บทที่ 48 ประลอง (2)

ตอนที่ 48 ประลอง (2)

“ศิษย์พี่จ้าวโดดเด่นมาก เอาชนะมันแล้วสร้างความภาคภูมิใจให้กับสำนักให้ได้!”

“ทำให้รู้ว่าสำนักเหิงยั่วของเราแข็งแกร่งแค่ไหน พี่จ้าว!”

“สำนักซวนต้าวหยิ่งยโสนัก พี่จ้าว พวกมันกล้าที่จะพูดว่าใช้พลังเพียงครึ่งส่วน ท่านทำให้พวกมันอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ!”

“สำนักซวนต้าวช่างฉลาดนัก พวกมันเตรียมทางหนีทีไล่ถ้าหากแพ้ไว้แล้ว ข้าจะรอดู พี่จ้าว! เอามันให้ยับ!”

ศิษย์สำนักเหิงยั่วต่างเริ่มโกรธขึ้น คำพูดผู้อาวุโสสำนักซวนต้าวกลับมาทำร้ายตนเอง

เหล่าผู้อาวุโสของสำนักเหิงยั่วมีสีหน้ามืดหม่น พวกเขายืนอยู่เงียบๆแต่สายตากลับเต็มไปด้วยความหนาวเย็นจ้องไปที่สำนักซวนต้าวด้วยความเป็นมิตรน้อยลง

ซุนต้าซื่อหัวเราะ ยิ้มและกระซิบให้กับหวังหลิน “ลูกศิษย์เอ๋ย จงดูให้ดีดี การประลองครั้งนี้เข้มข้นมากกว่าครั้งก่อนนัก นี่เป็นครั้งแรกที่สำนักซวนต้าวกล้าหยิ่งยโสเช่นนี้”

หวังหลินมองไปรอบเหล่าศิษย์สายในที่โกรธเคืองและจากนั้นก็มองกลับไปที่หลิวเฟิง รอบกายเขายังมีชั้นหมอกสีดำป้องกันการตรวจสอบระดับฝึกตนอยู่ด้วย

หลิวเฟิงยืนบนลานประลองและพูดขึ้นอย่างสุภาพ “พี่จ้าว เมื่อผู้อาวุโสของข้ากล่าวเช่นนี้ข้าจึงต้องใช้พลังเพียงครึ่งส่วนในการต่อสู้”

จ้าวหลงสูงปานกลาง ผิวกายคล้ำและดูแข็งแรงกำยำดุจนักรบในโลกยุทธภพมากกว่าจะเป็นผู้ฝึกเซียนเสียอีก

จ้าวหลงมองหลิวเฟิงอย่างรอบคอบ พลันกำหมัดแน่น “พี่หลิว โปรดชี้แนะด้วย!” เมื่อกล่าวจบพลันก้าวหนึ่งครั้ง ดอกบัวสีขาวบานสะพรั่งปรากฏขึ้นทีละดอกรอบๆจ้าวหลงและลอยอยู่ข้างกายเขา

กระบี่ปราณสีเงินปรากฏบนดอกบัวสีขาว เสียงลมปะทะกับเสื้อผ้าจ้าวหลงดังเข้าโสตประสาทแต่กลับไม่มีลมเกิดขึ้นให้เห็น

จ้าวสำนักฮวงหลงยิ้ม “คมมีดดอกบัวของจ้าวหลงเข้าสู่ระดับกลางแล้ว เยี่ยมมาก”

ผู้อาวุโสใบหน้าสีแดงพูดอย่างภูมิใจด้านข้าง “ฮ่าฮ่า! ท่านจ้าวสำนัก จ้าวหลงเป็นศิษย์รักของข้า พรสวรรค์ของเขายอดเยี่ยมและฝึกฝนอย่างหนัก คมมีดดอกบัวนี้เป็นของที่เขาได้มาจากสุสานกระบี่ด้วยตนเอง หลังจากนั้นห้าปี ในที่สุดเขาก็บรรลุระดับกลาง”

ผู้อาวุโสซิ่วยิ้มและพูดให้กับศิษย์รอบๆฟัง “คมมีดดอกบัวเป็นที่รู้กันว่าเด่นด้านพลังโจมตี ศิษย์สายในควรใช้โอกาสนี้เพื่อเรียนรู้จากเขา”

สายตาหวังจัวหดแคบลง เขาไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าแต่กลับคิดขึ้น “คมมีดดอกบัวหรือ? ฮึ่ม! ข้ารู้จักมันดี ให้เวลาข้าห้าปี ข้าก็แข็งแกร่งกว่าเขาได้”

“พี่จ้าวปกติเป็นคนเงียบๆ ข้าไม่คาดคิดว่าเขาบรรลุคมมีดดอกบัวได้ถึงเพียงนี้” ซุนเฮ่าลอบอิจฉาและสังเกตอย่างละเอียด

บนลานประลอง จ้าวหลงตะโกนขึ้น “พี่หลิว คมมีดสายลมนี้แข็งแกร่งมาก ท่านโปรดระวังตัวด้วย!”

