บทที่ 6 เดรัจฉานทั้งนั้น
เลี่ยวเทียนหัวพูดกับอิ๋นจื่อจางเสียงดัง : “เมื่อครู่ลูกน้องของข้าลุกออกไปปลดทุกข์กลางดึก เสียงร้องนั้นน่าจะเป็นเขา”
อิ๋นจื่อจางพยักหน้าเบาๆ สายตากวาดไปทั่วทั้งสี่ทิศ สุดท้ายก็หยุดอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ซึ่งตระกูลเลี่ยวยืนอยู่ ในตอนนั้นเอง พุ่มไม้ทางด้านนั้นก็มีการเคลื่อนไหว เงาดำที่สูงเพียงครึ่งหัวคนก็พลันกระโดดลงมาจากต้นไม้
ภายใต้แสงจันทร์นั้นทำให้มองได้ชัดเจนว่ามันคือลิงสีดำมะเมื่อมที่บนหัวมีเขาแปลกประหลาดของวัวอยู่คู่หนึ่ง และมันกำลังลากศพที่เต็มไปด้วยเลือดอยู่ มันกระโดดไปไม่กี่ครั้งก็ออกห่างจากพวกเขาไปสองกว่าจ้าง
ศพสวมใส่เสื้อผ้าคนรับใช้ของตระกูลเลี่ยวไม่ผิดแน่ ตรงตำแหน่งหัวใจถูกควักจนกลายเป็นรูเลือดขนาดใหญ่ เลือดสดๆ ยังคงไหลทะลักออกมาภายนอก ดูแล้วน่าจะเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน
จูจูเพิ่งเคยเห็นคนตายเป็นครั้งแรก ทำให้กลัวจนตัวสั่น อิ๋นจื่อจางจับมือของนางไว้ แล้วจ้องไปที่นางเกือบจะดุนางที่ขี้กลัวเกินเหตุ จูจูที่ถูกเขาจ้องก็ไม่รู้ตัวว่าความกลัวของนางนั้นได้หายไปแล้ว
“นี่มันวานรเขาดำ” เลี่ยวหย่งฉีอุทานด้วยความตกใจ วานรเขาดำเป็นสัตว์ชั่วร้ายที่รับมือได้ยากที่สุดพละกำลังมาก ดุร้ายและชอบทำร้ายมนุษย์ แม้ระดับชั้นจะต่ำ แต่สำหรับผู้บำเพ็ญที่ระดับไม่สูงการรับมือกับมันนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก
เรื่องที่โชคร้ายที่สุดก็คือ พวกมันจะไม่เคลื่อนไหวเพียงลำพัง ทุกครั้งที่มันปรากฏตัวก็จะมีสองตัวขึ้นไป
อย่างที่คิดไว้ไม่นานวานรเขาดำตัวที่สองและสามก็ปรากฏกายขึ้น ใบหน้าดุร้ายเดินบีบใกล้เข้ามาที่คนตระกูลเลี่ยว แล้วคำรามก้องในลำคอเสียงต่ำ
