ตอนที่ 58 ตะขาบหลังม่วงสายฟ้า ปะทะ แมงป่องเกราะม่วง
กาเผิงก้มลงไปลูบหัวต้าซื่อ “เห็นไอ้ตัวนั้นไหม จำไว้นะว่ามันคือแมงป่อง...” เกาเผิงรู้สึกถึงความผิดปกติ
เขาเห็นต้าซื่อจ้องไปที่ไก่มังกรอย่างตั้ง ในขณะที่น้ำลายไหลย้อย เกาเผิงจึงตบหัวต้าซื่อเบาๆ
“ฉันไม่ได้บอกให้แกดูเจ้าไก่มังกร ฉันบอกให้แกดูแมงป่องเกราะม่วงต่างหาก! ให้ศึกษาวิธีต่อสู้ของมันซะ หลังจากนี้ฉันจะส่งแกไปสู้แล้วนะ”
ต้าซื่อเอียงหัวมองไปที่เจ้านาย จากนั้นพยักหน้า
แมงป่องเกราะม่วงเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว มันพุ่งไปที่ไก่มังกร หมายมั่นจะหนีบไก่มังกรด้วยก้ามของมัน ทว่าไก่มังกรตอบสนองด้วยความเร็วที่มากกว่า มันจึงใช้ขาที่แข็งแกร่ง กระโดดขึ้นไปในอากาศ หลบเลี่ยงการโจมตีด้วยกล้ามของแมงป่องได้ แต่ทันทีที่ไก่มังกรกระโดดอยู่กลางอากาศอยู่นั้น หางของแมงป่องเกราะม่วงพุ่งไปดั่งลูกศร โดนไก่มังกรเต็มๆ
ฟึ่บ
เสียงเหมือนไม้เรียวฟาดในอากาศ
ไก่มังกรหลบไม่พ้นจึงโดนหางของแมงป่องแทงไปที่หน้าอก ทว่ามันมีมัดกล้ามอันหนาแน่น จึงแทงได้แค่ส่วนปลายของหางแมงป่อง อีกทั้งยังโชคดีที่แมงป่องเกราะม่วงไม่มีพิษ ไม่อย่างนั้น ไก่มังกรคงล้มไปแล้วในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
แมงป่องเกราะม่วงเหวี่ยงไก่มังกรลงพื้น พร้อมพุ่งไปหนีบขาของไก่มังกร ในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะจบลง ไก่มังกรได้เอาหางของแมงป่องออกด้วยปีกของมัน ทำให้เลือดกระจายไปทั่วบริเวณ ไก่มังกรจึงพุ่งไปจิกด้วยความเร็วสูง
ปัง
กระดองของแมงป่องเกราะม่วงบุบอย่างง่ายดายราวกับกระดาษ
ของเหลวสีเหลืองเริ่มไหลออกมาจากบาดแผลที่ถูกไก่มังกรจิกแตกร้าว แต่ไม่ว่าจะเจ็บเพียงใดแมงป่องเกราะม่วงก็ยังหนีบขาไก่มังกรแน่นขึ้น จนในที่สุดก็ดึงจนมันขาดออกมา
แคว่ก!
ฟิ้ว!
