ตอนที่ 4 มือสังหาร
สีหน้าของชุยจินเผิงไม่น่ามอง
เมื่ออยู่ต่อหน้าหอสุราคมมีดโลหิต...มิมีผู้ใดสามารถวางอำนาจได้! ก็เพราะจักรพรรดิผู้บุกเบิกรวบรวมแว่นแคว้นก่อตั้งอาณาจักรภูผามังกรผู้เก่งกาจนั้น ในฐานะที่เป็นเทพเทวา ก็ยังคงรักษาสถานะสูงส่งเกินสามัญของหอสุราคมมีดโลหิตและศาลเทพปฐพีเอาไว้
ทว่าสามล้านตำลึงทอง เขาจ่ายไม่ไหวจริงๆ นี่นา!
หรือว่าจะไม่แก้แค้น
ให้ตายเขาก็ยอมมิได้!
“ข้า ข้าขอเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของภารกิจ!” ชุยจินเผิงกัดฟันพูด “คนอื่นน่ะช่างมันเถอะ ข้าเพียงขอให้ฆาตกร ‘ตงป๋อชิงสือ’ ตายก็พอแล้ว!”
“ฆาตกรหรือ” สตรีในอาภรณ์สีม่วงคิ้วกระตุกแล้วมองชุยจินเผิงแวบหนึ่ง ทว่าด้วยกฎของหอสุราคมมีดโลหิตแล้ว นางก็มิอาจตามถามต่อและมิอาจเปิดเผยเรื่องราวออกไปได้
“ถูกต้อง ฆาตกร” ชุยจินเผิงก็เชื่อมั่นในความน่าเชื่อถือของหอสุราคมมีดโลหิต เขากัดฟันพูดว่า “ข้าต้องการให้ฆาตกรที่สมควรตายผู้นี้ตายเสีย! มันชื่อตงป๋อชิงสือ บอกข้ามาสิว่าจะสังหารนักเวทย์เช่นนี้คนหนึ่งต้องใช้กี่ตำลึงทอง ใช่แล้ว ต้องรีบลงมือให้เร็วที่สุด ข้ากังวลว่าหากตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นั้นสืบพบความจริงขึ้นมา เกรงว่าถึงเวลานั้นคงเกิดอุปสรรคมากมายตามมา”
“โปรดเชื่อมั่นในความเร็วของหอสุราคมมีดโลหิตเราเถิด” สตรีในอาภรณ์สีม่วงยิ้มพูด “โปรดรอสักครู่ ท่านต้องการสังหารฆาตกรตงป๋อชิงสือ อีกไม่นานราคาก็ออกมาแล้วล่ะ”
สตรีในอาภรณ์สีม่วงเหลือบมองลงไปยังลูกผลึกบนโต๊ะตรงหน้า
“สังหารฆาตกรตงป๋อชิงสือภายในหนึ่งวัน ต้องใช้หนึ่งล้านตำลึงทอง!” สตรีในอาภรณ์สีม่วงเอ่ย
“หนึ่งล้านตำลึงทองรึ เขาเป็นเพียงนักเวทย์สามัญเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นนักเวทย์ชั้นดินเสียด้วยซ้ำ!” ชุยจินเผิงเบิกตาโพลง “เพียงแค่ส่งมือสังหารที่เก่งกาจหน่อยออกไป แอบแทรกซึมเข้าไปลอบแทงเขา ง่ายดายยิ่งนัก”
“บัดนี้ปราการเมืองศิลาหิมะย่อมคุ้มกันแน่นหนาเป็นแน่ และเกรงว่าตงป๋อชิงสือผู้นั้นก็คงอยู่ภายในปราการเมือง ไม่ออกไปไหนอีกสักระยะสั้นๆ” สตรีในอาภรณ์สีม่วงพูด “หากท่านให้เวลาสักปีหนึ่ง เกรงว่าภารกิจนี้คงต้องการเพียงหนึ่งแสนตำลึงทองเท่านั้น! แต่ท่านต้องการทำให้สำเร็จภายในหนึ่งวัน พวกเรายังต้องถ่ายทอดภารกิจให้มือสังหาร มือสังหารยังต้องเตรียมตัวแล้วรีบออกไป ฉุกละหุกเกินไปแล้ว...ทั้งเกรงว่ายังต้องเผชิญกับการขัดขวางจากคนอื่นๆ ในปราการเมืองศิลาหิมะอีกด้วย”
สตรีในอาภรณ์สีม่วงยิ้ม
ชุยจินเผิงกัดฟัน
ที่หอสุราคมมีดโลหิต มิอาจต่อราคาได้ หากไม่จ่ายเงินรางวัล ก็ไสหัวไป
“ได้!” สีหน้าของชุยจินเผิงเหี้ยมเกรียม “เร่งลงมือเสีย จัดการให้เร็วที่สุด”
“มอบเงินมาด้วย” สตรีในอาภรณ์สีม่วงมองเขา
แม้ชุยจินเผิงจะปวดใจอย่างยิ่ง แต่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุตรชายนั้นทำให้เขาบ้าคลั่งอยู่ก่อนแล้ว เขาไม่เสียดายอะไรทั้งสิ้น
เมื่อพลิกมือก็หยิบตั๋วเงินปึกใหญ่ออกมา ตั๋วเงินปึกใหญ่นี้เป็นเงินหนึ่งล้านถ้วนพอดี เมื่อก่อนตอนเขาไม่มีอะไรทำก็ชอบหยิบออกมาพลิกเล่น นับเล่น ช่างสุขสราญหาใดเปรียบ! นี่คือสิ่งที่เขาเก็บสะสมมาแทบทั้งหมดระหว่างดิ้นรนอยู่โลกใต้ดินตลอดหลายปีมานี้
