วันที่ 2 พฤษภาคม บุ๊กขับรถมาตามโลเคชั่นที่พลูโตส่งมาให้ แล้วมันก็พาเธอออกนอกเมืองหลวง มายังสนามยิงปืนแห่งหนึ่ง
บุ๊กเดินเข้าไปด้านใน ก็พบกับพนักงานต้อนรับสาว ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์
"เชิญเข้าไปด้านในเลยค่ะ"
พนักงานสาวกล่าว โดยที่บุ๊กยังไม่ทันได้พูดอะไรด้วยซ้ำ แต่เธอก็เดินงง ๆ เปิดประตูเข้าไปทางด้านหลัง ตามคำแนะนำของพนักงาน แล้วสิ่งแรกที่เธอเห็นหลังเปิดประตูเข้าไปก็คือพลูโตที่ยืนรออยู่ พร้อมกับชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งรูปร่างหน้าตาค่อนข้างคล้ายซัท
"ผมดีใจที่คุณเปลี่ยนใจนะ"
ตาณเอ่ยทัก ซึ่งบุ๊กจำเสียงนี้ได้ มันเป็นเสียงของผู้ชายที่พูดกับเธอในบาร์เมื่อวานนั่นเอง
"ผมดีใจที่พี่ยอมมานะ"
พลูโตกล่าวด้วยความจริงใจ
"ไม่คิดเลยว่า คุณชายสายเผือก แท้จริงแล้วจะเป็นคุณนายสายเผือก"
เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังของบุ๊ก เธอจึงหันกลับไปมอง แล้วก็พบเข้ากับซัท
บุ๊กหันไปมองหน้าพลูโตกับซัทสลับไปสลับมาด้วยความมึนงงและสงสัย
"ดูเหมือนเรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลยนะ คุณนายสายเผือก"
ซัทกล่าวด้วยสีหน้าแววตาอันสุดแสนจะเจ้าเล่ห์
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันที่ 29 เมษา หลังจากพลูโตได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากซัทกับตาณแล้ว เขาก็รู้สึกว่า...
"ผมเชื่อ ผมเอาด้วย"
"ง่าย ๆ อย่างนี้เลยเหรอจืด มันอันตรายนะ"
ซัทขึ้นเสียงใส่พลูโตเล็กน้อย ด้วยความไม่เห็นด้วย
"ไม่อยากจะพูดแบบนี้เลย แต่ผมก็เห็นด้วยกับซัทนะ แล้วก็ทำไมคุณถึงเชื่อง่ายจัง เรื่องที่พวกเราเล่ามันเป็นทฤษฎีสมคบคิดแบบในหนังเลยนะ คนปรกติไม่น่าจะเชื่อกันง่าย ๆ หรอก หลักฐานก็ไม่มี"
"มันก็ดูเกินจริงอยู่นั่นแหละ แต่มันอธิบายได้หลายอย่างเลยว่า ทำไมพี่ซัทถึงดูล่องลอยเหลือเกิน ตอนที่รู้ว่าประธานท้อง แล้วมันก็สมเหตุสมผลดีด้วย ที่พี่ซัทจะไม่ชอบพี่เขยตัวเอง เพราะเขาเป็นคนไม่ดี ที่สำคัญที่สุดก็คือ ไอ้ของที่อยู่บนมือผมนี่แหละ..."
พลูโตหยุดพูด แล้วก้มลงไปมองเข็มกลัดรูปปลาดาว ก่อนจะพูดต่อ
"ผมยังไม่มีโอกาสบอกเลย เพราะหลังจากนั้นมีแต่เรื่องวุ่น ๆ ผมเคยเห็นมันมาก่อน และไม่ใช่ตอนที่ไปบ้านพี่กบด้วย"
"จริงเหรอ!"