เลี่ยวหย่งฉีมองไปที่วานรเขาดำทั้งสามตัวแล้วแอบร้องแย่แล้วอยู่เงียบๆ กัดฟันหันไปพูดกับอิ๋นจื่อจางว่า “อาวุโสท่านนี้ ร่วมมือกับข้าจัดการกับเจ้าเดรัจฉานพวกนี้ได้หรือไม่? ถ้าเกิดว่าสามารถฆ่ามันได้สักตัวสองตัว ร่างของมันจะเป็นของท่านทั้งหมด”
ในสถานการณ์เช่นนี้ วานรเขาดำต้องเข้ามาที่ค่ายของตระกูลเลี่ยวก่อนถึงจะเข้ามาจัดการอิ๋นจื่อจางและจูจู แน่นอนว่าอิ๋นจื่อจางสามารถใช้ให้พวกเขาสู้กับวานรเขาดำจนเหลือไม่กี่ตัวแล้วค่อยลงมือเผด็จศึกทีหลังก็ได้ และอิ๋นจื่อจางเองก็ปฏิบัติติต่อพวกเขาด้วยท่าทีเย็นชามาตลอด เลี่ยวหย่งฉีไม่แน่ใจว่าเขาจะยอมช่วยพวกนางต่อสู้ตั้งแต่เริ่มหรือไม่
สิ่งที่โชคร้ายที่สุดที่ตระกูลเลี่ยวรู้ดีก็คือ แปดเก้าส่วนวานรเขาดำพวกนั้นจะต้องพุ่งเข้ามาจัดการพวกเขาแน่
ช่วงบ่ายวันนี้ พวกเขาพบกระดูกของวานรเขาดำสองตัวอยู่ในถ้ำ เขาของมันสามารถนำไปทำยาเพิ่มกำลังและสามารถหลอมเป็นอาวุธได้อีก พวกเขาโลภมากจึงนำเขาทั้งสองคู่ของพวกมันกลับมาด้วย เดิมคิดว่าเทพไม่รู้ผีไม่เห็น ไม่คิดว่ามันจะดึงดูดให้วานรเขาดำที่มีชีวิตสามตัวตามมาแบบนี้
วานรเขาดำตั้งสามตัว เลี่ยวหย่งฉีรู้ตัวว่วานางไม่มีปัญญาฆ่าพวกมันได้แน่ จึงออกปากขอให้อิ๋นจื่อจางช่วย
“ได้ ! พวกเจ้าปกป้องนางให้ข้าก็พอแล้ว” อิ๋นจื่อจางชี้ไปที่จูจู
ได้พบวานรเขาดำแล้วเขาเองก็อยากจะลองดูสักตั้ง คู่ซ้อมแบบนี้หาได้ไม่ง่าย สิ่งเดียวที่เขากังวลก็คือยังมีวานรเขาดำตัวอื่นที่สามารถเข้ามาโจมตีจูจูได้ ตอนนี้เลี่ยวหย่งฉีเข้าใจความต้องการของเด็กหนุ่มทันที เขาไม่ได้ต้องการร่วมมือกับใคร แค่ต้องการให้มีคนดูแลจูจูก็พอแล้ว
เลี่ยวหย่งฉีดีใจมาก รีบส่งสายตาไปให้พ่อของตน เลี่ยวเทียนหัวเข้าใจในทันที พาคนรับใช้ถอยหลัง ไปยืนล้อมรอบจูจูไว้เป็นวงกลมเพื่อปกป้องนาง
ด้านข้างเลี่ยวหย่งหลินที่ทำตัวเหมือนลูกวัวไม่กลัวเสือนั้น ยกทวนยาวสีทองของตัวเองขึ้นมาคิดจะโจมตีไปที่เจ้าวานรเขาดำ ปากก็ตะโกนเสียงดังว่า “ท่านพ่อ ก็แค่เดรัจฉานไม่กี่ตัว ท่านคอยดูข้าจะจัดการพวกมันเอง!”
