0053 - แมงกะพรุนเหิน

ตอนที่ 53 แมงกะพรุนเหิน

หลังจากหลิวจ้าวหยูและเพื่อนของเธอกลับไป เกาเผิงได้เข้าไปในห้องทำงานและหยิบนิตยสารวิทยาศาสตร์เล่มล่าสุดขึ้นมาอ่าน

โดยปกติแล้วในช่วงที่ไม่มีลูกค้า เกาเผิงจะสั่งนิตยสารวิทยาศาสตร์มาอ่านเพื่อฆ่าเวลาและหาความรู้ในเวลาเดียวกัน

หนึ่งในบทความที่ดึงดูดความสนใจของเกาเผิงเป็นของหมิงกุนตัน ซึ่งเป็นหัวข้อเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของธาตุทั้งห้า

เกาเผิงเห็นด้วยกับแนวความคิดของผู้เขียน ทว่าเขายังมีข้อคัดค้านเล็กน้อยเช่น สัตว์อสูรบางตัวไม่ได้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของธาตุ ซึ่งแมวมินต์เป็นตัวอย่างที่ดีเพราะตามหลักการธาตุน้ำเป็นสิ่งสนับสนุนธาตุไม้ แต่น้ำกลับเป็นจุดอ่อนของแมวมินต์

เกาเผิงคิดว่าเขาจะว่างตลอดทั้งบ่าย แต่เมื่ออ่านนิตยสารไปได้เพียงไม่กี่หน้าก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในสำนักงาน

หนึ่งในกลุ่มคนนั้นมีเพียงหม่าเจียงเท่านั้นที่เขาคุ้นเคย

“คุณเกา ผมมารบกวนคุณอีกครั้งแล้วครับ” หม่าเจียงกล่าวพร้อมหัวเราะ

ด้านหลังหม่าเจียงมีคู่ชายหญิง ที่ดูเหมือนจะเป็นคู่รักที่อายุเท่ากัน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเกาเผิงไม่ใช่คู่หนุ่มสาว แต่เป็นแมงกะพรุนสีรุ้งที่ลอยอยู่กลางอากาศ!

มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ควรอาศัยอยู่ในทะเล แต่ตอนนี้มันกลับลอยอยู่ด้านข้างหญิงสาว

แมงกะพรุนไม่ใช่สิ่งที่ต้องยกระดับ ทว่าตรงกันข้ามกับสัตว์อสูรอีกตัวที่นอนอยู่บนพื้น มันดูเหมือนแมวและเสือในเวลาเดียวกัน ร่างกายของมันเป็นสีดำและมีความยาวเพียงหนึ่งเมตรยี่สิบเซนติเมตร

นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้เกาเผิงรู้สึกประหลาดใจคือ มันเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับปกติเท่านั้น!

“แมวพยัคฆ์ของผมเป็นสัตว์อสูรระดับสูง ผมมาที่นี่ในวันนี้โดยหวังว่าคุณจะช่วยทำให้มันกลายเป็นสัตว์อสูรระดับสมบูรณ์น่ะครับ” ชายเจ้าของแมวพยัคฆ์กล่าวอย่างสุภาพ

‘ระดับสูงเหรอ?’

เกาเผิงรู้สึกสับสน เขามองมันอีกครั้งและมั่นใจว่ามันเป็นสัตว์อสูรระดับปกติ เลเวลสิบแปด

เขาอยากบอกความจริงแต่ต้องเงียบไว้ เพราะหากพูดมากเกินไปอาจสร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้าได้

เกาเผิงไม่แน่ใจว่า ควรบอกความจริงหรือไม่ แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าเขาไม่คุ้นเคยกับชายคนนี้ เขาจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบ

“อืม ผมขอค่าธรรมเนียมหกสิบเครดิตพันธมิตรสำหรับการยกระดับแมวพยัคฆ์ตัวนี้” เกาเผิงพยักหน้า

ชายเจ้าของแมวพยัคฆ์ขมวดคิ้วขณะที่หม่าเจียงรู้สึกไม่ทำตัวไม่ถูก

หม่าเจียงกล่าวกับเกาเผิง “คุณเกาครับ ผมได้แจ้งลูกพี่ลูกน้องของผมเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมของคุณแล้วนะครับ เขาไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้” หม่าเจียงหัวเราะก่อนกล่าวต่อ “ผมรู้ว่าพวกเราสนิทกัน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีส่วนลดครับ เพราะไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นธุรกิจ”

“ผมรู้ ผมไม่ได้จะมอบส่วนลดให้ แต่ผมจะรับค่าธรรมเนียมจำนวนนี้ สำหรับการยกระดับแมวพยัคฆ์ มิฉะนั้น มันจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของผม” เกาเผิงตอบ