ทันใดนั้นดอกบัวที่ลอยรอบตัวจ้าวหลงก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว กระบี่ปราณพุ่งเข้าหาหลิวเฟิงในทันที

ใบหน้าหลิวเฟิงสงบนิ่ง เคลื่อนตัวไปด้านหลังทันทีและทำสัญลักษณ์มือ “กำแพงวารี!” ขณะนั้นท้องฟ้ามืดครึ้ม จุดแสงปรากฏขึ้นกลายเป็นหยดน้ำ

หยดน้ำรวมตัวกันราวกับสายฟ้าด้านหน้าหลิวเฟิง ก่อตัวเป็นกำแพงวารีสีสันแวววาวและดูสวยงาม

ผู้อาวุโสโอวหยางยิ้มบางและเอ่ยขึ้นให้กับศิษย์ด้านหลัง “คมมีดดอกบัวของสำนักเหิงยั่วเป็นวิชาเซียนที่ยากจะเชี่ยวชาญ พวกเจ้าทั้งหมดจำไว้ให้ดี ถ้าเจอคมมีดดอกบัวจงอย่าพยายามปะทะ แต่ให้หลบหลีกมัน เว้นแต่เจ้าจะเป็นเหมือนหลิวเฟิงที่มีรากวิญญาณวารีและสามารถควบคุมน้ำได้ดั่งใจ”

เหล่าศิษย์ทุกคนพยักหน้าตกลง ยกเว้นชายวัยกลางคนด้านหลังที่มีสีหน้าดูถูก

บนลานประลอง ปราณกระบี่พุ่งเป็นสายฝนปะทะกับกำแพงวารีของหลิวเฟิง ใบหน้าจ้าวหลงลดต่ำลง กำแพงวารีนี้ช่างประหลาดเกินไป ขณะที่ปราณกระบี่พุ่งเช้าปะทะ มันก็หายไปโดยไม่เกิดผลอะไรทั้งสิ้น

เขาขมวดคิ้วและกำลังจะใช้วิชาเซียนอันเดิมอีกครั้งแต่เห็นหลิวเฟิงยิ้มขึ้น “พี่จ้าว นำคมมีดของท่านกลับไปด้วย!”

ระรอกน้ำกระเพื่อมขึ้น ปราณกระบี่พุ่งออกมาบนกำแพงวารีเข้าหาจ้าวหลง เป็นวิชาเซียนเดียวกัน ปราณกระบี่แบบเดียวกัน

จ้าวหลงหน้าถอดสี เขารีบถอยกลับอย่างรวดเร็วแต่ปราณกระบี่เร็วเกินไป พลันกัดฟันแน่นและหยิบยันต์เซียนสีเหลืองโยนออกไป ยันต์เซียนส่องสว่างและกลายเป็นหมอกสีดำ

ปราณกระบี่กระทบกับหมอกสีดำและกระจายหายไป หมอกสีดำป้องกันปราณกระบี่ส่วนใหญ่เอาไว้ก่อนที่จะเลือนหายไปทว่าส่วนที่เหลือยังทะลุผ่านเข้ามาแทงเข้ากับร่างจ้าวหลง

จ้าวหลงโดนกระแทกจนพุ่งไปบนอากาศ เขาไอออกมาเป็นโลหิต ท้ายที่สุดก็กระแทกลงบนพื้น หลังจากกระตุกอยู่ชั่วครู่ เขาก็ลุกขึ้นไม่ไหว

มีรูขนาดเล็กจำนวนมากทะลุผ่านร่างเขา ถึงเช่นนั้นบาดแผลไม่ร้ายแรงมาก ดังนั้นจึงไม่ได้อันตรายถึงชีวิต

หลิวเฟิงมีความภาคภูมิใจประทับบนใบหน้า เขาก้าวลงจากลานประลองและพูดขึ้น “ศิษย์เชื่อฟังท่านอาจารย์และใช้พลังเพียงครึ่งส่วนของวารีสะท้อนเท่านั้น”

ผู้อาวุโสหน้าแดงรีบเคลื่อนร่างอย่างรวดเร็วกลายเป็นหมอกสีแดงและถึงพื้นถัดจากจ้าวหลง ใบหน้าหมองคล้ำตรวจสอบร่างจ้าวหลงสองสามครั้งและให้เม็ดยาอันล้ำค่าบางอย่าง หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้น “กำแพงวารีช่างสะท้อนได้ยอดเยี่ยมนัก มีเพียงขั้นรวบรวมลมปราณระดับแปดหรือสูงกว่าเท่านั้นถึงจะต่อกรได้ ศิษย์ข้าเพียงยังไม่แข็งแกร่งพอ ดังนั้นการพ่ายแพ้เช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดา!”

ศิษย์แต่ละคนของสำนักซวนต้าวเผยใบหน้าปลาบปลื้มและพูดคุยกัน

“เป็นแค่ศิษย์ระดับหก ยังมาคิดจะสู้กับพี่หลิวเฟิง ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเราจะชนะในรอบแรก”

“จริงที่สุด กำแพงวารีของศิษย์พี่หลิวช่างมีอานุภาพมากมายนัก แม้แต่ผู้อาวุโสไม่สามารถจะหยุดยกย่องศิษย์พี่ได้ คงได้แต่ฝันหากพวกเขาคิดจะทำลายมัน”

“ความจริงในสองสามปีที่ผ่านมาศิษย์ของเหิงยั่วอ่อนแอลงเรื่อยๆ ข้าไปตรวจสอบศิษย์สายในดูแล้ว ไม่มีใครสามารถเอาชนะพวกเราได้”

“นั่นยังไม่ถึงที่สุด ศิษย์ชุดม่วงของสำนักเหิงยั่วยังไม่โผล่ขึ้นมาสักคน ข้าได้ยินมาจากผู้อาวุโสว่าศิษย์พวกนั้นเป็นศิษย์หลัก”

……………………………………..