เหล่านักเรียนที่อยู่นอกกรงเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง นักเรียนชายหลายคนเผลอมองขาตัวเองว่ายังอยู่ครบรึเปล่า
ไก่มังกรที่เกือบจะสิ้นสติค่อยๆ ผงกหัวขึ้น อาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงเกือบจะทำให้มันสลบไป โชคดีที่มันเกร็งกล้ามเนื้อให้แน่นขึ้น เพื่อป้องไม่ให้แมงป่องเกราะม่วงกระชากมันอีกครั้งที่สอง ถึงอย่างนั้นหยาดน้ำตาค่อยๆไหลจากตาของไก่มังกร
ปัง
แมงป่องเกราะม่วงขว้างไก่มังกรลงพื้นคอนกรีตอีกครั้ง ในขณะนี้ไก่มังกรแทบจะหมดสติไปแล้ว
ผลการต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว
ไก่มังกรด้อยกว่าแมงป่องเกราะม่วงแม้ทั้งคู่จะมีเลเวลและชนชั้นที่ใกล้เคียงกัน ทว่าสิ่งเดียวที่ทำให้แมงป่องเกราะม่วงชนะก็คือประสบการณ์ต่อสู้ เบื่องจากสัตว์อสูรเหล่านี้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในเมือง ดังนั้นประสบการณ์ต่อสู้ของไก่มังกรจึงไม่สามารถเทียบกับแมงป่องที่ต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในป่าได้เลย
แมงป่องเกราะม่วงพุ่งไปหาไก่มังกร มันเผยเขี้ยวขนาดเล็กอยู่ตรงข้างในปากออกมาเพื่อที่จะกินไก่มังกร ปกติมันไม่ค่อยนำออกมา มันจะใช้เขี้ยวก็ต่อเมื่อจะกินอาหารเท่านั้น
ฟิ้ว
แสงสีเงินพุ่งเข้าไปในกรงราวกับสายลม
แมงป่องเกราะม่วงรีบคลายก้าม และถอยกลับไปด้วยความตกใจ
หมาป่าจันทราสีเงินพุ่งเข้ามาในกรง จ้องเขม็งไปที่แมงป่องเกราะม่วง มันแยกเขี้ยวที่แหลมคมจ้องมองอย่างเย็นชา
แมงป่องเกราะม่วงพยายามข่มขู่หมาป่าสีเงิน ด้วยการทุบก้ามอย่างบ้าคลั่งเพื่อขู่หมาป่าจันทราสีเงิน
ขณะนั้นเอง หมาป่าจันทราสีเงินได้มองเหยียดไปที่มัน
ไก่มังกรที่นอนอยู่บนพื้น ได้กลิ้งไปที่เท้าของมัน และเดินกะโผลกกะเผลกหนีออกจากกรง มันจึงเป็นภาพที่แปลกตาเพราะมันหนีออไปด้วยขาที่บาดเจ็บ
หลังจากนั้นหมาป่าจันทราสีเงินได้เดินออกจากกรงอย่างช้าๆ แมงป่องเกราะม่วงรู้สึกขมขื่นที่อาหารถูกกระชากออกไปจากก้ามของมัน จึงพุ่งไปหาหมาป่าจันทราสีเงิน ที่ก้าวไปได้เพียงแค่สองก้าวเท่านั้น
หมาป่าจันทราสีเงินหันขวับพร้อมพูดว่า ‘ไม่ตบไม่ตีไม่ดีขึ้นเลยสินะ’ หมาป่าจันทราสีเงินหันขวับไป ทำให้แมงป่องเกราะม่วงจับได้แต่อากาศ ด้วยการเคลื่อนที่รวดเร็ว มันหลบการโจมตีจากหางของแมงป่องเกราะม่วง หมาป่าจันทราสีเงินหลบไปบนอากาศ จากนั้นใช้หางของมันฟาดไปราวกับแส้
เพียะ
แมงป่องเกราะม่วงถูกส่งไปในอากาศ มันหมุนไปรอบก่อนจะตกลงพื้นด้วยเสียงดังสนั่น
หมาป่าจันทราสีเงินเชิดคอแล้วมองไปที่แมงป่องเกราะม่วงที่นอนบนพื้น ก่อนจะเดินออกกรงอย่างช้าๆ
เท่มาก!
