บทที่ 19 ผ่านประตู

ตอนที่ 19 ผ่านประตู

เมื่ออาจารย์ซุนเห็นน้ำเต้าพวกนี้ จึงไม่สามารถควบคุมความโกรธของตัวเองได้ ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็ดูธรรมดาถึแม้ว่ามันจะมีโพรงและเต็มไปด้วยน้ำแร่ธรรมชาติก็ตามที

หวังหลินหัวเราะเยาะภายในใจแต่ใบหน้าเขาดูไร้เดียงสา “ข้าไม่รู้ว่าพลังปราณคืออะไร ข้าแค่ได้ยินว่าท่านจะให้หินวิญญาณถ้าข้านำน้ำเต้ามาให้สักชิ้น ท่านพอจะอธิบายได้หรือไม่ว่าพลังปราณที่ท่านว่าหมายถึงคืออะไร?”

อาจารย์ซุนรู้สึกวิงเวียน เขามองไปที่หวังหลินเป็นเวลานานและเริ่มสงสัยว่าจะมีน้ำเต้าอื่นๆเป็นแบบน้ำเต้าพลังปราณนั้นหรือไม่ หรือมีเพียงแค่อันเดียวที่เด็กโง่นี้บังเอิญได้มา

เขาคิดสักครู่และก็ตระหนักว่าหวังหลินพูดมีเหตุผล ต้องถึงขั้นแรกก่อนถึงสามารถรับรู้พลังปราณรอบด้านได้ หลังคิดได้เช่นนี้ เขาก็รู้สึกเสียใจที่ใส่สมุนไพรยับยั้งพลังปราณในอาหารของหวังหลิน หวังหลินเองก็ไม่ได้มีพรสวรรค์มากมายอะไร การไปถึงขั้นแรกนั้นจึงยากยิ่งกว่ายากแม้จะฝึกอีกหลายสิบปี

อาจารย์ซุนรู้สึกท้อแท้และถอนหายใจแต่ยังไม่ยอมแพ้ เขาลังเลสักพักและเอาหินวิญญาณระดับต้ำออกมาให้หวังหลิน "เอาไปสิตามคำสัญญา ใช้หินวิญญาณนี้ฝึกฝนให้ถึงขั้นแรกเร็วที่สุดเท่าที่เจ้าทำได้"

หวังหลินรีบรับมันมาพร้อมขอบคุณและกลับไปที่ห้องของตนด้วยความยินดี

อาจารย์ซุนยังคงยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานก่อนจะถอนหายใจและพึมพำกับตัวเอง “นี่เป็นหนทางเดียวที่จะได้เห็นว่ามันโกหกข้าอยู่หรือไม่”

วิชาค้นวิญญาณเป็นทักษะเซียนพื้นฐาน ถ้าใช้กับคนธรรมดามันมีอาจจะมีโอกาสทำให้จิตวิญญาณแตกเป็นเสี่ยงๆได้ อย่างดีที่สุดคือแค่สมองเสื่อม

แต่นี่เป็นเพียงข้อเสียเล็กน้อยสำหรับคนที่ยังไม่เข้าถึงระดับฝึกตนขั้นแรก ถ้าใช้กับคนธรรมดานั่นจะทำให้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ถ้าเป้าหมายเป็นผู้ฝึกเซียน ผลกระทบจะไม่มากขนาดนั้น อย่างไรก็ตามตลอดชีวิตสามารถโดนได้แค่สามครั้งและผู้ใช้จะสูญเสียระดับฝึกตนไปหนึ่งระดับ

หวังหลินนั่งขัดสมาธิภายในห้องตัวเอง ไม่ว่าเขาจะสังเกตหินก้อนนี้ยังไง มันก็ดูไม่พิเศษไปกว่านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อเขาถือมันไว้ในมือ ความรู้สึกภายในใจก็ชัดเจนขึ้น เขาเริ่มต้นการฝึกฝนทันที

คืนหนึ่งได้ผ่านเข้ามา หวังหลินถอนหายใจ เขายังคงไม่รู้สึกถึงมดกัดตามร่างกายเลย ไม่มีสัญญาณบ่งบอกถึงพลังปราณในร่างตัวเอง เขายิ้มอย่างขมขื่น ขณะนั้น มีใครคนหนึ่งได้ผลักประตูเปิดขึ้น ซุนต้าซื่อเดินเข้ามาด้วยสีหน้าทะมึน ถือถ้วยข้างในเป็นของเหลวสีดำ

“ดื่มมันซะ!”

หวังหลินตกตะลึงและมองอย่างระมัดระวังเขายังไม่ได้รับจานไป "ท่านอาจารย์ สิ่งนี้คืออะไร?"

อาจารย์ซุนเห็นการแสดงออกของหวังหลินจึงกลายเป็นโกรธเกรี้ยว เขาตะโกน “เจ้าคิดจริงรึว่าข้าจะทำอันตรายเจ้า? ถ้าสิ่งนี้ไม่ได้ช่วยเจ้าบรรลุขั้นรวบรวมปราณระดับแรก เจ้าคิดรึว่าข้าจะใช้เวลาทั้งคืนและเสียสมุนไพรไปมากมายเพื่อปรุงยานี้ขึ้นมาไปทำไม?”