คำพูดเพิ่งจะหลุดออกจากปากทวนยาวของเขาก็ถูกวานรดำใช้แรงจับไว้แล้วสะบัด เขาล้มไปด้านข้างพร้อมทวน โชคยังดีที่ปฎิกิริยาตอบสนองของเขาถือว่ารวดเร็ว เขาพลิกตัวตีลังกาสองครั้งจึงสามารถฝืนให้ยืนนิ่งได้ เมื่อหลบพ้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว
วานรเขาดำตัวสูงไม่เท่าหมีดำตัวหนึ่งด้วยซ้ำ เลี่ยวหย่งหลินมีพลังวิญญาณระดับที่หนึ่งพละกำลังและกระดูกแข็งแรงมากกว่าคนปกติเป็นสิบเท่า ไม่นึกมาก่อนว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพวกมันแล้วเขาจะหมดท่าถึงเพียงนี้
ความมั่นใจของเขาถูกความบ้าคลั่งนี้ทำลายจนแตกละเอียด วานรเขาดำโผเข้ามาหาเขา เขาทำได้เพียงถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
เลี่ยวหย่งฉีที่กำลังรับมือวานรเขาดำอีกตนอยู่ พอเห็นพี่ชายกำลังได้รับอันตราย นางก็ร้อนใจจนเหงื่อซึมออกมาจากใบหน้า นางไม่สนใจใดๆ รีบละมือจากคู่ต่อสู้ของตัวเองพุ่งเข้าไปช่วยพี่ชาย
อิ๋นจื่อจางไม่เห็นสองพี่น้องอยู่ในสายตา เขาตะโกนอย่างไม่ไว้หน้าว่า: “ไสหัวไป!”
สองพี่น้องตระกูลเลี่ยวรู้สึกเหมือนว่ามีดอกไม้เบ่งบานขึ้นที่เบื้องหน้า อิ๋นจื่อจางยืนขวางอยู่ด้านหน้าพวกเขา ยกมือขึ้นโบกใส่วานรเขาดำที่กำลังพุ่งเข้ามา สองมือของเขามีแสงสีน้ำเงินปรากฏออกมา ปลายแสงเย็นเยียบยืดยาวพุ่งออกไปจากปลายนิ้วของเขายาวราวสามฉื่อ และรวมตัวกันเป็นรูปร่างของดาบยาวกลางอากาศ
วานรเขาดำเป็นแค่ปีศาจชั่วร้ายระดับหนึ่งที่ยังไม่ได้เปิดสติปัญญา แต่เพราะว่าพละกำลังและร่างกายแข็งแรงมากกว่าสัตว์ป่าธรรมดา เมื่อสายตาของมันมองเห็นแสงสีน้ำเงินที่เป็นดาบพุ่งเข้ามาหาตัว จึงเกิดความรู้สึกกลัว มันจึงใช้ร่างอันไร้วิญญาณของคนรับใช้ที่มันจับได้คนแรกมาเป็นเกราะกำบัง
อิ๋นจื่อจางไม่อยากทำลายศพของคนอื่น เขาขมวดคิ้วแล้วเปลี่ยนทิศทางของแสงให้พุ่งไปยังส่วนท้องของววานรเขาดำ ในขณะเดียวกันเท้าก็ถีบวานรเขาดำตัวที่สองที่กำลังพุ่งเข้ามาหาตนอย่างเต็มแรง
“เจี๊ยก…เจี๊ยก….”วานรเขาดำสองตัวร้องขึ้นมาอย่างทรมานเลือดสาดกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง
วานรเขาดำตัวแรกขาขาดเป็นบาดแผลที่ทั้งใหญ่และลึก ส่วนวานรเขาดำอีกตัวถูกถีบเข้าที่ต้นคอ ลอยกระเด็นไปข้างหลัง กระแทกเข้ากับวานรเขาดำตัวที่สามทำให้ทั้งสองตัวล้มกลิ้งลงไปบนพื้น
อิ๋นจื่อจางแค่ลงมือก็สามารถจัดการทั้งสามตัวได้ ! วานรเขาดำระเบิดเสียงร้องออกมาด้วยความโกรธ ทำให้นกที่อยู่บริเวณนั้นตกใจจนบินหนีไป
ตระกูลเลี่ยวพาคนรับใช้ทั้งห้า มาคอยสังเกตเหตุการณ์ เห็นเขาเก่งกล้าเช่นนี้ ก็ตกตะลึง ผู้เป็นพ่อรู้สึกโชคดีที่ฟังคำพูดของลูกสาวไม่ไปหาเรื่องเขา ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงต้องพบกับความยากลำบากเป็นแน่
จูจูก็ดูออกว่าวานรเขาดำพวกนั้นสู้อิ๋นจื่อจางไม่ได้ แต่ไม่รู้ทำไมนางกลับยังไม่สบายใจ เหมือนกับว่าต่อจากนี้จะมีเรื่องอันตรายเข้ามาอีก นางหันกลับมามองช้าๆ ก็พบว่าพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ลำธารกำลังสั่นไหว นางตะโกนออกไปโดยแทบไม่ต้องคิด : “ระวัง!”
