บทที่ 44 การฝึกในกรง
“เอาล่ะ เมื่อพวกเธอเลือกแล้วต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจตนเองและดูแลสัตว์อสูรของตัวเองให้ดี”
ผู้ฝึกจางเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการฝึกสัตว์อสูรของเขาก่อนจะนำหุ่นไม้แกะสลักออกมาหลายชิ้น
“วันนี้ฉันจะแสดงวิธีฝึกการเพิ่มพลัง”
“สัตว์อสูรที่แตกต่างกันย่อมมีวิธีการโจมตีแตกต่างเช่นกัน แต่โดยทั่วไปแล้วพวกมันมีพื้นฐานอย่างเดียวกันคือ การใช้ฟัน ขาและหางในการโจมตี แต่สำหรับพวกเราผู้ฝึกสัตว์อสูรย่อมใช้วิธีที่แตกต่างออกไป”
หลังจากกล่าวจบ ผู้ฝึกจางพลันสะบัดมือออกไปด้วยความเร็วสูงฟันฉับไปที่หุ่นไม้ราวกับมีด
ฉับ!
หุ่นไม้แกะสลักถูกแยกออกเป็นสองส่วน
นักเรียนทุกคนตกใจ
ผู้ฝึกจางดึงมือกลับ “นี่เป็นเพียงตัวอย่าง ฉันใช้มือเปล่าโจมตีมุมด้านขวาของฝ่ายตรงข้ามอย่างกะทันหัน นั่นเป็นวิธีการโจมตีของฉัน”
“อาจารย์ หมายความว่าคุณโจมตีฝ่ายตรงข้ามขณะพวกเขาไม่ทันระวังตัวอย่างนั้นหรือ?” ตันเฉียนจินเปิดปากถามโดยไม่ยั้งคิด
ผู้ฝึกจางขมวดคิ้วตอบ “ถูกต้อง เมื่อศัตรูสูญเสียสมาธิ จงฉวยโอกาสนั้นโจมตีโดยไม่ต้องแจ้งเตือน ไม่ว่าอย่างไรมันคือสงคราม”
อาจารย์ทหารเปิดวีดิทัศน์แสดงภาพและวิธีการฝึกฝนรูปแบบต่างๆ ให้นักเรียนดู ปัญหาเดียวคือ เขาถ่ายทอดความรู้จำนวนมากในครั้งเดียวทำให้นักเรียนเริ่มรู้สึกมึนงง
เกาเผิงเรียนรู้สิ่งต่างๆ อย่างตั้งใจ มีหลายสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นในตำราเล่มไหน ทำให้เขาตระหนักถึงปัญหาของตนเองในปัจจุบันและวิธีแก้ไขอีกด้วย นั่นทําให้เกาเผิงรู้สึกมีความสุขมาก
หลังจากการอภิปรายจบ
มู่ไท่ยิงเดินเข้ามาหาเกาเผิง เม็ดบัวติดตามอยู่ด้านหลังมู่ไท่ยิง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ขี้กลัวเหมือนก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามมันยังมองผู้คนด้วยความเขินอายเล็กน้อย
“เฮ้ นี่สําหรับนาย” มู่ไท่ยิงกล่าวและส่งสมุดเล่มหนาให้เกาเผิง ส่วนเกาเผิงส่งสมุดโน้ตสีฟ้าให้เช่นกัน
ทั้งสองแลกเปลี่ยนสมุดบันทึกให้กัน เกาเผิงเรียนคลาสสายโจมตี ส่วนมู่ไท่ยิงเรียนคลาสสายป้องกันในสมุดพวกเขาได้มีเนื้อหาในคลาสนั้น
เกาเผิงรู้สึกพอใจมากเมื่อได้รับสมุดบันทึกเล่มนี้ “ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็นไร เราอยู่ทีมเดียวกันก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” มู่ไท่ยิงกล่าว เธอโบกสมุดโน้ตสีฟ้าในมือของเธอ
