ตอนที่ 88 บุรุษประหลาดผิวฟ้า
หวังหลินพึมพำและจับท้องตัวเอง “ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าทำไมมันถึงเรียกว่าวิถีเซียนนรก”
วิถีเซียนนรกสร้างให้ผู้ฝึกเข้าใกล้สถาวะเฉียดตาย ยิ่งใกล้ประตูนรกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ร่างกายดูดซับพลังหยินมากเท่านั้น ถึงอย่างนั้นหากทำอะไรผิดพลาดเพียงครั้งเดียว คนผู้นั้นก็จะเข้าสู่นรกจริงๆ
ความจริงแม้แต่ในแคว้นระดับหก ก็มีคนไม่มากกล้าหาญพอฝึกฝนวิถีเซียนนรกนี้ ซือถูหนานเป็นหนึ่งในคนจำนวนน้อยที่ฝึกวิธีนี้ได้สำเร็จ แม้แต่เหล่าเซียนมารทั้งหมดในแคว้นระดับหกก็ยังเห็นว่าเป็นวิธีที่แปลกแยก
เหตุผลที่มันลงความเห็นว่าเป็นวิชานอกรีดนั่นก็เพราะโอกาสดีเกินไป บางคนโอกาสก็เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับเซียน ขณะที่คนอื่นคิดว่าโอกาสนั่นหมายถึงความตาย
หวังหลินเริ่มอาศัยอยู่ในซากปรักหักพัง ทุกคืนเขาจะฝึกฝนและดูดซับพลังหยิน จนวันเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน
ระหว่างเดือนนี้ นอกจากการฝึกฝนวิถีเซียนนรก หวังหลินสังเกตเห็นลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าได้สร้างหยดน้ำขึ้น พลังข้างในไม่ใช่พลังปราณแต่กลับเป็นพลังหยิน
ด้วยผลลัพธ์แบบนั้น หวังหลินจึงเกิดความเข้าใจลูกปัดมากขึ้นเล็กน้อย
หวังหลินเริ่มเก็บสะสมน้ำพลังหยิน เวลาเที่ยงคืนจะเป็นเวลาที่น้ำพลังหยินปรากฏมากที่สุด
หลังจากเก็บน้ำพลังหยินได้ เขาสังเกตว่ามันมีพลังหยินจำนวนมากถ้าเทียบกับน้ำพลังปราณตามปกติ
หากเปรียบเทียบประสิทธิภาพแล้ว เทียบได้กับการนำลูกปัดไปแช่กับน้ำหิมะ มันไกลจากระดับน้ำวิญญาณบริสุทธิ์อยู่มาก
หวังหลินรู้ได้ง่ายๆว่า วิถีเซียนนรกทั้งหมดคือการดูดซับพลังหยิน ยิ่งดูดซับมากเท่าไหร่ พลังของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น เห็นดังนั้น หวังหลินจึงเข้าสู่มิติความฝันของลูกปัดเพื่อฝึกฝนด้วยน้ำพลังหยินระหว่างทั้งวัน
ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ หวังหลินเริ่มดูดซับมากขึ้นและมากขึ้นเท่านั้น ทุกครั้งที่เขาฝึกฝน พลังหยินรอบด้านค่อยๆแทรกตัวเข้ากับเขาอย่างช้าๆ อัตราการเต้นหัวใจเชื่องช้าลงจนกลายเป็นเบาบางราวกับหัวใจจะหยุดเต้น
มีอยู่สองครั้งที่หัวใจเขาเกือบจะหยุดเต้นแต่หวังหลินก็ควบคุมจังหวะไว้ได้
เช้าวันหนึ่ง หวังหลินตื่นจากการอาการเคลิ้ม เขาสูดหายใจลึกและพูดขึ้น “ข้าได้ดูดซับพลังหยินมาได้จำนวนมากแล้ว ข้าน่าจะสามารถทะลวงผ่านขั้นแรกได้ในตอนนี้”
ทันใดนั้นเขาจ้องไปที่ค่ายกลหมอกรอบด้านและเผยความงุนงง เขาโบกแขนเสื้อและเปิดเส้นทางขึ้น
หวังหลินเดินออกจากค่ายกลและเห็นรอยลึกอยู่บนซากปรักหักพักหลายรอย นึกว่ามันอาจจะมีสัตว์ป่าบาดเจ็บที่ไม่สามารถอดทนได้ระหว่างรอให้เสาปล่อยแสงออกมา
แต่ตอนนี้ซากศพของสัตว์ป่าได้หายไปแล้ว พวกมันดูเหมือนจะถูกลากเข้าไปในส่วนลึกของซากปรักหักพัง
“ยังมีคนอยู่ข้างในนั้นหรือ?” ความคิดเย็นเยียบผ่านเข้ามาในหัวหวังหลิน หากคนผู้นั้นลากศพผ่านเข้าไป เขาจะไม่สังเกตเห็นมันได้ยังไง?