หวังหลินลังเลและเห็นซุนต้าซื่อมองอย่างดูถูก เขาหยิบถ้วยมาและกลืนน้ำลายไปอึกนึง

หลังจากเขาดื่มมันจนหมดจึงรู้สึกถึงความรู้สึกร้อนแรงผ่านเข้ามาในท้องตัวเอง มันกระจายไปทั่วทั้งร่างกายทำให้เขารู้สึกกระหายน้ำ นี่ราวกับเขาเขากำลังถูกอบอยู่ในไฟร้อนๆ

วิสัยทัศน์ของเขามืดลง หวังหลินปล่อยจานตกลงบนพื้นและรู้สึกว่าเขามึนศีรษะและเริ่มง่วงขึ้นมา

“รีบฝึกควบคุมการหายใจเข้า ข้าจะช่วยเจ้าดูดซึมเอง” ซุนต้าซื่อวางแขนตัวเองบนไหล่หวังหลินอย่างไม่เต็มใจ

ความรู้สึกเย็นยะเยียบแล่นผ่านเข้าศีรษะทำให้จิตใจชัดเจนขึ้น เขารีบเร่งฝึกเทคนิคการหายใจในทันที ซุนต้าซื่อมองอย่างเศร้าศร้อยไปที่ถ้วยบนพื้น เขาพึมพำกับตัวเองไม่กี่คำจากนั้นหยิบเอาหินวิญญาณระดับต่ำวางไว้รอบตัวหวังหลิน ‘เด็กน้อย เวลานี้ข้าลงทุนกับเจ้าไปมาก ในอนาคตเจ้าควรจะจ่ายคืนข้าทั้งหมดนี่หล่ะ’

หลังจากนั้นไม่นานหวังก็รู้สึกได้ว่าเกิดความรู้สึกราวกับมดกำลังไต่ตามร่างกาย ซุนต้าซื่อได้ช่วยให้ร่างกายหวังหลินควบแน่นพลังปราณจากตัวยา ใบหน้ายินดีปรากฏทันที

เพียงชั่วขณะกลิ่นปราณเหม็นหึ่งปรากฏบนร่างหวังหลินและสลายไปอย่างรวดเร็วจากการควบแน่นพลังปราณ

ใบหน้าซุนต้าซื่อเปลี่ยนเป็นขมขื่น เขารู้ต้นกำเนิดกลิ่นนี้ดี มันเป็นหญ้าพลังปราณบดละเอียดที่หวังหลินกินไปเมื่อวาน นอกจากนั้นก็มาจากพลังปราณของยาที่เขาพึ่งใช้ไป ตอนนี้ไม่มีปราณควบแน่นบนร่างหวังหลินแล้ว

ซุนต้าซื่อถอนหายใจ เขาจ้องหวังหลินด้วยความรู้สึกผสมปนเปไปทั่ว

หวังหลินลืมตา ร่างกายรู้สึกเบาสบาย เรื่องนี้ต้องขอบคุณอาจารย์ซุน เขาสังเกตใบหน้าขมขื่นของอาจารย์ได้แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

หวังหลินตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าซุนต้าซื่อจะทำอะไรต่อไป หวังหลินเดินออกมาและตะโกนขึ้น “ท่านอาจารย์ ศิษย์จะออกไปที่แหล่งน้ำแร่ธรรมชาติเผื่อว่าวันนี้จะโชคดีขึ้นมาบ้าง!”

ซุนต้าซื่อเปิดประตูทางเข้าสวนออกอย่างเงียบเชียบ เมื่อหวังหลินเดินออกมา ผู้อาวุโสซุนยังคงติดตามเขาไม่ห่าง ไม่เต็มใจจะยอมแพ้ตอนนี้

หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นหวังหลินได้ไปที่แหล่งน้ำแร่ธรรมชาติเพื่อฝึกฝนทุกวันและผู้อาวุโสซุนก็ติดตามเขาไปทุกวันเช่นกัน เขาเริ่มจะมีความผิดหวังวันแล้ววันเล่า

ตลอดทั้งเดือนเขาได้ให้ยาหวังหลินทุกวันเพื่อช่วยให้ควบแน่นลมปราณ แต่ทั้งหมดกลับพบแต่ความผิดหวัง อารมณ์ของผู้อาวุโสซุนกลายเป็นแย่ลงและแย่ลงมากขึ้น

สิ่งสำคัญที่สุดที่ซุนต้าซื่อสังเกตได้คือพลังปราณในน้ำเต้าได้สูญเสียไปอย่างช้าๆ หลังหนึ่งเดือนได้ผ่านไปน้ำแร่ที่เติมในน้ำเต้าได้กลายเป็นน้ำแร่ตามปกติ

ในที่สุดน้ำเต้าก็กลายเป็นน้ำเต้าปกติ ซุนต้าซื่อรู้สึกหมดหวัง หลังจากวิเคราะห์มันแล้วเขาจึงได้แต่เดาว่านี่เป็นเพียงน้ำเต้าธรรมดาแต่ด้วยเหตุผลสักอย่างจึงได้มีพลังปราณ เจ้าเด็กคนนี้ต้องสะดุดกับความโชคดีจริงๆที่ได้เจอน้ำเต้าเปลี่ยนไปแบบนี้ซึ่งมีโอกาสต่ำมาก

เขามั่นใจและยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าเขาคิดถูก หัวใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว เดือนนี้เขาไม่ได้ทำอะไรอื่นนอกจากแอบติดตามหวังหลินและปรุงยาให้ ตอนนี้ความพยายามทั้งหมดเป็นเรื่องเสียเปล่า เขาเรียกหวังหลินเข้ามาตำหนิ และโบกแขนครานึงโยนหวังหลินออกจากลาน

ทุกๆครั้งที่เขาเห็นหวังหลิน อารมณ์จะเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ ตอนนี้เขาถอนสายตาและหลุดความคิด ลืมไปว่านี่เป็นศิษย์ของเขาเอง

พอคิดได้ขึ้นมา หวังหลินที่ใช้สมุนไพรไปทั้งเดือนอาจจะใช้เวลาแปดถึงสิบปีเพื่อบรรลุขั้นรวบรวมลมปราณระดับแรก เว้นแต่จะปรุงสมุนไพรให้เขาเพิ่มขึ้น

………………………………...