ห้าร้อยปีหลังจากย้ายมาอยู่บนดาวดวงใหม่
"อะไรนะพี่ นายท่านจะให้ผมเป็นคนรับผิดชอบห้องของคุณทาอินน์! นายท่านเกลียดผมใช่ไหม? อยากส่งผมไปตายใช่ไหม!?" เสียงทุ้มแหบแหกปากลนลาน ขณะที่สองมือก็เขย่าคอญาติผู้พี่ด้วยความตกใจ
เสียงนั้นเป็นของ 'รัตติกาล' ชายหนุ่มที่กำลังจะอายุ 21 ปี แต่มีรูปร่างตัวเล็กผอมบางเพราะเป็นมนุษย์หมาป่าระดับล่างที่มีความบกพร่องทางพันธุกรรมเล็กน้อย ทำให้ตัวเล็กกว่ามนุษย์หมาป่าคนอื่นๆ เรือนผมแห้งฟูสีน้ำตาลชาเย็นกับผิวขาวเผือก ดูอมโรค จนโดนจัดอยู่ในระดับล่าง เป็นคนรับใช้จิปาถะ แต่เพราะมีดวงตาสีเทาโดดเด่นผิดกับเบต้าทั่วไปจึงยิ่งโดนดูถูกว่าเป็นพวกนำพาความโชคร้าย ทำให้รัตติกาลต้องใส่แว่นสีชาเพื่ออำพรางสีตาของตนมาโดยตลอด
"แค่ก ๆ อ่อก ไอ้บ้า ปล่อยกูก่อน จะ แค่ก จะตาย!" ญาติผู้พี่ดิ้นรนขลุกขลัก จนเมื่อแกะมือที่เพิ่งประทุษร้ายตนออกจากคอได้แล้วจึงเริ่มเปิดปากอธิบาย "กูก็ไม่รู้ กูก็เพิ่งเห็นคำสั่ง อีกอย่างนะ มึงทำงานดีจะตาย แค่งานดูแลรับใช้ง่าย ๆ เองมึงจะต้องกลัวอะไรขนาดนั้นวะ? แถมตำแหน่งยังดูจะสูงกว่ากูที่เป็นรองหัวหน้ากองพฤกษศาสตร์นี่อีกต่างหาก"
"ก็คุณทาอินน์ร้ายกาจจะตาย ถ้าเป็นคุณธาริณก็ว่าไปอย่า…" รัตติกาลบ่นอู้
"เฮอะ ฝันหรือไง? คุณธาริณเป็นถึงว่าที่ผู้นำคนต่อไปเชียวนะ ใครได้เป็นผู้ดูแลติดตามย่อมได้ดิบได้ดีไปด้วย แถมท่านยังใจดีมีแต่คนแย่งกัน อย่างเรา ๆ น่ะไม่มีสิทธิ์หรอก" ญาติผู้พี่เบะปากให้กับความเพ้อฝันของน้องก่อนนั่งลงปลูกต้นกล้าข้าง ๆ น้องชายต่อ
"นั่นสิพี่ จะว่าไปงานรับใช้หน้าห้องของคุณทาอินน์ก็สำคัญมากเหมือนกันนี่ มีพวกเบต้าชั้นสูงเยอะแยะที่อยากได้ตำแหน่งนั้น ทำไมนายท่านถึงเลือกผมล่ะ? ...ทำไมถึงได้เลือกพวกยีนบกพร่องแบบผมกัน?"
"อาจเป็นเพราะพวกนั้นดูอันตรายเกินกว่าจะเก็บไว้ใกล้ตัวลูกชายคนสำคัญของท่านละมั้ง ข่าวว่าอาจมีผู้ปองร้ายบางคนแฝงตัวในกลุ่มชั้นสูงด้วย"
"...ก็เลยเลือกคนพิการ ไร้พลังอำนาจ ทำได้แค่ปลูกผักอย่างผมสินะ"
"ก็ถ้าได้คนที่ไม่ต้องคอยนอนระแวง มันก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอ?"
