ตอนที่ 17 เชื่อใจข้าหรือไม่?
“นายน้อยเย่ อาการพ่อข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ถังอวี่ถามอย่างไม่สบายใจ
ถังอวี่เป็นมือสมัครเล่นและไม่ค่อยมั่นใจในการวินิจฉัยของตนเองนัก และตอนนี้เย่หยวนก็แสดงให้เขาเห็นแล้วว่า ตัวเย่ หยวนเองนั้นมีฝีมือที่เหนือกว่าตัวเขาเองมาก ดังนั้นเย่หยวนคือความหวังของเขาทั้งหมดในขณะนี้
ทันทีที่เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้น หัวใจของถังอวี่พลันราวกับว่าตกลงไปในเหวลึก
“แรดวายุฟ้านั้นมีพละกำลังที่แข็งแกร่งแถมยังรวดเร็วมากอีกด้วย โชคดีมากที่ท่านลุงคนนี้สามารถรอดชีวิตกลับมาได้ จากที่ข้าวินิจฉัยเมื่อสักครู่...ปอดของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หัวใจของเขายังมีโอกาสล้มเหลวได้ทุกเมื่อ...ตอนนี้ชีวิตของเขาอยู่ในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตาย”
เย่หยวนเผยสีหน้าที่ดูมืดมิดทันทีหลังกล่าวเสร็จ
หัวใจของถังอวี่ค่อยๆสลายไปเมื่อได้ยินดังนั้น คำพูดของเย่หยวนแทนที่จะเป็นถางซ่งไฮว่ที่ควรใจสลาย กลับกันสีหน้าของถางซ่งไฮว่กลับมีสีหน้าที่เรียบสงบ สิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้คือความเป็นและความตายเท่านั้น เขารู้ดีว่าตนเองบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน… ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาถึงได้ตัดสินใจเช่นนี้ในทีแรก
และเมื่อได้ยินคำวินิจฉัยของเย่หยวนเข้าไป ยามนี้เขายิ่งมั่นใจเลยว่า การคาดเดาของเขานั้นถูกต้อง
“นายน้อยเย่...ท่านไม่ต้องพูดต่อแล้ว...”
ในตอนนี้ถังอวี่ไม่อยากได้ยินอะไรอีกต่อไปแล้ว และเย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงความสิ้นหวังที่อยู่ภายในจิตใจเขาจากคำพูดเพียงไม่กี่คำ
อย่างไรก็ตามเย่หยวนก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เย่หยวนนั่งคิ้วขมวดอยู่ครู่หนึ่งเกี่ยวกับปัญหาในตอนนี้
และเวลาก็ผ่านเลยไป...ในขณะนี้บริเวณโดยรอบถูกกลืนไปด้วยความเงียบสงัด...
มันเงียบซะจนถังอวี่ไม่สามารถทนมันได้อีกต่อไป ถังอวี่จึงรวบรวมความกล้าและเอ่ยปากถามเย่หยวนในทันทีว่า
“นายน้อยเย่...เรื่องนี้มันเกินมือท่านไปจริงๆ ข้าว่า...ท่านลองเชิญพ่อของท่านมาช่วยดีไหม?”
เย่หยวนได้เงยศีรษะขึ้นและจ้องถังอวี่ สายตาของเย่หยวนช่างเรียบสงบ… แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ถังอวี่รู้สึกได้ถึงความหยั่งรู้ที่ออกมาจากแววตาเย่หยวน จึงกล่าวขอโทษออกไป
“ข้าขอโทษ...ไม่ใช่ว่าข้าดูถูกฝีมือท่าน…แต่...”
“ข้ารู้ว่าเจ้าหมายถึงอะไร แต่ข้าอยากจะบอกอะไรเจ้าสักนิด...”