เหล่านักเรียนที่อยู่นอกกรงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเชียร์ แม้ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันทำท่าทางเช่นนี้ พวกเขาก็เคยถูกมันฟาดแบบนี้เหมือนกัน ทุกๆ ท่วงท่าของมันราวกับชมการแสดงอันสง่างาม หมาป่าจันทราสีเงินของผู้ฝึกสอน ยังอยู่ในระดับปกติแม้จะมีเลเวลสูงถึงยี่สิบแล้ว ชนชั้นของมันจึงใกล้ที่จะเปลี่ยนเป็นนักรบแล้ว
“มีใครอยากท้าทายแมงป่องเกราะม่วงอีกไหม” ผู้ฝึกสอนจางถามเหล่านักเรียน
เหล่านักเรียนต่างส่ายหัว ไก่มังกรแข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรของพวกเขามาก ถ้าไก่มังกรแพ้ สัตว์อสูรของพวกเขาจะต้องถูกทุบตีอย่างแน่นอน พวกเขาคิดว่าตะขาบหลังม่วงสายฟ้าของเกาเผิงมักจะท้าทายสัตว์อสูรตัวใหม่เป็นคนแรกเสมอ และพวกก็ได้โอกาสท้าทายหลังจากสัตว์อสูรบาดเจ็บหลายต่อหลายครั้งแล้ว ทำให้พวกเขารู้สึกหงุดหงิด และคิดว่าผู้ฝึกสอนลำเอียงที่อนุญาตให้เกาเผิงท้าทายสัตว์อสูรที่อยู่ในสภาพเต็มร้อยไร้รอยขีดข่วน นั่นเป็นเพราะคนอื่นไม่มีความสามารถในการมองเห็นเลเวลและชนชั้นของสัตว์อสูรแบบเกาเผิงได้ จึงคิดว่าสัตว์อสูรของพวกเขาไม่มีทางอ่อนด้อยกว่าเกาเผิงแน่ๆ
ทว่าตอนนี้พวกเขาต้องยอมรับความเป็นจริง ตะขาบหลังม่วงสายฟ้าของเกาเผิงนั้นแข็งแกร่งจริงๆ
“ไปเลยต้าซื่อ!” เกาเผิงโยนหนอนเหล็กและน้ำให้ต้าซื่อ เป็นเหมือนพี่เลี้ยงนักมวยที่เตรียมความพร้อมก่อนขึ้นชก ต้าซื่อคลานเข้าไปในกรงอย่างช้าๆ ด้วยขานับพัน
ตอนนี้แมงป่องเกราะม่วงลุกขึ้นมายืนแล้ว มันเต็มไปด้วยดิน ดูมอมแมมและฟกช้ำ เมื่อเห็นตะขาบขนาดใหญ่เข้ามา แววตาของมันสะท้อนความเจ้าเล่ห์ ก่อนถอยกลับสองก้าวเพื่อล่อให้ศัตรูเข้ามา
แมงป่องเกราะม่วงถอยหลังทันทีที่ต้าซื่อพุ่งเข้าไป ขณะที่ต้าซื่อพุ่งเข้าไปอีก ด้วยความเจ้าเล่ห์ของแมงป่องเกราะม่วงที่เห็นโอกาสโจมตี มันพุ่งสวนกลับไปแทนที่จะถอยหลัง เพียงพริบตาเดียว...ต้าซื่อก็ถูกเข้าประชิดตัวและโดนโจมตีด้วยกล้าม
ฉับ ฉับ ฉับ!