จบคำญาติผู้พี่ ทั้งสองก็ต่างถอนหายใจกันออกมา
รัตติกาลเหม่อมองไปบนท้องฟ้าสีชายามเที่ยงวันผ่านโดนกระจกแล้วพลันนึกไปถึงสิ่งที่เคยร่ำเรียนมาเมื่อวัยเด็ก
"พี่ลีฟ พี่ว่าเรื่องเล่าที่เราเคยได้ฟังตอนเด็ก ๆ ที่ว่าเราเป็นมนุษย์จากดาวอื่น และดาวที่เราจากมาสวยงามราวสรวงสวรรค์ มีท้องฟ้าสีฟ้า ก้อนเมฆสีขาว ท้องน้ำสีคราม ภูเขาสีเขียว และมีดอกไม้สวยงามเป็นทุ่ง พี่เชื่อเรื่องนี้ไหม?"
จบคำถามญาติผู้พี่แหงนมองท้องฟ้าสีชาตามน้อง ก่อนถอนหายใจออกมา
"ไม่รู้สิ มันก็แค่เรื่องเล่าอ่ะ คนระดับสูงเท่านั้นถึงจะรู้ว่ามันจริงหรือเปล่า แต่กูว่านะ ถ้าดาวดวงเก่าสวยงามขนาดนั้นจริง ๆ แล้วทำไมบรรพบุรุษเราถึงต้องย้ายมาที่นี่ด้วยล่ะ?"
"แต่ผมเคยได้ยินว่ามันเป็นเรื่องจริงนะ อีกอย่างเขาว่ากันว่าที่ดาวดวงเก่ามีสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับเราทุกอย่าง แต่อ่อนแอกว่าและสวยงามกว่าอยู่ด้วย เหมือนจะเรียกว่า…อะไรนะ…อ๋อ ผู้หญิง! แล้วพวกผู้หญิงนี่แหละที่จะต้องเป็นคนตั้งครรภ์"
"ผู้หญิง? คืออะไรวะ คนท้องได้ตอนนี้ก็ไม่เห็นจะเรียกว่าผู้หญิงเสียหน่อย"
"...ก็ผู้หญิงสูญพันธุ์ไปแล้วนี่"
"มึงนี่ก็สรรหารู้เยอะจริง ๆ รีบทำงานเลยกูหิวข้าวแล้ว"
"ก็วันก่อนผมได้รับหน้าที่ไปดูแลส่วนของหอสมุดมาน่ะสิ เลยได้ไปอ่านหนังสือโบราณเข้า ได้ความรู้ใหม่ ๆ มาเพียบเลย" รัติกาลดวงตาเป็นประกายขณะพูดถึงเรื่องที่เพิ่งได้ไปอ่านตำราโบราณ
"..." ลีฟมองน้องชายด้วยสายตาเจ็บปวดระคนสงสารเล็กน้อย ก่อนยื่นมือเปื้อนดินไปดีดที่หน้าผากคนที่กำลังจ้อไม่หยุด เสียงดังฟังชัด โดยเฉพาะเสียงร้องโอดโอยของรัตติกาล
"โอ้ย! พี่มาดีดผมทำไมเนี่ย!?"