ซัทกับตาณอุทานประสานเสียงกันออกมา
"ครับ พี่ซัทจำวันที่พี่ไล่ผมออกได้ไหม ก่อนที่ผมจะเข้าห้องไปโดนพี่ไล่ออกน่ะ คุณชีคเขาเปิดประตูออกมา แล้วเดินชนผม ตอนนั้นก็มีของคล้าย ๆ กันแบบนี้นี่แหละ ร่วงลงมา แล้วผมก็ส่งมันคืนให้เขา"
พลูโตพูดความจริง แบบแอบเหน็บแนมซัทด้วยนิดหน่อย
"ชีคเหรอก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่"
ซัทพูดโดยมีตาณพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ข้าง ๆ
"แล้วทั้งสองคนมีแผนจะให้ผมทำอะไรเหรอครับ"
"ฉันอยากให้นายทะเลาะกับฉัน"
ซัทตอบคำถามของพลูโต ในขณะที่พลูโตยังงงกับคำตอบนั้นอยู่ ตาณจึงอาสาอธิบายให้เขาฟัง
"ตอนนี้เรารู้แล้วว่าพวกนั้น เป็นองค์กร เป็นสมาคมอะไรสักอย่าง ที่มีจุดสังเกตเป็นเครื่องประดับรูปปลาดาวอันนี้ เราจึงอยากได้สายลับสองหน้าแฝงตัวเข้าไป ซึ่งคนที่เหมาะสมที่สุดก็คงมีแต่ผู้จัดการเท่านั้น"
"ใช่อย่างที่ตาณบอกไปนั่นแหละ ฉันทำไม่ได้ ให้พวกตำรวจที่เป็นคนนอกทำก็ไม่ได้ ต้องเป็นคนในวงการบันเทิง และเป็นคนที่พวกนั้นจะใช้งานได้ง่ายที่สุด ซึ่งก็ต้องเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับฉัน นั่นก็คือนาย"
"ผมเข้าใจแล้ว ถ้าพวกนั้นต้องการกำจัดพี่ซัทไปให้พ้นทาง ก็จะเข้ามาหาผมที่เป็นคนใกล้ตัวที่สุด"
"ใช่ ซึ่งนายกับฉันดันสนิทกันเกินไป พวกนั้นคงไม่เชื่อง่าย ๆ แน่เพราะงั้นเราต้องทะเลาะกัน เอาให้หนักมากด้วย"
"แต่แค่นั้นเขาจะเชื่อง่าย ๆ เหรอครับ คือแบบก็แค่เด็ก ๆ ทะเลาะกัน มันดูจงใจแปลก ๆ"
"เรื่องนี้ผมกับซัทคุยกันไปบ้างแล้ว และนั่นเป็นเหตุผลที่ผมให้เขารีบพาผู้จัดการมา"
"เวทีมีพร้อมแล้วนายจืด คนดูก็พร้อมแล้ว เหลือแค่นักแสดง ว่าไงนายพร้อมจะรับบทรึยัง"
สิ้นเสียงของซัทบรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ตาณไม่ได้พูดอะไรต่อหลังจากนั้น ส่วนพลูโตเองก็ทำท่าคิดหนักอยู่เหมือนกัน แล้วสักพักพลูโตก็ทำตาโตออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะคิดบางอย่างออก
"พรุ่งนี้ 30 เมษา วันเกิดพี่ซัท มีงานแฟนมีท นั่นคือเวทีกับคนดูงั้นใช่ไหมครับ"
คำตอบที่พลูโตได้จากซัทกับตาณคือการพยักหน้า
"อืม...ผมว่ามันยังมีช่องโหว่อยู่นะ เรื่องบทน่ะ เราจะทะเลาะกันเรื่องอะไรล่ะ"
"ฉันเตรียมไว้แล้ว ให้นายกับฉันแอบกิ๊กกันไงล่ะ"
"เรื่องรัก ๆ งั้นเหรอ ใช้ได้เลยนะ เหตุผลเพียงพอที่จะให้คนเราหักหลังกันได้เลย งี้เราก็โยงเรื่องคุณพีทมาด้วยเลยดีไหม เรื่องรักสามเส้าแบบนี้ขายได้"
"หัวไวดีนี่นายจืด เราคบกันช่วงไชน่าทาวน์ที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ให้มันเป็นช่วงรักยังหวาน ซึ่งฉันจอมมารแห่งวงการบันเทิง แค่หลอกนายกะคบเล่น ๆ แล้วเขี่ยทิ้ง"