“ไม่รู้ว่าเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่ว่า…อาการของท่านลุงผู้นี้หนักเกินกว่าพ่อข้าจะช่วยได้ นั้นรวมไปถึง...หวังตงไห่หรือแม้แต่วู่เถาเฟยก็ไม่อาจช่วยได้”
เย่หยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
วู่เถาเฟยที่เย่หยวนกล่าวมาคือ…หัวหน้าสมาคมนักหลอมโอสถในรัฐฉิน
ภายในรัฐฉินแห่งนี้...ผู้ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในบรรดานักหลอมโอสถได้แก่ หวังตงไห่และเย่ฮาน แต่ทั้งสองคนนั้นก็ยังมีฝีมือที่ด้อยกว่า เซียนโอสถอย่างวู่เถาเฟย วู่เถาเฟยเป็นถึงคนจากตระกูลราชวงศ์ และในตอนนี้การที่เย่หยวนกล่าวว่า…แม้แต่วู่เถาเฟยยังไม่สามารถรักษาได้ นั้นหมายถึงพ่อของถังอวี่นั้นไม่มีโอกาสรอดเลยแม้แต่น้อย
เมื่อคำพูดบ้าๆเช่นนี้เข้าหูถังอวี่ หากเป็นเรื่องอื่นเขาคงไม่ตอบโต้กลับแน่นอน แต่การที่เย่หยวนกล่าวอะไรบ้าๆเช่นนี้ออกมา นั้นหมายถึง เย่หยวนกำลังบอกว่าอย่างไรพ่อของตนก็จะตายแน่นอน ทำไมเขาถึงพูดแบบนี้ล่ะ? เจ้านั้นคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? สุดท้ายก็เป็นแค่ผ้าขี้ริ้วอยู่ดี
“นายน้อยเย่ นี่ท่าน...”
“หยุนเอ๋อ...ให้เจ้าหนุ่มนั้น...พูดให้จบก่อน...”
ถางซ่งไฮว่กล่าวแทรกถังอวี่
ถังอวี่ประหลาดใจเล็กน้อย เย่หยวนได้พยักหน้าและพูดต่อว่า
“ข้าเพียงแค่บอกว่าพวกเขาไม่สามารถรักษาท่านลุงได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า...ท่านลุงจะไม่เหลือหนทาง”
ถังอวี่รู้สึกมีความหวังขึ้นทันทีเมื่อได้ยิน ถังอวี่จึงเอ่ยปากถามอย่างร้อนใจว่า “นายน้อยเย่ ท่านมีแผนแล้วรึ?”
“ใช่…และแผนนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้า...ท่านพี่ถาง”
“ข้า?” ถังอวี่ถามย้ำเย่หยวนอีกที ถังอวี่ไม่รู้เลยว่าในตอนนี้เย่หยวนกำลังมีแผนอะไรอยู่กันแน่ และก็ไม่ทราบเลยว่าเหตุใดต้องเป็นตัวเขาเอง
เย่หยวนพยักหน้าและพูดต่อว่า
“ท่านพี่ถาง ข้ารู้ดีว่า...ชื่อเสียงของข้าในอดีตนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ข้าจึงขอถามเป็นครั้งสุดท้ายว่า...ท่านเชื่อใจข้าหรือไม่?”