"อย่าฝันให้ไกลนักเลย เรามันแค่พวกเบต้า รู้เรื่องพวกนั้นมากไปก็ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นเสียหน่อย" ลีฟบ่นรัตติกาลที่วัน ๆ เอาแต่หาความรู้ที่ไม่มีสาระใส่หัว ยิ่งพอนึกถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นขึ้นมาก็ทำให้ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น แล้วก้มหน้าก้มตาเพาะชำต้นกล้าต่อไปไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก
รัตติกาลเพียงมองญาติของตนเงียบ ๆ รู้สึกผิดที่เผลอทำให้ลีฟเจ็บช้ำ
ใช่…เรื่องของชนชั้นนี้ไม่มีใครเสียใจมากกว่าลีฟอีกแล้ว ทั้งที่ตอนถือกำเนิดถูกระบุชัดเจนว่าเป็นชนชั้นอัลฟ่าแท้ ๆ แต่พอโตขึ้นยีนกลับกลายพันธ์ุกลายเป็นเพียงแค่เบต้าที่ไม่สามารถมีลูกได้ เพราะยีนอัลฟ่าของลีฟนั้นบกพร่อง มันจึงหายไปเมื่อเขาโตขึ้น
ราวกับตกจากสวรรค์ นิยามนั้นคงไม่ผิดนัก
รัตติกาลได้แต่ถอนหายใจแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานของตนไปบ้าง เขาเองตอนแรกเกิดจากพ่อแม่ที่มียีนบกพร่องทั้งฝั่งพ่อที่เป็นอัลฟ่ายีนด้อยกับแม่ที่เป็นโอเมก้ายีนกลาย เขาที่เกิดมาถูกระบุว่าเป็นเบต้าตั้งแต่ลืมตาดูโลก จึงไม่สามารถอยู่ร่วมชนชั้นกับพ่อแม่ได้
นั่นคือชะตาที่พวกเขาต้องเผชิญ
ชะตาที่ไม่อาจฝืน
เพราะเผ่าพันธุ์ต้องการสืบทอดและขยายจำนวนเพื่อความอยู่รอด ผู้ที่สามารถให้กำเนิดชีวิตได้จึงถือเป็นสมบัติล้ำค่า
เพราะโอเมก้าเท่านั้นที่สามารถตั้งครรภ์
เพราะอัลฟ่าเท่านั้นที่สามารถทำให้โอเมก้าท้องได้
และเพราะทั้งอัลฟ่าและโอเมก้าที่เป็นพวกโดมิแนนท์ (Dominance) มีจำนวนน้อยเพียงหยิบมือจึงทำให้คนเหล่านี้ได้รับอภิสิทธิ์จากทางรัฐอย่างมากมาย นับเป็นชนชั้นสูงที่ไม่อาจแตะต้อง
ส่วนเบต้าอย่างพวกเขาก็ทำได้แค่ก้มหน้าเป็นประชากรชั้นสองในเผ่าพันธุ์ เป็นมดงานที่ไม่มีปากไม่มีเสียงเท่านั้น
ชีวิต…มันก็เท่านี้
.
.
.
.
.
"ห้องคุณหนูทาอินน์ครอบคลุมบริเวณปีกซ้ายทั้งหมดของคฤหาสน์ แบ่งเป็นห้องนอน ห้องทำงาน และห้องรับรองส่วนตัว หน้าที่ของนายคือส่วนของห้องนอก เพราะคนดูแลคนเก่าเพิ่งถูกปลดไป หน้าที่ที่ต้องทำมีไม่มากแค่ดูแลความสะอาดของห้อง กับคอยรับใช้เวลาคุณหนูอยู่เท่านั้น ในส่วนของห้องทำงานกับห้องรับรองมีคนอื่นดูแลอยู่แล้ว นายไม่ต้องไปยุ่ง"
วันแรกของการทำงานรัตติกาลถูกอบรมสั่งสอนอย่างดีจากหัวหน้าพ่อบ้าน เพื่อให้เขาสามารถเริ่มงานได้อย่างราบรื่น ด้วยความเป็นมืออาชีพ ดังนั้นเรื่องเล่าที่ออกจากปากของหัวหน้าพ่อบ้านจึงมีแต่เรื่องงาน งาน และงาน ข้อควรระวัง คำแนะนำต่าง ๆ พรั่งพรูไม่หยุดแต่ไม่หลุดเรื่องส่วนตัวของเจ้านายออกมาแม้แต่ครึ่งคำ มันจึงทำให้รัตติกาลยิ่งเครียดกับงานที่ต้องรับทำนี้มาก จริงอยู่ว่าการได้ดูแลห้องนอนส่วนตัวของอัลฟ่าลูกหัวหน้าเผ่ามันเท่ากับการได้ขึ้นตำแหน่งให้อยู่สูงขึ้น หรือเทียบได้กับระดับหัวหน้าในบรรดาเบต้าด้วยกัน แต่เสียงเล่าลือที่ว่าทาอินน์เปลี่ยนคนดูแลห้องนอนบ่อยกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้า ชนิดที่ว่าแค่ขัดหูขัดตาก็ปลดออกทันทีนั้นมันก็ทำเอาอกสั่นขวัญแขวนใช่น้อย
เพราะคนที่ถูกปลดจะไม่สามารถกลับไปทำงานในตำแหน่งเดิมที่อุตส่าห์ไต่เต้ามานาน แต่จะต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่มาจากแผนกดูแลสิ่งปฏิกูล!