ต้าซื่อมองอุบายออก เบี่ยงตัวหลบการโจมตีจากการหนีบของก้ามได้ แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากการโจมตีจากก้าม ก็คือหางอันแหลมคมของแมงป่อง พุ่งอย่างเข้ามาอย่างรวดเร็วและแทงไปที่ต้าซื่อ
ฉึก
ด้วยเปลือกที่เหนียวและยืดหยุ่นของต้าซื่อทำให้การโจมตีไร้ผล แม้ว่าหางจะติดกับร่างกาย ทว่าต้าซื่อก็สามารถสะบัดหลุดอย่างง่ายดาย ต้าซื่อจึงชาร์จเปลือกของมันด้วยพลังสายฟ้าเพื่อโจมตีแมงป่อง
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ
แมงป่องเกราะกระเด็นกลับไปด้วยแรงช็อตไฟฟ้า จึงเป็นโอกาสให้ต้าซื่อจมตีกลับด้วยการเอาศีรษะพุ่งชนแมงป่องเกราะม่วง จนเกือบปิดฉากการต่อสู้ได้แล้ว
ต้าซื่อใช้ขากรรไกรล่างงับไปที่ท้องแมงป่องเกราะม่วงแล้วงัดมันขึ้นจนลอยไปบนอากาศ กลิ่นเลือดทำให้ต้าซื่อตื่นเต้น พิษกำลังเข้าสู่ร่างกายของแมงป่องเกราะม่วงด้วยเขี้ยวที่กำลังกัดเนื้อมันอยู่
แม้ว่าจะถูกยกให้ลอยขึ้น ทว่าแมงป่องเกราะม่วงไม่มีวี่แววว่าจะดิ้นหนี เพราะโครงสร้างของร่างกายของมัน จะขยับตัวลำบากเมื่อถูกยกขึ้น ทันใดนั้นต้าซื่อพันแมงป่อง เหมือนกับอนาคอนดาที่กำลังบีบรัดเหยื่อ
แม้ว่าแมงป่องเกราะม่วงจะมีภูมิต้านทานพิษสูง แต่ต้าซื่อก็มีพิษที่หลากชนิดเช่นกัน แมงป่องเกราะม่วงคงต้านทานไม่ได้ทุกอย่าง เมื่อพิษเข้าสู่ร่างกาย ทำให้มันเคลื่อนที่ช้าลง
ก้ามแมงป่องแกว่งไปมาอย่างอ่อนแรง ดวงตาที่ค่อยๆปิดตัวลง
แผงข้อมูลที่อยู่ตรงหน้าเกาเผิง บอกว่าอาการบาดเจ็บของแมงป่องเกราะม่วงรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งตัวอักษรกลายเป็นสีแดงเข้ม
‘ถ้าไม่ช่วยมันตอนนี้ แมงป่องเกราะม่วงได้ตายแน่ๆ’
แต่เกาเผิงกลับเปิดขวดน้ำแล้วดื่มมัน ความกังวลหายไปทันที
การต่อสู้ระหว่างต้าซื่อกับแมงป่องเกราะม่วงถูกตัดสินตั้งแต่การโจมตีครั้งแรก ถ้าแมงป่องเกราะม่วงจับต้าซื่อได้ด้วยก้ามของมัน ต้าซื่อคงจะถูกเหวี่ยงไปมาและกลายเป็นอาหารของมันไปแล้ว ทว่าโชคไม่ดีที่แมงป่องเกราะม่วงมีนิสัยเข้าจู่โจมด้วยกล้าม จากนั้นใช้หางแทงไปที่อีกฝ่าย ซึ่งคาดเดาง่ายเกินไป
ผู้ฝึกสอนสั่งให้เกาเผิงหยุด ถ้าต้าซื่อไม่หยุด เครื่องในของแมงป่องเกราะม่วงจะถูกต้าซื่อกินทั้งหมด
เกาเผิงพยักหน้าพลางสั่งให้ต้าซื่อปล่อยแมงป่อง ต้าซื่อที่กำลังจะมีความสุขกับมื้ออาหาร รู้สึกโศกเศร้าที่ต้องหยุด แต่มันก็ยอมหยุดแล้วคลานออกมาจากกรง ขากรรไกรล่างและหัวของต้าซื่อเต็มไปด้วยเลือดสีเขียว ในขณะที่ขากรรไกรของมันขยับไปมา ช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก
ในกรงแมงป่องเกราะม่วงนอนแน่นิ่งบนพื้นอย่างอ่อนแรง ราวกับต้นไม้ใกล้ตาย
………………………………….