เมื่อได้ยินเย่หยวนถามแบบนี้ ถังอวี่ก็ตระหนักได้ถึงเรื่องบางอย่าง ในฐานะที่เป็นคนหัวไว หากเขาไม่เข้าใจเจตนาที่แฝงอยู่ในคำถามของเย่หยวน เขาก็เป็นได้เพียงคนโง่คนหนึ่ง
“นายน้อยเย่… ท่านหมายถึง...หญ้าหกแฉกอย่างนั้นรึ?” ถังอวี่ถามอย่างลังเล
“ถูกต้อง”
เย่หยวนหาได้ปฏิเสธพร้อมกับกล่าวยอมรับไปตามตรง
ในความจริง ความแตกต่างระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ กับ แดนล่างในเรื่องของโอสถนั้นเรียกได้ว่า ห่างกันหลายสิบร้อยขุม แม้จะเป็นโอสถระดับหนึ่งในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ แต่โอสถเหล่านั้นก็ยังถูกแบ่งว่าจะอยู่ในระดับกลางหรือระดับสูงขึ้นอยู่กับคุณภาพ
แต่โอสถระดับสูงในรัฐฉิน มันก็เป็นเพียงยาระดับต่ำทันทีเมื่ออยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทั้งความลึกล้ำและคุณภาพของโอสถ ในแดนล่างเช่นนี้ไม่อาจเทียบกับโอสถในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้เลย
หากจะให้กล่าวก็คือ ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่...เย่หยวนจะสามารถหลอมโอสถระดับหนึ่งขั้นสูงออกมาได้โดยพลังของตนเองในปัจจุบัน แต่เหตุผลเดียวที่ทำให้เย่หยวนมั่นใจว่าจะสามารถปรุงมันขึ้นมาได้ เนื่องจากในอดีต เขาเคยเป็นถึงจักรพรรดิโอสถ ดังนั้นเขาจึงสามารถหลอมโอสถที่ทลายขีดจำกัดของพลังปราณตนเองได้โดยใช้วรยุทธหลอมทรงประสิทธิภาพต่างๆ เพื่อรีดพลังปราณที่มีอยู่เพียงน้อยนิดออกมาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และใช้มันหลอมโอสถอย่างพิถีพิถัน เมื่อหลอมสำเร็จและกินลงไป เขาจะมีพลังปราณที่สูงขึ้นเป็นทวีในข้ามคืนแน่นอน
แต่โอสถระดับหนึ่งขั้นสูงนั้นก็เป็นเพียงโอสถระดับต่ำในสายตาเย่หยวนอยู่ดี
อย่างไรก็ตามโอสถระดับหนึ่งขั้นสูงในแดนล่างชั้นต่ำแบบนี้ ไม่สามารถรักษาอาหารบาดเจ็บของถางซ่งไฮว่ได้เลย เขาจำเป็นจะต้องใช้โอสถระดับหนึ่งขั้นกลางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งของเย่หยวนในตอนนี้ ก็ยังต่ำเกินไปที่จะหลอมกลั่นขึ้นมา
ดังนั้นเขาจึงให้ทางเลือกแก่ถังอวี่ หากถังอวี่เลือกไม่เชื่อใจเย่หยวน...ชะตากรรมของเขาและถังอวี่ก็จะจบลงที่นี่ และก็จะไม่มีใครสามารถช่วยถางซ่งไฮว่ได้อีก
“ละ-แล้วข้าให้ท่านไป แล้วท่านเกิดกลับคำ?...ถะ-ถ้า...ถ้าเกิด...”ถังอวี่เริ่มตื่นตระหนกมากขึ้น
ภายใต้จิตสำนึกของถังอวี่ได้บอกว่า เย่หยวนเป็นคนน่าเชื่อถือ แต่เมื่อถึงคราวจะต้องเลือกจริงๆ ถังอวี่ก็ไม่รู้เลยว่าเขาควรทำอย่างไรดี ในความคิดของเขาขณะนี้ เขาคิดว่า หากเย่หยวนไม่สามารถรักษาพ่อเขาได้จริงๆ...เขาคงต้องใช้หญ้าหกแฉกเพื่อปรุงยาฟื้นคืนร่างกาย และนั้นก็เป็นความหวังสุดท้ายของเขา
“นะ-นายน้อยเย่… มะ-ไม่ใช่ว่า...ข้าไม่เชื่อใจท่าน...”
ถังอวี่สับสนจนพูดอะไรไม่ถูกแล้วในตอนนี้
“ยะ-หยุนเอ๋อ ให้..ให้สิ่งนั้นกับเจ้าหนุ่มนี้ไป...”