…ฮือ อุตส่าห์ได้เป็นผู้ช่วยจิปาถะในหน่วยพฤกษศาสตร์สังกัดพี่ลีฟแล้วแท้ ๆ
รัตติกาลได้แต่บ่นในใจ ก่อนเดินก้มหน้าตามพ่อบ้านไปยังที่ที่ตนต้องดูแล นั่นคือห้องนอนของทาอินน์อัลฟ่าระดับสูงผู้เป็นลูกชายคนที่ 2 ของท่านผู้นำเผ่า
ผู้นำเผ่าปัจจุบันคือท่านทาร์ อัลฟ่าโดมินแนนท์มีภรรยาเป็นโอเมก้า 2 คนคือ ท่านมีรัน และท่านอินทรา มีลูกเป็นอัลฟ่าระดับโดมิแนนท์ 2 คนคือคุณหนูธาริณ และคุณหนูทาอินน์
คุณหนูธาริณลูกชายคนโตมีความสุขุมและใจดี แต่คุณหนูทาอินน์คนรองกลับเป็นคนดุดันทั้งยังอารมณ์ร้าย ขนาดเบต้าระดับล่างอย่างรัตติกาลยังได้ยินชื่อเสียงอยู่เป็นประจำถึงความร้ายกาจ
"ครั้งนี้เราจะรอดไหมนะ" รัตติกาลบ่นพึมพำกับตัวเอง เมื่อในที่สุดก็ถูกปล่อยให้เริ่มงานเพียงคนเดียวแล้ว
แค่เดินไปที่ห้องของทาอินน์ สายตาของคนรับใช้รอบคฤหาสน์ก็เหมือนจะมองมาที่เขาเป็นตาเดียว ดูก็รู้ว่ามองมาอย่างเวทนาทั้งนั้น แถมเขายังหูดีได้ยินพวกเบต้าระดับสูงบางคนเริ่มวางเงินพนันกันแล้วว่าเจ้าคนดูแลใหม่จะอยู่ได้กี่วัน
แค่เห็นแบบนั้นรัตติกาลก็ได้แต่น้ำตาตกใน คิดถึงหน้าที่เก่าใจจะขาดแล้ว
แต่นับว่าวันนี้รัตติกาลยังมีโชคเพราะเจ้าของห้องไม่อยู่ วันแรกของการทำงานจึงเป็นอะไรที่เรื่อยเปื่อย เพราะห้องส่วนตัวของทาอินน์สะอาดเอี่ยมอรทัยอยู่แล้ว รัตติกาลนั่งประจำที่ของตน จากนั้นก็เดินไปเดินมา จัดตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย แล้วก็หลบออกมานั่งรอที่ประจำของตนอีก วนไปเวียนมาอยู่แบบนั้นทั้งวัน
กระทั่งตะวันตกดิน รัตติกาลเหม่อมองท้องฟ้าสีชาที่ค่อย ๆ มืดหมองลงทีละน้อย แล้วนับถอยหลังอยู่ในใจ เวลาเลิกงานของเขาคือ 2 ทุ่ม ตอนนี้ 6 โมงเย็นแล้ว เหลืออีกเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น
อีกแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น…
น่าจะเป็นโชคช่วยของรัตติกาลในช่วงนี้ เพราะดูเหมือนที่รัฐกลางจะมีงานสำคัญทำให้นายท่านทาร์พาลูกชายทั้งสองคนเดินทางไปที่รัฐกลางทุกวันตลอดทั้งเดือนนี้ ทำให้รัตติกาลไม่มีโอกาสได้เจอตัวเป็น ๆ ของทาอินน์เลยแม้แต่ครั้งเดียวเพราะฝ่ายนั้นออกจากคฤหาสน์ไปตั้งแต่ตี 5 และกลับมาอีกทีเกือบ 4 ทุ่มทำให้สวนกับรัตติกาลที่เริ่มงาน 6 โมงเช้าเลิกงาน 2 ทุ่ม