สายไปเสียแล้ว ที่พุ่มไม้มีเสียงคำรามดังขึ้น เงาดำสองสายพุ่งมาจากทางด้านหลังที่ตระกูลเลี่ยวรวมตัวกันอยู่ ---- ยังมีวานรเขาดำอีกสองตัว!
คนอื่นๆ ถูกเสียงตะโกนของจูจูทำให้ตกใจจนสะดุ้งต่างยกอาวุธขึ้นมาต้านรับไว้ วานรเขาดำไม่มองด้วยซ้ำสุดท้ายคนรับใช้สองคนก็ถูกวานรเขาดำเหวี่ยงลอยไป ทั้งสองเลือดไหลออกจากจมูกก่อนที่จะร่วงลงกับพื้น แค่มองก็รู้ว่าร่างนั้นไร้วิญญาณเสียแล้ว
เพราะว่าจูจูรู้ตัวอยู่ก่อนหน้า ตอนที่วานรเขาดำพุ่งเข้ามา นางก็วิ่งหนีไปหลายก้าวแล้ว เลี่ยวเทียนหัวช้าไปหนึ่งก้าวเพราะวานรเขาดำพุ่งเข้ามาหาเขา เขาใช้โอกาสนั้นคว้าเอาตัวเด็กรับใช้มาบังหน้า ส่วนตัวเองลากลูกชายวิ่งออกไป
กรงเล็บของวานรเขาดำตบลงด้านล่าง ศีรษะของชายหนุ่มที่น่าสงสารคนนั้นแตกกระจายคาที่ แต่ว่าในระยะเวลาแค่นี้ก็ทำให้เลี่ยวเทียนหัวมีเวลาหนีออกมาได้เหลือเฟือ
เลี่ยวหย่งฉีหันหลังกลับมาต่อสู้กับหนึ่งในสองตัวที่ปรากฏขึ้นมาอย่างรีบร้อน อีกตัวก็ยังพยายามจะสังหารบิดาของนางไม่ยอมปล่อย เพราะว่าร่างกายของพวกเขามีกลิ่นอายของเขาวานรเขาดำที่ถ้ำอยู่ พวกมันจะยอมปล่อยไปได้ยังไงเล่า? !
สองพ่อลูกร่างกายสูงใหญ่ขาก็ยาว พวกเขาจ้องมองจูจู ในสถานการณ์ที่ถึงชีวิตเลี่ยวหย่งหลินคิดคำนวณอย่างรวดเร็วแล้วกระชากแขนของจูจูไปด้านหลังจงใจใช้นางเป็นเกราะป้องกันการไล่ล่าของวานรเขาดำ
เขาไม่ทันคิดว่าทำแบบนี้แล้วอิ๋นจื่อจางจะโกรธหรือไม่ ถึงแม้ว่าอิ๋นจื่อจางจะไม่พอใจก็คงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก ก็แค่สาวใช้ชั้นต่ำคนหนึ่ง ตายก็ตายไปสิ! เมื่อครู่บิดาของเขายังใช้คนรับใช้มาเป็นเกราะป้องกันในการหนีวานรเขาดำเลยไม่ใช่เหรอ?
จูจูคิดไม่ถึงว่าเขาจะชั่วช้าไร้ยางอายเช่นนี้ อยากจะหนีก็หนีไม่พ้น นางกรีดร้องพลางค่อยๆ ถอยหลังแล้วล้มลง