“ยินดีที่ได้ร่วมการค้ากัน” สตรีในอาภรณ์สีม่วงยิ้มพูด “พวกเราจะจัดมือสังหารที่เหมาะสมไปโดยทันที”
“อืม”
ชุยจินเผิงพยักหน้า นัยน์ตาเต็มไปด้วยเพลิงแค้นและความเกลียดชัง
ราวกับเขาได้เห็นความตายของตงป๋อชิงสือผู้นั้น เขาเชื่อมั่นในความสามารถของ ‘หอสุราคมมีดโลหิต’ เป็นอย่างยิ่ง! โดยทั่วไป ‘หอสุราคมมีดโลหิต’ รับภารกิจแล้วก็ล้วนทำสำเร็จ นอกเสียจากพบสถานการณ์ที่พิเศษยิ่ง เช่นว่าเมื่อรับภารกิจนั้นแล้วเห็นๆ อยู่ว่าจะสังหารชั้นสมญาผู้หนึ่ง แต่เมื่อลงมือจริงกลับพบว่าเป็นชีวิตเหนือธรรมดา! หอสุราคมมีดโลหิตก็จะถอนตัวออกจากภารกิจชั่วคราว อีกทั้งขอให้เพิ่มราคา! ทั้งยังมิอาจคืนเงินได้ด้วย!
หอสุราคมมีดโลหิตก็ใช้กฎนี้เอง หากรับไม่ได้ก็อย่าเข้ามา
แท้จริงแล้วหอสุราคมมีดโลหิตก็มีคำพูดติดปากอย่างยิ่ง
……
ตลอดคืน
หอสุราคมมีดโลหิตแจ้งข่าวให้มือสังหารสามคนในเขตแดนเมืองชิงเหอทราบอย่างรวดเร็วผ่านช่องทางข่าวสารลับของตน ภารกิจนั้นเร่งดวนยิ่ง จำต้องมาตอบกลับภายในหนึ่งชั่วยาม! หากพวกเขาล้วนไม่รับภารกิจแล้ว...เช่นนั้นหอสุราคมมีดโลหิตก็จะรีบแจ้งข่าวให้มือสังหารในเมืองอื่นทราบทันที
เนื่องจากภารกิจนี้มีอุปสรรคคือ ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ซึ่งเป็นไปได้ว่าเป็นชั้นสมญา
ดังนั้นผู้ที่ได้รับภารกิจก็ล้วนมีพลังรบถึงชั้นสมญาทั้งสิ้น!
เพราะไม่จำเป็นต้องฆ่าตงป๋อเสวี่ยอิงให้ตาย ดังนั้นราคาคือหนึ่งล้านตำลึงทอง หากต้องการฆ่าตงป๋อเสวี่ยอิงให้ตายแล้ว ทั้งเมืองชิงเหอก็มีมือสังหารเพียงผู้เดียวที่มีคุณสมบัติพอจะรับภารกิจได้ก็คือเซี่ยงผางอวิ๋น! สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดของทั้งเมืองชิงเหอ เขามีพลังกดดันอันสมบูรณ์ เพียงพบหน้าแวบเดียวก็สามารถสังหารชั้นสมญาทั่วไปได้
ความแข็งแกร่งของเขานั้น ทำให้คนตัวสั่นระริก
แม้แต่แม่มดเฒ่า ‘ซือเหลียงหง’ ที่แปรร่างเป็นแม่มดเลือด มีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีผู้ถูกจัดให้เข้าอยู่ในรายนามภูผามังกรยังถูกจัดอันดับให้อยู่หลังเซี่ยงผางอวิ๋นเสียอีก! อันดับในรายนามภูผามังกรนั้นเที่ยงตรงอย่างยิ่ง
ไม่นานก็ยืนยันตัวมือสังหารออกมาแล้ว
ได้แก่มือสังหารผู้เก่งกาจยิ่งทีมีนามแฝงว่า ‘มารวายุ’
……
ภายในเรือนที่ค่อนข้างกว้างขวางแห่งหนึ่งในตัวเมือง ขณะนี้แสงไฟสว่างไสว เงาร่างคนห้าสายนั่งรวมตัวสนทนากัน
“พี่ใหญ่ ข้าพาพวกเจ้าสามไปก็พอแล้ว” บุรุษร่างผอมเกร็งที่นั่งอยู่ด้านหนึ่งอ้อนวอน เขาสวมเกราะอ่อนสีเงินที่ตรงอกมีแผ่นป้องกันหัวใจสำริดรูปร่างแปลกประหลาดอยู่ ใบหน้าครึ่งหนึ่งมีหน้ากากสีเงินปิดไว้ “ภารกิจเล็กๆ อย่างการลอบแทงนี่ง่ายดายเกินไปแล้ว แม้ในรายงานจะบอกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นั้นอาจจะเป็นชั้นสมญา ฮ่าๆ แต่เขาอายุเพียงยี่สิบสองปีเท่านั้น ชั้นสมญาวัยยี่สิบสองปีน่ะหรือ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน”
“ต่อให้เขาเป็นจริงๆ เขาก็ทำอะไรข้ามิได้!” บุรุษร่างผอมเกร็งแสยะยิ้ม “พี่ใหญ่ท่านไม่จำเป็นต้องออกหน้าหรอก”
เขาก็คือมารวายุ!