เพราะรู้เรื่องตารางงานของทาอินน์เป็นอย่างดี ทำให้ในเดือนนั้นรัตติกาลทำงานด้วยความสงบเพลิดเพลิน แต่ละวันของเขาก็ไม่มีอะไรทำมากไปกว่าการเข้ามาเก็บกวาดภายในห้อง จัดเตียงใหม่ ดูแลควบคุมคนทำความสะอาดในปีกซ้ายที่เป็นที่ของทาอินน์ทั้งหมด
เมื่อผ่านไปได้เกือบ 1 เดือนรัตติกาลก็มั่นใจแล้วว่างานที่ตนทำอยู่นี้ไม่เหมาะกับตัวเองเลยสักนิด แม้ตอนนี้จะยังมีโชคเพราะเจ้าของห้องไม่อยู่ แต่เขามั่นใจว่าหากวันไหนที่ต้องเจอกันเขาเองก็คงไม่รอด โชคสุดท้ายที่เหลืออยู่คงเป็นเรื่องของอายุที่กำลังจะครบ 21 ปีของตนที่สามารถขอเข้ารับการทดสอบเพื่อเลือกเข้ากลุ่มงานของรัฐอย่างพี่ลีฟได้
หากเขาสามารถผ่านเข้ากลุ่มของรัฐ แล้วนายท่านเมตตา เขาก็จะสามารถออกจากงานตรงนี้ได้
โดยกลุ่มงานของทางรัฐ แบ่งออกเป็น 5 หน่วยคือ
หน่วยข้าราชการ ขึ้นตรงต่อรัฐกลาง คือหน่วยที่มีอำนาจสูงสุด
หน่วยแพทย์ จำแนกไปตามเผ่าพันธุ์
หน่วยวิทยาศาสตร์ ขึ้นตรงต่อรัฐกลางเท่านั้น
หน่วยพฤกษศาสตร์ จำแนกไปตามเผ่าพันธุ์ (ลีฟเป็นสังกัดหน่วยนี้ ในฐานะรองหัวหน้าสาขาของเผ่าหมาป่า)
หน่วยทหาร-ตำรวจ คือหน่วยปกป้องเขตแดนแยกกันไปในแต่ละเผ่า
หากหน่วยไหนที่ขึ้นตรงต่อรัฐกลางจะมีมนุษย์กลายพันธุ์ทุกเผ่าทำงานร่วมกัน โดยแยกเป็นหมวดต่างๆ ออกไปแล้วแต่ความถนัด ส่วนหน่วยที่แยกออกไปตามเผ่าก็จะมีการจัดสรรจากรัฐกลางเช่นกัน
การเข้ารับการทดสอบเข้าหน่วยจะมีการคัดสรรครั้งเดียวตอนอายุครบ 21 ปี เมื่อได้สังกัดหน่วยแล้วจะได้รับสวัสดิการและเงินเดือนจากรัฐ เพราะถือเป็นคนของรัฐไม่ใช่ของเผ่า
นั่นหมายความว่าหากรัตติกาลผ่านการทดสอบก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของนายท่าน
ทว่า…
ระบบการสอบเข้าหน่วยนี้จะสงวนเอาไว้เพื่อมนุษย์กลายพันธุ์ที่เป็นพวกยีนสมบูรณ์เท่านั้น พวกกรรมพันธุ์ชำรุด หรือยีนบกพร่องจนกลายพันธุ์ได้ไม่สมบูรณ์ พวกตัวเล็กและอ่อนแอจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ารับการทดสอบ