หวังหลินเคร่งเครียดมากขึ้น เขารีบตรวจสอบรอบห้องทันทีและพบว่าไม่มีร่องรอยการโจมตีบนค่ายกล
พลันลูบคางตัวเอง จากนั้นร่างกายพุ่งออกไปราวกับสายฟ้าเข้าไปในป่าทึบ กลับมาด้วยซากสัตว์ป่าสองตัว หลังจากโยนพวกมันไปด้านข้าง เขาก็กลับเข้าค่ายกลตัวเองพร้อมกับจ้องไปที่แสงสีขาวด้วย ค่ายกลหมอกกลายเป็นหนาทึบขึ้นและมีเสียงดังก้องเข้ามาในหมอก
จากเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ หวังหลินยังรู้สึกไม่สบายใจราวกับว่ามีเงายักษ์โผล่ขึ้นเหนือเขา หลังจากผ่านไปเวลานาน เขาก็ใจเย็นลงและปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกมา ดื่มน้ำพลังหยินเข้าไปและเริ่มฝึกฝนด้วย ขณะเดียวกันก็มองดูรอบๆอย่างตื่นตัว
กลางคืนผ่านเข้ามา คืนนี้หวังหลินไม่ได้ดูดซับพลังหยิน แต่ตั้งสมาธิไปที่สภาพแวดล้อมรอบด้าน ปล่อยสัมผัสวิญญาณออกมาให้สุดระยะทำการ สัมผัสได้กระทั่งใบหญ้าที่เคลื่อนไหวเป็นร้อยเมตรอยู่ไกลลิบ
เขาต้องการดูว่าสิ่งมีชีวิตชนิดไหนที่อาศัยในซากปรักหักพังและอาจจะมาที่นี่คืนนี้
เวลาได้ผ่านไปช้าๆ เที่ยงคืนกำลังใกล้เข้ามาและพลังหยินกำลังหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ในระยะสัมผัสวิญญาณ มันมีแต่ความเงียบกริบ สองซากศพเริ่มสะสมพลังหยินที่เข้าสู่ร่างมากขึ้น กระทั่งป่าทึบด้านนอกซากปรักหักพังยังเงียบอย่างน่ากลัว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หวังหลินปล่อยสัมผัสวิญญาณออกมาตอนกลางคืน ก่อนหน้านั้นแม้จะดึกดื่นแค่ไหนก็อาจจะมีเสียงร้องของสัตว์ป่าบ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เงียบได้ขนาดนี้
ทันใดนั้นใบหน้าหวังหลินเปลี่ยนไปเมื่อพลังหยินในซากปรักหักพังเริ่มแกว่ง
สายตาจดจ้องไปที่พลังหยินนั้นพร้อมกับมองด้วยสายตาเยือกเย็น
หวังหลินมองตามการรบกวนพลังหยินในซากปรักหักพัง ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ความเร็วของร่างนั้นถือได้ว่าเร็วมาก สัมผัสวิญญาณของหวังหลินเห็นได้แค่เงาก่อนที่ซากศพทั้งสองตัวนั้นจะหายไป
หวังหลินผวา ตอนที่ร่างนั้นปรากฏขึ้นเขาจึงเห็นหน้าตามันชัดเจน มันเป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ผิวสีฟ้า
ผิวหนังปกคลุมไปด้วยอักขระแปลกประหลาด นอกจากนั้นยังมีกระดาษเหลืองเก้าแผ่นแปะตามส่วนต่างๆของร่างกาย คนประหลาดผู้นี้ทำให้หวังหลินตกใจมาก