“นี่หมายความว่าอย่างไร?” หม่าเจียงยังไม่เข้าใจ ทว่าลูกพี่ลูกน้องของเขากลับเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ทันที จึงมองแมวพยัคฆ์ของตนก่อนหันไปส่งยิ้มให้กับเกาเผิง

“ดีมาก คุณเกาเป็นอย่างที่นายพูดไม่มีผิด” เขากล่าวก่อนจะยื่นเครดิตการ์ดออกมาจ่ายค่าธรรมเนียม

ชายผู้นี้เป็นคนตรงไปตรงมา ซึ่งเกาเผิงรักที่จะทำธุรกิจกับคนแบบนี้

หลังจากเห็นเกาเผิงนำแมวพยัคฆ์เข้าไปในห้องทำงาน ลูกพี่ลูกน้องของหม่าเจียงก็ได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

“ขอสายซูซาน หม่าอี้ต้องการพูดด้วย” ปลายสายรู้สึกประหลาดใจ

“คุณหม่า เกิดอะไรขึ้น?”

“ฉันสั่งให้นายหาแมวพยัคฆ์มาให้ฉัน อย่างน้อยมันต้องอยู่ในระดับสูงไม่ใช่หรือ?” หม่าอี้กล่าว

“…ถูกต้องครับ คุณหม่า คุณไม่พอใจแมวพยัคฆ์ตัวนั้นหรือครับ? หากคุณไม่พอใจ คุณสามารถ…”

“ให้ฉันพูดจบก่อน” หม่าอี้ขัดจังหวะ “ในเมืองฉางอาน คุณไม่ใช่คนเดียวที่ทำการค้าสัตว์อสูร ยังมีจ้าวหูจากเมืองทางใต้ หลี่เหล่าเอ๋อจากเมืองตะวันตก พวกเขาต่างต้องการทำธุรกิจกับผม พี่ชายของคุณเป็นลูกน้องของพ่อผมนั่นทำให้ผมเชื่อใจคุณ” ปลายสายเงียบไม่พูดอะไร

“แต่คุณกล้าส่งแมวพยัคฆ์ระดับปกติให้ผมนี่มันหมายความว่าอย่างไร?” หม่าอี้เต็มไปด้วยความโกรธ “ผมดูเหมือนคนโง่เหรอ?”

“คุณหม่า ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ แม้ผมจะรู้ ผมก็ไม่กล้าโกหกคุณหรอกครับ” ซูซานกล่าว “ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าแมวพยัคฆ์ตัวนั้นเป็นระดับสูง”

“เอาล่ะ ผมจะเชื่อว่าคุณไม่รู้เรื่องนี้” หม่าอี้กล่าว “ผมจะไม่เอาความเรื่องนี้ แต่ถ้ามีครั้งต่อไป...เราได้เห็นดีกันแน่!”

“ทราบแล้วครับ ทราบแล้ว…” ซูซานตอบ

หลังจากวางสาย หม่าอี้สังเกตเห็นความสับสนของหม่าเจียง ดังนั้นเขาจึงเริ่มอธิบาย “ซูซานเล่นไม่ซื่อ ฉันจึงใช้โอกาสนี้ข่มขู่เขา”

“นายไว้ใจคุณเกาจริงๆ เหรอ?” หม่าเจียงถามด้วยความสงสัย

แม้ตัวเขาจะไว้ใจเกาเผิง แต่หม่าอี้พึ่งได้พบกับเกาเผิงเป็นครั้งแรก

“สิ่งที่ฉันเชื่อไม่ใช่คุณเกาแต่เป็นสายตาของฉันเอง” หม่าอี้กล่าวอย่างจริงจัง

สองชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดแมวพยัคฆ์ก็ได้ยกระดับเป็นสัตว์อสูรระดับสูง

หม่าอี้ลุกขึ้นแสดงความขอบคุณ

เกาเผิงกล่าวด้วยความสงสัย “เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมขอสอบถามว่าคุณซื้อแมงกะพรุนเหินตัวนั้นมาจากที่ไหนครับ?”

หม่าเจียงเร่งตอบ “คุณเกาสนใจแมงกะพรุนเหินเหรอครับ? มันได้รับความสนใจอย่างมากและถูกนำมาขายที่ถนนการค้าวูชูเมื่อเร็วๆ นี้ แมงกะพรุนตัวนี้ผมซื้อมาเพื่อดูเล่นและมันสามารถใช้เก็บของได้เป็นอย่างดีด้วย ดูสิ”

หลังกล่าวจบ หม่าเจียงจึงโยนพวงกุญแจให้กับแมงกะพรุนเหินก่อนที่พวงกุญแจจะอันตรธานหายเข้าไปในร่างของมัน

เกาเผิงเข้าใจว่าพวงกุญแจไม่ได้อยู่ในตัวแมงกะพรุน แต่มันอยู่ในมิติอื่นต่างหาก

………………………………….