มือสังหารผู้น่ากลัวที่พลังรบถึงชั้นสมญา!
“ถูกต้อง พี่ใหญ่ อีกทั้งยังมีพวกเราสามคนคอยช่วยอีกด้วย” นักเวทย์ผมขาวผู้หนึ่งเกลี้ยกล่อม ในฐานะที่เป็นนักเวทย์จันทร์เงินเขาจึงทะนงตนยิ่ง แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ใหญ่ของพวกเขานั้น ผู้ใดก็มิกล้าทะนงตน
ผู้ที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานคือบุรุษผู้องอาจที่สวมอาภรณ์สีแดงเข้มตัวหลวม เผยให้เห็นแผ่นอกส่วนหนึ่ง ร่างของเขาสูงราวหนึ่งเมตรเก้าสิบ แม้จะนับว่าองอาจกำยำ...ทว่ามิอาจเทียบได้กับเทวทูตที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเคยพบ ใต้เท้าเทวทูตผู้นั้นมีร่างดุจสัตว์ประหลาดโดยแท้ ทว่าพูดถึงอานุภาพกดดันแล้ว บุรุษผู้องอาจคนนี้แม้นั่งอยู่ตรงนั้น แต่อานุภาพกดดันอันไร้รูปร่างนั้นกลับแข็งแกร่งกว่าใต้เท้าเทวทูตก่อนหน้านี้มากโข
เทวทูตผู้นั้นราวกับลูกแมวเชื่อง ส่วนบุรุษผู้องอาจคนนี้กลับเหมือนสัตว์ร้ายที่ไร้เทียมทาน
ความโหดเหี้ยมของเขายิ่งรุนแรงหาใดเปรียบ
ความโหดเหี้ยมของเขานั้นหล่อหลอมขึ้นมาจากการเข่นฆ่าสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า! บรรดามือสังหารโดยทั่วไปล้วนซ่อนเร้นตัวตน ทว่าเขากลับเปิดเผยตัวตนอย่างไม่แยแสแม้แต่น้อย เพราะว่าการเข่นฆ่าสังหารของเขานั้นล้วนเป็นภารกิจที่รับจากหอสุราคมมีดโลหิต ผู้ใดก็มิอาจหาเรื่องเขาซึ่งหน้า!
มารวายุเป็นยอดฝีมือผู้เก่งกาจยิ่ง ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ใหญ่ก็มิกล้าวางท่าอวดดี เขานอบน้อมเชื่อฟังยิ่งนัก
“แม่มดเฒ่าซือเหลียงหงนั่นหลบซ่อนตัวมาตลอด อยากจะตามหานางมาเล่นด้วยเสียหน่อยก็ไม่ยอมออกมา ข้าไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมาหลายวันแล้ว รู้สึกคันไม้คันมือนัก ครั้งนี้ไปดูกับพวกเจ้าเสียหน่อย หากภารกิจง่ายนักพวกเจ้าก็จัดการเสีย หากตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นั้นเป็นชั้นสมญาจริง ข้าก็มีของเล่นแล้ว” บุรุษผู้องอาจนี้หัวเราะสบายๆ ดวงตาทั้งคู่ของเขามีสีแดงโลหิตซึ่งเกิดจากการฝึกฝนวิถีพลังการต่อสู้ของเขา
เขาก็คือยอดฝีมืออันดับหนึ่งและเป็นมือสังหารที่น่ากลัวที่สุดของทั้งเมืองชิงเหอ ...เซี่ยงผางอวิ๋น!
“ก็ได้ ก็ได้ ในเมื่อพี่ใหญ่จะไป เช่นนั้นก็ไปเถอะ ที่จริงแล้วภารกิจนี้ง่ายดายนัก คาดว่าคงไม่ต้องให้พี่ใหญ่ออกแรงหรอก” มารวายุยิ้มพลางสัพยอก
“ในเมื่อกำหนดเอาไว้แล้ว พรุ่งนี้เช้าก็ออกเดินทางไปยังแดนอินทรีหิมะแห่งเมืองอี๋สุ่ยเถอะ” เซี่ยงผางอวิ๋นยืดกายขึ้นแล้วออกคำสั่ง
“ขอรับ”
มารวายุและพวกอีกสี่คนล้วนรับคำ
……………………………………………….