาอย่างไม่สนใจ ตัดสินใจแล้วว่าจะลองเปิดฝาขวดดูสักที
เขาแค่บิดฝาขวดเบาๆ มันก็ถูกเปิดออกได้อย่างง่ายดาย
ให้ตายเถอะ! หานลี่มองดูฝาขวดในมืออย่างอึ้งๆ
เขาสามารถแก้ปัญหายากนี้ได้ง่ายๆ ไม่ต้องเปลืองแรงและไม่ได้ใช้ทักษะใดๆ ปัญหาใหญ่ที่ทำให้เขาอึดอัดใจตั้งหลายวันแค่นี้ก็แก้ได้แล้วหรือ?
หานลี่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าคือเรื่องจริง ความลับของขวดอยู่ตรงหน้าเขาแล้วตอนนี้ เขากดความตื่นเต้นในใจไว้ไม่อยู่ เขาเอาปากขวดขึ้นมาจ่อไว้ตรงตาและพยายามมองเข้าไปในนั้น
ในขวดมีของเหลวสีเขียวมรกตขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลือง มันกำลังกลิ้งไปมาอย่างช้าๆ อยู่ในนั้นจนทำให้ข้างในสะท้อนออกมาเป็นสีเขียวมันวาว
เจ้าสิ่งนี้คืออะไรกัน?
หานลี่แอบรู้สึกผิดหวัง เขาใช้พลังไปทั้งหมดเพื่อแลกกับของที่น่าเบื่อเช่นนี้น่ะหรือ
เขาปิดฝาลงอย่างหมดอาลัยตายอยากแล้วเก็บมันใส่ลงถุงแล้วเดินกลับที่พัก ความตื่นเต้นเมื่อครู่มันได้มลายหายไปในพริบตา
แม้ว่าเขาจะเปิดขวดออกแล้ว แต่กลับไม่พอใจในสิ่งที่เขาได้เห็น
หานลี่ตั้งใจไว้ว่า ถ้าวันไหนที่เขาเบื่อๆ เขาค่อยค้นหาความลับของของเหลวนี้ ไม่แน่ว่ามันอาจจะสร้างความประหลาดใจให้แก่เขาก็เป็นได้
สิ่งที่เขาอยากจะทำตอนนี้คือกลับไปนอนให้เต็มอิ่มสักตื่น ชดเชยกับที่ผ่านมา ช่วงนี้เขาไม่ได้นอนเต็มอิ่มเลยสักคืนส่งผลให้ตอนกลางวันเขาฝึกสมาธิได้แย่ลง บวกกับจิตใจที่ไม่สงบนิ่งจึงถูกท่านหมอม่อถามอยู่หลายครั้ง
ตั้งแต่หานลี่ได้เป็นศิษย์เอกที่รับการถ่ายทอดโดยตรงจากท่านหมอม่อและสำเร็จบทท่องนิรนามขั้นแรกแล้ว เขามักรู้สึกว่าตัวเองไม่มีแรงผลักดันในการฝึกบทท่องนี้ต่อไป แล้วไหนจะผลจากการฝึกที่ไม่ได้ทำให้เขาพอใจนั่นอีก ยิ่งทำให้เขาไม่มีอารมณ์อยากจะฝึกมันต่อ
ดังนั้น เขาจึงโดนท่านหมอม่อตำหนิไปชุดใหญ่
แต่เมื่อถึงเวลาฝึกทีไร เขาก็รู้สึกซึมๆ ไม่มีอารมณ์อยากฝึกเลยแม้แต่นิดเดียว
สภาพเช่นนี้ทำให้ท่านหมอม่อโมโหและคิดว่าเขารับศิษย์ผิดคนเสียแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หานลี่ก็รู้สึกแอบน้อยใจเล็กน้อย เขาเองก็ไม่ได้อยากเป็นเช่นนี้ แต่คือเขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะฝึกจริงๆ
และสิ่งที่ทำให้หานลี่คาดไม่ถึงคือวันที่สองหลังจากที่เขาได้นอนจนอิ่มแล้ว เขาก็ใช้สมาธิทั้งหมดที่มีในการฝึกฝนอันบ้าคลั่งนั้นด้วยตัวเอง
สาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจทำเช่นนั้นคือแค่ท่านหมอม่อกระซิบข้างหูเขาเบาๆ ว่า
“ทุกครั้งที่เจ้าสำเร็จบทท่องนิรนามไปอีกขั้น ข้าจะเพิ่มเงินเดือนให้เจ้าอีกเท่าหนึ่ง” ในที่สุดท่านหมอม่อก็ดูออกถึงความกระหายเงินของหานลี่ ใช้เงินในการแก้ไขปัญหา แค่คำพูดสั้นๆ ก็ทำให้เขาเอาชีวิตไปผูกติดกับการฝึกนั้นได้
ช่วงเวลาต่อจากนี้ หานลี่ต้องตั้งใจฝึกอย่างสุดชีวิตเพื่อให้สำเร็จในแต่ละขั้น
ทุกๆ วันเขาจะเข้าห้องถ้ำหินสองครั้งคือตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงและตั้งแต่เที่ยงถึงเย็นเพื่อไปนั่งสมาธิ เขาจะใช้ชีวิตตายตัว จืดชืด ซ้ำซากเช่นนี้ และละทิ้งสิ่งอื่นไว้เบื้องหลัง
เพื่อให้หานลี่ตั้งใจฝึกฝน ไม่ให้สิ่งภายนอกมารบกวนสมาธิเขา ท่านหมอม่อถึงกับปิดทางเข้าออกหุบเขาหัตถ์เทวานี้เป็นการชั่วคราว แม้แต่รักษาคนไข้ก็ต้องออกไปรักษานอกหุบเขาแทน ส่วนเรื่องอาหารการกินข้าวของเครื่องใช้ก็ยิ่งไม่ให้เขาต้องเป็นกังวล
เพราะเหตุนี้ขวดลึกลับนั่นก็ค่อยๆ ถูกหานลี่หลงลืมไป
ฤดูกาลผลัดเปลี่ยนเวียนหมุน
แค่ครู่เดียวเวลาสี่ปีก็ได้ผ่านพ้นไป ตอนนี้หานลี่อายุได้สิบสี่ปีแล้ว
หานลี่ได้เปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มจิตใจแน่วแน่นิ่งสงบ มีสีผิวที่เข้มขึ้น ถ้ามองจากภายนอก เขาก็ไม่ได้แตกต่างจากเด็กชาวบ้านทั่วไปเท่าไหร่ ไม่น่าสนใจ ทั้งยังไม่ได้ดูหล่อโดดเด่น และไม่ได้ดูเป็นคนมีความสามารถอะไร
ทุกวันก็จะไปๆ มาๆ อยู่แค่ห้องถ้ำหินกับที่พักและที่พักกับห้องถ้ำหินสองห้องนี้เท่านั้น บางครั้งก็จะไปเรียนการรักษากับท่านหมอม่อหรือไม่ก็ไปหาหนังสือในห้องท่านหมอม่อมาอ่าน ตอนนี้หุบเขาทั้งหมดคือพื้นที่ของเขา และเขาได้ฝึกบทท่องนิรนามสำเร็จจนถึงขั้นที่สามแล้ว