ในสถาการณ์กดดันเช่นนี้ ได้มีเสียงของถางซ่งไฮว่แทรกขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ
เขาเหลียวหันกลับมองพ่อตนเองทันที จากนั้นพวกเขาก็ได้มองตากัน… นี่คือสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก ในขณะนี้อย่างกับว่าพวกเขากำลังสื่อสารกันด้วยสายตา
ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ต่างพยักให้กัน ถังอวี่ได้กัดฟันพร้อมรอยยิ้มและหันมาหยิบหญ้าหกแฉกให้เย่หยวนและกล่าวว่า
“นายน้อยเย่… โปรดรับมันไป”
เย่หยวนหาได้ร้อนใจคว้ามาแต่อย่างใด เขาค่อยๆยื่นมือไปรับกล่องอย่างใจเย็น
“ข้าขอเวลาหนึ่งวัน ในวันพรุ่งนี้ข้าจะรีบมาที่นี่ทันที แต่ตอนนี้อาการของท่านลุงมันคงเป็นเรื่องยากเกินที่จะอดทนรอจนพรุ่งนี้”
“ดังนั้นข้าจะฝังเข็มเพื่อรักษาเสถียรภาพของเขาเพื่อไม่ให้ทรุดลงไปมากกว่านี้”
ถังอวี่มีสีหน้าที่ดีขึ้นทันทีและพูดว่า
“ลำบากท่านแล้วนายน้อยเย่”
เนื่องจากเย่หยวนไม่ได้นำเข็มทองคำติดตัวมาด้วยเลย เขาจึงต้องวิ่งกลับไปยังหอโอสถเพื่อไปนำเข็มมา
หลังจากที่เย่หยวนออกไป ถังอวี่ก็ได้ถามพ่ออย่างไม่ค่อยสบายใจว่า
“ท่านพ่อ ถึงข้าจะรู้ว่า...นายน้อยเย่จะมีทักษะและความรู้ด้านโอสถอย่างแท้จริง แต่ชื่อเสียงในอดีตของเขามันก็แย่มาก ข้ารู้สึกเหมือนว่า...ข้ากำลังเล่นพนันโดยมีชีวิตท่านเป็นเดิมพัน”
หลังจากที่ถางซ่งไฮว่ไอออกมาอย่างรุนแรง เขาก็ยิ้มให้ลูกที่มีสีหน้าตึงเครียดพร้อมพูดว่า “คะ-คิดว่า...ข้าจะ...ไม่รู้ถึงอาการของตนเองรึ? ...เจ้าหนุ่มนั้นกล่าวถูก… แล้ว...แม้จะ… เป็นวู่เถาเฟย...มะ-มัน...ก็ไร้ประโยชน์”
“ดะ-ดังนั้น...มันเป็น...การเดิมพัน...ที่… ที่ไม่มีอะไรจะเสีย เรา… เหลือเพียงการ… เดิมพันครั้ง… นี้...แล้วล่ะ”
“ทะ-ท่านพ่อ...ท่านพูดจริงอย่างนั้นรึ?”
เห็นได้ชัดแจ้ง ถังอวี่ไม่เคยคาดคิดเลยว่า อาการของพ่อตนจะรุนแรงถึงเพียงนี้
ถางซ่งไฮว่ส่ายหัว...
“จะ-เจ้าหนุ่มนั้น...หาใช่พวกบ่อน้ำตื้นเขิน หยุนเอ๋อ… มะ-ไม่ว่า...ผลในอนาคต… จะเป็นเช่นระ-ไร...เจ้าจงเฝ้าติดตาม...เจ้าหนุ่มนั้นไว้...”
ถังอวี่ไม่คิดเลยว่าพ่อของตนจะประเมินเย่หยวนสูงแบบนี้ แต่ความสามารถของเขากับเย่หยวน แตกต่างกันอย่างฟ้ากับเหว… และมันได้รับการพิสูจน์ตั้งแต่เย่หยวนเหยียบบ้านหลังนี้แล้ว
“ท่านพ่อ ไม่ต้องห่วงข้า...ข้าไม่ใช่คนเนรคุณ ตราบเท่าที่นายน้อยเย่รักษาท่านได้ ข้าจะเต็มใจรับใช้เขาไปชั่วชีวิต ชีวิตของข้าจะเป็นของเขา...ข้าสัญญา!”
…………………………………