"จากนั้นพี่ซัทก็กลับไปหาคุณพีท ไฮโซบ้านรวย พอมีภาพหลุด ผมก็เลยไม่พอใจ จะไปเอาเรื่องจึงสร้างความรำคาญให้คุณ แล้วก็ตู้ม"
"เราทะเลาะกันใหญ่โต นายจืดที่หวังจะสุขสบายเพราะได้คบกับดาราดัง ดันถูกหักหลัง ภายในใจจึงเต็มไปด้วยความแค้น รอวันที่จะเล่นงานคนที่ทำร้ายเขาให้สาสม"
ตาณได้แต่ยืนมองพลูโตกับซัท พูดคุยต่อบทกันเป็นตุเป็นตะ เป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งเขาก็ต้องยอมรับว่า ความคิดของทั้งคู่มันน่าจะออกมาดีแน่ ๆ
"แต่ว่านะครับ"
"ใช่ฉันก็คิดแบบนายนั่นแหละนายจืด"
พลูโตกับซัทพึมพำออกมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ตาณเองก็เริ่มเครียดแล้ว จึงพูดออกไป
"จากโลก ถ้าได้ยินแล้วตอบด้วย ช่วยบอกทีว่ามันติดขัดตรงไหน แผนก็ออกมาดูดีแล้วนี่"
"จริงอยู่ว่ามันออกมาดูดีแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา เพราะก่อนหน้านี้ฉันปฏิเสธไปแล้วว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ ถ้าฉันกลับคำให้การว่า ฉันควบสองทั้งผู้จัดการ กับคุณพีท มันก็จะดูน่าสงสัยนะ เรื่องแบบนี้ ถ้าออกจากปากเจ้าตัวไม่มีใครเชื่อหรอกต่อให้เป็นเรื่องจริงก็ตาม มันต้องออกจากปากของคนอื่น คนที่ดูน่าเชื่อถือ พอเป็นแบบนั้นแล้ว ต่อให้มันจะเป็นเรื่องโกหกไม่น่าเชื่อขนาดไหน คนก็พร้อมเชื่อ"
"ต้องทำกันถึงขนาดนั้นเลยเหรอวะเพื่อน"
"ขอต้อนรับเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเป็นทางการนะเพื่อน"
ซัทพูดพร้อมกับตบบ่าของตาณเบา ๆ
"คิดออกแล้ว!"
ตาณกับซัท หันไปมองพลูโตที่อุทานออกมาเสียงดัง
"คุณชายสายเผือก"
"ก็ใช้ได้อยู่หรอกนายจืดแต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร"
"ใช่แล้วครับผู้จัดการ ขนาดตำรวจอย่างผมยังไม่รู้เลย"
ได้ยินทั้งสองคนพูดแบบนั้น พลูโตก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะเขารู้สึกภูมิใจในตัวเองจริง ๆ
"จริง ๆ แล้วผมทำการสืบสวนเรื่องนี้แบบลับ ๆ อยู่ แม้จะโยนทิ้งถังขยะไปแล้วก็เถอะ"
ได้ยินพลูโตพูดแบบนั้น ซัทที่รู้เรื่องนี้ก็ส่ายหัวไปมาอย่างหน่ายใจ
"แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็มีคนในใจอยู่แล้ว เราแค่ต้องล่อเขาออกมา"
พูดจบพลูโตก็ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
"แต่แผน...เอ่อ...รักสามเส้า มันใช้ได้แค่ครั้งเดียวนะจืด พอเริ่มไปแล้ว ถ้าคนที่นายคิดไม่ใช่คุณชายสายเผือกขึ้นมา พวกเราจะเสี่ยงกันหมด"
ซัทกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางกังวลมาก ตาณเองก็ใช่กัน
"ถ้าไม่เสี่ยงรุกดูบ้าง โอกาสชนะ โอกาสได้แต้มมันก็ไม่มี"