มันยืนอยู่ด้านนอกค่ายกลของหวังหลินด้วยใบหน้าครุ่นคิด
คนประหลาดผู้นี้ถอยหลังออกไปสองสามก้าว มันจ้องไปที่หมอกด้วยแววตาสงสัย หลังจากลังเลเล็กน้อย มันก็เดินรอบหมอกเป็นวงกลมคราหนึ่ง
หวังหลินใช้สมาธิสังเกตคนประหลาดผู้นี้และไม่ได้โจมตี ต้องการดูว่ามันจะทำอะไร
หลังจากเดินเป็นวงกลมรอบค่ายกลหมอกหนึ่งรอบ มันก็เผยแววตาอยากรู้อยากเห็นจากนั้นมันก็พุ่งเข้าหาค่ายกล
ขณะที่มันเข้ามาในค่ายกล สายตาหวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหาร มือขวาสร้างผนึกขึ้นมาส่งแสงสีขาวพุ่งเข้าหาค่ายกล ค่ายกลหมอกเคลื่อนไหวทันทีราวกับกำลังเดือด
ไม่นานหลังจากนั้น ค่ายกลแตกไปทีละขั้นพร้อมกับเกิดเสียงหินแตก ความหนาของหมอกลดลงทันที
หวังหลินอ้าปากปล่อยแสงสีเขียวพุ่งออกไปราวกับสายฟ้า
บูมมมมมม
แสงสีเขียวปะทะกับร่างประหลาดคนนั้น มันส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ ส่งพลังอันแข็งแกร่งรุนแรงปลดปล่อยออกมาก่อนจะโยนหินทั้งหมดเข้าใส่อากาศ ทำให้สลายกลายเป็นฝุ่นผง
ขณะที่หมอกกำลังกระจายไปอย่างรวดเร็ว คนประหลาดผู้นั้นจ้องที่หวังหลิน และเดินเข้าหาด้วยสายตาแดงฉาน
หวังหลินยังมีสีหน้าเป็นปกติ เคลื่อนมือขวาในอากาศปรากฏกระบี่เหินด้านหลังคนผู้นั้น กระบี่ได้แทงเข้าหัวใจของมัน เลือดสีฟ้าได้ไหลนองออกมาจากหน้าอก
พอเลือดปรากฏ มันก็กลายเป็นผลึกน้ำแข็งหล่นลงบนพื้น
ร่างประหลาดร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดพลางก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว เผยอาการหวาดกลัว
หัวใจหวังหลินบีบรัด ร่างประหลาดรับการโจมตีจากกระบี่เหินได้และยังสามารถเคลื่อนที่ถอยหลังได้อีก หวังหลินสายตาเย็นเฉียบพลางจับกระเป๋าถือปรากฏฝักกระบี่ขึ้นบนมือ
กระบี่เหินสีเขียวเข้ามาในฝักดาบราวหนึ่งในห้าทำให้เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีฟ้าทันที จากนั้นก็เปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีดำ กระบี่ออกจากฝักดาบและฟันเข้าหาร่างประหลาดนั้นอย่างรวดเร็ว
ร่างประหลาดเห็นกระบี่สีดำนั้นก็เผยอาการหวาดกลัว ขณะที่กำลังจะหนี กระบี่ดำพุ่งเข้าแทงหน้าอกจนเกิดแรงระเบิดขึ้นทำให้ร่างประหลาดลอยละลิ่วราวกับว่าวสายป่านขาด