แต่ก็มีพวกยีนบกพร่องบางคนที่ได้รับอนุญาตให้เข้ารับการทดสอบ เพราะมีศักยภาพที่โดดเด่นเพียงพอ รัตติกาลเองก็วาดฝันว่าตนอาจได้เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นที่สามารถก้าวไปคว้าสิ่งที่ฝันได้
รัตติกาลเฝ้าภาวนาอย่างสุดหัวใจทุกวันว่าขอให้เขาได้เป็นส่วนหนึ่ง ขอให้เขาสามารถเข้ารับการทดสอบได้ ด้วยร่างกายที่มีความบกพร่องนี้…
เขาเฝ้าภาวนาทุกวัน ไม่เว้นแม้กระทั่งตอนนี้ที่กำลังนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงของทาอินน์ผู้เป็นนาย เกือบครบเดือนแล้วที่ตนทำงานอยู่ที่นี่ และตารางงานของเจ้านายในมือที่มีอยู่ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าอย่างน้อยอีกร่วมสองอาทิตย์กว่างานในรัฐกลางของทาอินน์จะสำเร็จลุล่วง นั่นหมายความว่าก่อนจะถึงตอนนั้น เตียงนี้ก็จะเป็นของรัตติกาลในยามกลางวัน
ขอเพียงแค่เขาดูแลความสะอาดอย่างดี ขอยืมนอนนิดหน่อยทาอินน์ผู้เป็นเจ้านายไม่มีทางรู้แน่
อา...นุ่มสบายจริงๆ ที่นอนของพวกชนชั้นสูงมันต่างจากเตียงแข็ง ๆ ของพวกเราสุด ๆ
.
.
.
อืม...หลับไปนานเท่าไหร่แล้ววะเรา อีกสักหน่อยแล้วกัน 6 โมงค่อยลุกขึ้นเคลียร์พื้นที่
เวรแล้ว!!!
แค่พอรู้สึกตัวตื่นแล้วพบว่าที่ด้านหลังมีคนนอนร่วมเตียงอยู่ ขนของรัตติกาลก็ลุกชันไปทั้งตัว หัวใจหดเกร็งจนแทบหยุดเต้น สัญชาตญาณบ่งบอกชัดเจนว่ากลิ่นอายของคนที่อยู่ด้านหลังคือระดับอัลฟ่า! และอัลฟ่าที่เป็นเจ้าของคฤหาสน์ปีกซ้ายแห่งนี้คงเป็นใครไปไม่ได้อีกนอกจากทาอินน์!!
เสี้ยววินาทีหลังจากตื่นรู้ รัตติกาลก็สติแตก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังแกล้งนอนต่อไปแม้จะเกร็งจนสั่นไปหมด
แต่ทำไมถึงนอนอยู่ข้างกันล่ะ?
ตามตารางแล้วคืนนี้กลับดึกไม่ใช่เหรอ
'โดนจ้องอยู่!' สัญชาตญาณสัตว์ป่าในตัวทำให้รัตติกาลรู้ได้ทันทีว่ากำลังถูกจับจ้อง แบบนั้นยิ่งทำให้ไม่กล้าขยับ
ในขณะที่แกล้งนอนตายเป็นก้อนหินเพราะทำอะไรไม่ถูก การทักทายจากด้านหลังก็ทำเอาสะดุ้งโหยงไปทั้งตัว
"ไง...ตื่นได้แล้วเหรอ?"