พลูโตกล่าวและยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมาเช่นเคย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"เรื่องทั้งหมดมันก็ประมาณนี้แหละครับคุณบุ๊ก ที่เหลือผมก็แค่รอดูว่าคุณจะโผล่ไปแถวบ้านเขาไหม จากนั้นผมก็แค่แอบตามคุณไป เพื่อหาจังหวะเกลี้ยกล่อมคุณ แม้สุดท้ายแล้วตอนนั้นคุณจะหนีไปก็ตาม แต่ตอนนี้คุณกลับมาแล้ว ต้องขอบคุณที่ให้ความร่วมมือจริง ๆ ครับ"
ตาณกล่าว
"เข้าใจแล้ว ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวเลยสินะ พวกนายคาดไว้แล้วว่า ถ้าฉันเป็นคุณชายสายเผือกจริง ๆ ยังไงก็ต้องตามไปดูที่บ้านของพลูโตอยู่แล้ว เช่นเดียวกันกับรองประธานที่ต้องไปทำหน้าที่ของตัวเอง พอฉันเห็นว่า รองประธานแอบไปคุยกันลับ ๆ กับพลูโตที่บ้าน ทางเดียวที่ฉันจะทำเพื่อให้ปล่อยข่าวเรื่องนี้ลงเพจได้ โดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยของตัวเองไว้ ยังไงฉันก็ต้องเรียกนักข่าวมาก่อน พอนักข่าวมาสร้างความวุ่นวาย ก็ได้เวลาของตำรวจ พอเป็นแบบนั้นก็ทำให้ครอบครัวของพลูโตปลอดภัยได้ แล้วก็ได้ตัวฉัน ที่ประมาทไป ไม่คิดว่าจะมีคนรู้เรื่องของตัวฉันเองอยู่แล้ว ทุกการกระทำมันก็เลยมัดตัวฉันจนดิ้นไม่หลุด"
บุ๊กร่ายยาวพร้อมกับส่ายหัวไปมา และถอนหายใจตลอดเวลาจนกระทั่งพูดจบ
"ฉันถามหน่อยสิ ถ้าฉันไม่เปลี่ยนใจ พวกนายจะชักจูงฉันยังไง"
"แบล็กเมล์"
ซัทตอบคำถามของบุ๊กด้วยท่าทางเรียบเฉย
"ก็...อาจจะต้องให้ฝ่ายไอทีช่วยแฮ็กแหละครับ"
ตาณตอบด้วยท่าทีเขินอายนิดหน่อย
"ถามจริง นี่เหรอวิธีของตำรวจ"
บุ๊กตะโกนเสียงดังแล้วเกาหัวแกรก ๆ อย่างไม่เชื่อหู
"ครับ บางครั้งก็ต้องยอมให้มือเปื้อนเลือดบ้าง ต้องยอมทำสิ่งที่ผิด ด้วยเหตุผลที่ดี"
คราวนี้คุณตำรวจตาณกล่าวอย่างมั่นใจ
"แล้วอะไรทำให้คุณชายสายเผือกผู้ลึกลับเปลี่ยนใจล่ะ"
ซัทถามจี้จุดทันทีที่มีโอกาส
"เอ่อ...ก็..."
บุ๊กมีท่าทางลำบากใจกับคำถามของซัทอย่างเห็นได้ชัด
"ถ้าเราจะทำงานด้วยกันเราต้องเชื่อใจกันได้ บอกมาสิความลับของเธอคืออะไร"
ซัทกล่าวแล้วจ้องไปที่บุ๊กราวกับจะสูบเลือดสูบเนื้อ
"ก็...จุดเริ่มต้นของคุณชายสายเผือก พวกคุณก็คงรู้กันแล้วว่าเป็นยังไง โดยเฉพาะคุณ คุณซัท คุณไม่เคยพูดความจริงเบื้องหลังการหย่า ว่าภรรยาของคุณมีกิ๊ก ก็...ฉันนี่แหละเมียเก็บของวี"
"เธอเองเหรอ ฉันก็นึกว่าเป็นไอ้ว่าที่ผู้นำประเทศคนนั้นมาตลอด"
ซัทพูดออกมาเสียงดัง
"อย่างนี้นี่เอง ไม่ใช่พี่กบที่คอยบอกข้อมูล แต่เป็นเจ้าตัวเองที่ปล่อยข่าว"
พลูโตกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนประหลาดใจ
"แล้วยังไงต่อครับคุณบุ๊ก อะไรทำให้คุณเปลี่ยนใจ"
ตาณพูดกลับเข้าเรื่อง
"ก็นะ ถึงฉันจะเป็นเมียเก็บของวีถึงสองครั้ง แต่ฉันก็รักเธอจริง ๆ น่าเสียดายที่เธอดันหลงใหลไปกับชื่อเสียงและเงินทอง จนยอมทำทุกอย่าง แม้กระทั่งเป็นกระสอบทรายให้ผัวตัวเอง"
บุ๊กกล่าวด้วยน้ำเสียงและแววตาอันเศร้าสร้อย
"ไอ้ว่าที่ผู้นำประเทศนั่นน่ะนะ!"