ในช่วงบ่ายเวลาฝึกฝน
กรงขังสัตว์อสูรจำนวนมากถูกนำลงมาจากรถบรรทุก มีกรงขังสัตว์อสูรจำนวนสองร้อยกรงอยู่ในสนาม ขณะสัตว์อสูรที่ถูกกักขังอยู่ภายใน ส่งคำรามเสียงต่ำและจ้องมองผู้คนภายนอก
“สัตว์อสูรเหล่านี้เป็นคู่ต่อสู้ของพวกเราหรือ?” นักเรียนบางคนสงสัย
ชายอ้วนที่ยืนอยู่ไม่ไกลกล่าวด้วยความมั่นใจ “พุดเดิ้ลของฉันแข็งแกร่งที่สุด มันสามารถโจมตีสัตว์อสูรเหล่านี้ได้อย่างไม่มีปัญหา”
“พุดเดิ้ลของนายดูแข็งแกร่ง แต่เมื่อมันอยู่ในสนามรบมันกลับหดหัวด้วยความหวาดกลัว ราชาแมงป่องหางเหลืองของฉันสิเยี่ยมที่สุด” อีกคนกล่าว
“ไร้สาระ! แค่แมงป่องหางเหลืองทั่วไป นายตั้งชื่อให้มันว่าราชาด้วยตัวเองไม่ใช่หรือ?” ชายอ้วนเย้ยหยัน
“ฉันไม่ได้ตั้งชื่อให้มัน แต่เมื่อมันวิวัฒนาการแล้ว มันจะกลายเป็นราชาแมงป่องอย่างแน่นอน”
เมื่อเห็นสัตว์อสูรในกรง เด็กนักเรียนต่างรู้สึกตื่นเต้น
“เราจะแบ่งกลุ่มห้าคน เราจะฝึกภาคปฏิบัติกันในไม่ช้า” ผู้ฝึกจางกล่าว
เด็กนักเรียนรีบแบ่งกลุ่มกัน
“ขออาสาสมัครหนึ่งคน” ผู้ฝึกจางกล่าว
เมื่อถึงเวลาต่อสู้จริง กลุ่มนักเรียนกลับไม่กล้าเหมือนก่อนหน้านี้
“ฉันหวังว่าพวกนายจะคว้าโอกาสในการต่อสู้ครั้งแรกไว้นะ เพราะหลังจากการต่อสู้ครั้งแรกผ่านไป สัตว์อสูรจะไม่อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด หลังจากสู้หลายครั้ง สัตว์อสูรในกรงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ดังนั้นพวกนายควรคว้าโอกาสนี้ไว้”
แม้ผู้ฝึกจางจะกล่าวเช่นนี้ แต่เมื่อเด็กนักเรียนเห็นหมีตัวโตพุ่งชนกรงอย่างต่อเนื่อง พวกเขากลับไม่มีความกล้าจะก้าวออกมา
“อาจารย์ครับ เราเปลี่ยนสัตว์อสูรได้ไหมครับ?” นักเรียนชี้นิ้วไปทางสุนัขอีกกรงหนึ่ง
แม้หมีจะดูตัวใหญ่แต่เทียบกับสุนัขที่อยู่อีกกรงไม่ได้เลย
ชื่อสัตว์อสูร หมีขนเหล็ก
เลเวล เก้า[footnoteRef:0] [0: ]
ระดับ ปกติ
สถานะ ได้รับบาดเจ็บและหงุดหงิด
…
ชื่อสัตว์อสูร หมาในโลหิต
เลเวล สิบ[footnoteRef:1] [1: ]
ระดับ สูง
สถานะ ได้รับบาดเจ็บปานกลางและตื่นตัว
ใครจะคิดว่าหมาในโลหิตเป็นสัตว์อสูรระดับสูง ขณะหมีขนเหล็กอยู่แค่ระดับปกติ
นอกจากนี้มันยังได้รับบาดเจ็บมากกว่าอีกด้วย ถึงมันจะบาดเจ็บแต่ก็อย่าได้ดูถูกมันเด็ดขาดเพราะเราไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง
…………………………………………….