"...!!!? ..."
"เห็นนอนสบายอยู่ทุกวัน วันนี้ฉันเลยลองมานอนด้วย"
"!!!?" เลือดในกายของรัตติกาลเย็นเฉียบ ในหัวคิดไปถึงจุดจบอันแสนอเนจอนาถของตน!!
"ผ…ผมขอโทษ" รัตติกาลเอ่ยขอคำขอโทษด้วยน้ำเสียงที่เบาราวกับแมลงเม่า หัวใจที่บีบรัดรุนแรงกำลังจะทำให้เขาเป็นลมตาเหลือก กระนั้นก็ยังพยายามอ้อนวอนของชีวิตด้วยริมฝีปากที่สั่นระริกจนเผลอกันลิ้นตัวเองไปหลายต่อหลายครั้ง "ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว…ได้โปรด…ไว้ชีวิต…"
แต่ดูเหมือนคำขอนั้นจะไม่ได้รับการตอบรับ ผู้เป็นนายมอบหมายคำสั่งอื่น
"หันหน้ามา"
'เฮือก!' แค่ได้ยินคำสั่งก็ราวกับถูกใช้ให้ไปตาย ทำเอารัตติกาลตัวสั่นเป็นตะแกรงร่อนยิ่งกว่าเก่า เสียงลือเสียงเล่าอ้างข้างนอกว่าอัลฟ่าทาอินน์คนนี้โหดเหี้ยมยิ่งกว่าใครในพงศ์เผ่า กฎหมายจากรัฐกลางไม่สามารถคุ้มครองประชาชนขั้นสองของแต่ละเผ่าได้ โดยเฉพาะพวกเบต้ายีนบกพร่องอย่างเขา…
"หันมา"
เพราะรัตติกาลไม่ยอมหันไปเสียที คำสั่งที่ตามมาจึงเข้มขึ้น
"ครับ!" คราวนี้ไม่รอให้พูดซ้ำ รัตติกาลกระโดดผลึงลงไปคุกเข่าหมอบกรานอยู่หน้าเตียงอย่างรู้หน้าที่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมเงยขึ้นสบตานายเหนือ
ก็จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อใจมันไม่กล้าพอ
"ฉันไม่ฆ่านายหรอก เงยหน้าขึ้นมา" ทาอินน์ถอนหายใจ แล้วออกคำสั่งซ้ำ
แล้วเมื่อรัตติกาลเงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ จังหวะหัวใจที่เต้นรัวอยู่เมื่อครู่ก็คล้ายหยุดนิ่งไป
แว่นสีชาในยามปกติของรัตติกาลถูกถอดวางไว้ข้างหมอนตอนที่ตนแอบนอนหลับบนเตียงนั้น ทำในยามนี้จึงได้เผลอเผยดวงตาที่เทาสว่างให้นายเหนือได้เห็นเสียแล้ว
รัตติกาลแทบหยุดหายใจกับความงามตรงหน้า แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเหล่าอัลฟ่าล้วนมีรูปลักษณ์ที่งามล้ำ แต่สำหรับระดับโดมิแนนท์อัลฟ่าอย่างทาอินน์นั้นมันยิ่งกว่าคำว่างดงาม ร่างกายที่สูงสง่า ดวงหน้าคมคาย เรือนผมสีเงินกับดวงตาสีทองอร่าม ขับงำออร่าของอัลฟ่าชั้นผู้นำให้ยิ่งเด่นชัด
โดมินแนนท์อัลฟ่าที่รัตติกาลเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
แม้รัตติกาลจะตะลึงพรึงเพริดกับภาพตรงหน้าแค่ไหน แต่สีหน้าของทาอินน์กลับเรียบนิ่ง เขาเอ่ยออกมาเพียง 1 ประโยค
"นายน่ะ มาเป็นโอเมก้าของฉันซะ"