หลังจากกระบี่เหินถูกย้อมด้วยเลือดของร่างประหลาดคนนั้น มันก็กลับเข้ามาในร่างกายเขา ไม่ว่าหวังหลินพยายามเอามันออกมาแค่ไหน มันก็ไม่ขยับเขยื้อน กระทั่งสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนที่ระยะไกลไปด้วย
หวังหลินยิ่งตกตะลึง จิตสังหารหวังหลินรุนแรงมากขึ้น ตอนที่กระบี่เหินแทงไปที่ร่างประหลาดนั้น อักขระบนร่างอีกฝ่ายเปล่งประกายขึ้น มันใช้วิชาบางอย่างเพื่อป้องกันการระเบิดได้
หวังหลินจับกระเป๋าถือของตัวเองและหยิบยันต์สีเหลืองที่ได้จากจางฮู่ออกมา ทันใดนั้นรูม่านตาได้หดตัวลง เขาเห็นร่างประหลาดคนนั้นมุนตะแคงบนอากาศด้วยองศาที่จินตนาการไม่ออกและลงบนพื้น มันมีแผลขนาดใหญ่บนหน้าอกที่เปรอะไปด้วยเลือดสีฟ้าจำนวนมาก
อักขระบนร่างกายส่องประกายวูบวาบ ขณะนั้นบาดแผลก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
หวังหลินสีหน้าไม่เปลี่ยน เขาปลดปล่อยพลังปราณออกมาจากปากไปที่ยันต์เซียนสีเหลืองจนระเบิดออกมาเป็นเปลวไฟสีดำร้อนแรงปะทะเข้ากับบริเวณบาดแผลบนร่างประหลาดคนนั้น
มันส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดราวกับโดนแทงทะลุอีกครั้ง
“ยังไม่ตาย!” หัวใจหวังหลินบีบรัด แม้จะหลังจากได้รับความเสียหายจำนวนมาก มันก็ยังมีชีวิตอยู่ได้อีก หวังหลินทำจิตใจให้สงบ หลังจากยันต์เซียนโจมตีไปแล้ว กระบี่เหินก็เป็นอิสระและกลับมาที่ข้างกายเขา
ร่างประหลาดเผยแววตาดิ้นรน ทันใดนั้นกระดาษสีเหลืองหนึ่งในเก้าแผ่นนั้นได้ฉีกขาด ควันสีเขียวได้พ่นออกมาจากร่างกายเขาทันที
ใบหน้าหวังหลินกลายเป็นหมองหม่น จับกระบี่ใส่ฝักดาบโดยไม่ลังเลและผลักมันเข้าไปสามในห้าส่วน กระบี่เปลี่ยนจากสีดำเป็นแดงทันที
สามในห้าส่วนเป็นขีดจำกัดที่หวังหลินผลักเข้าไปในฝักกระบี่ได้ ด้วยขั้นพื้นฐานลมปราณระดับแรกเร่ิมของเขา การทำเช่นนี้สามารถสู้ได้กระทั่งเซียนขั้นพื้นฐานลมปราณระดับกลาง
ขณะเดียวกันควันสีเขียวรอบๆร่างประหลาดนั้นถูกดูดซับเข้าไปในร่างกายมันอย่างรวดเร็ว พอปรากฏตัวด้านหน้าหวังหลินอีกครั้ง ร่างกายก็ปกติสมบูรณ์ไร้รอยแผล
มันจ้องไปที่หวังหลินด้วยสายตาเกลียดชัง แต่ถึงกระนั้นมันก็รู้สึกเกรงกลัวหวังหลินอย่างมาก ส่วนใหญ่แล้วก็เพราะกระบี่เหินนั่น
“เจ้าเป็นใคร?” หวังหลินไม่ได้โจมตีทันที อีกด้านเป็นคนที่มียันต์เซียนเก้าใบ ใช้แค่หนึ่งใบก็สามารถฟื้นฟูร่างให้กลับมาสมบูรณ์จากสภาวะใกล้ตายได้ การต่อสู้นี้อาจจะใช้เวลายาวนานมากกว่าที่หวังหลินคาดคิด
………………….