"ใช่ มันเป็นพวกหัวรุนแรงเจ้าอารมณ์น่ะ มันไม่ลงมือกับเธอมาเป็นปี แต่เมื่อคืนนี้เธอร้องไห้มาหาฉัน และใช่มันลงมือกับเธออีกแล้ว ดูเหมือนว่าคนเรามันไม่ได้เปลี่ยนกันง่าย ๆ ขนาดนั้นนะ"
พูดมาจนถึงตอนนี้ น้ำตาของบุ๊กก็เริ่มซึมออกมาแล้ว เธอจึงยกมือขึ้นมาปัด ก่อนที่จะเปลี่ยนอารมณ์ มาเป็นสดใสตามเดิม
"นั่นแหละ ฉันก็เลยลองเสี่ยงดู ว่าพวกนายมีอะไรในมือบ้าง ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าน่าประทับใจ และฉันตั้งใจจะทำให้วงการบันเทิงเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคมจริง ๆ นะ"
บุ๊กหันไปพูดกับตาณแล้วกล่าวด้วยความจริงใจ
"แต่ฉันมีข้อแม้นะ ซึ่งมีแต่คุณตำรวจเท่านั้นที่ทำได้"
"ว่ามาเลยครับคุณบุ๊ก"
"ฉันอยากให้วีเข้าโปรแกรมพิทักษ์พยาน"
"เดี๋ยวนะ ทำไมวีต้องเข้าด้วย หรือเธอจะมีส่วนร่วม"
ซัทถามแทรกขึ้นมาด้วยความสงสัย
"ฉันก็ไม่รู้หรอก ว่าเธอมีส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหน แต่ไอ้เข็มกลัดรูปปลาดาวนั่นน่ะ ฉันเคยเห็นมันเหมือนกัน แต่มันเป็นต่างหูของวีนะ ไม่ใช่เข็มกลัด"
สิ้นเสียงของบุ๊กบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
"ว่าไงคะคุณตำรวจ พอจะทำได้ไหม ฉันพูดมาถึงตรงนี้แล้ว คุณคงเข้าใจสินะคะ ว่าเรื่องนี้มันใหญ่กว่าวงการบันเทิงไปมากเลยทีเดียว"
"ได้อยู่แล้ว..."
ซัทพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่ลังเล
"เห็นแบบนี้ ไอ้ตาณมันเป็นตำรวจใหญ่เลยนะบอกไว้ก่อน พ่อมันเป็นถึง..."
"เงียบเลยไอ้ซัทพูดมากไปแล้ว"
ตาณพูดแทรกเพื่อดุซัท
"แต่ก็อย่างที่มันบอกนั่นแหละครับว่าได้ ถึงอย่างนั้นคุณก็ต้องช่วยกล่อมให้เธอร่วมมือด้วย ถ้าทำได้ ผมสัญญาว่าจะทำทุกทางให้เธอปลอดภัย"
ตาณกล่าวอย่างมั่นใจ
"งั้นก็เป็นอันตกลง"
บุ๊กก็กล่าวด้วยความมั่นใจไม่แพ้กัน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บุ๊กนั่งอยู่ในบ้านพักของตัวเอง โดยคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอคือวี บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด และตึงเครียด
"ฉันไม่เอาด้วยหรอก พวกเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร"
"แต่วีเธอจะทนต่อไปเพื่ออะไรกัน"
"เพื่ออะไรน่ะเหรอ ก็ทุกอย่างนี่ไง จะให้ฉันทิ้งทุกอย่างที่ฉันสร้างมาไปอย่างนั้นเหรอ ไม่ ฉันไม่เอาด้วยหรอก"
"แต่เราไปเริ่มต้นใหม่ได้นะวี"
"ก็ฉันไม่อยากเริ่มใหม่นี่ กว่าฉันจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะ แล้วจะให้ฉันทิ้งมันไปง่าย ๆ ได้ยังไงกัน"
"ฉันรู้ว่ามันไม่ง่าย ฉันจะไม่บอกว่าฉันเข้าใจเธอหรอก แต่ฉันน่ะ ยอมทิ้งทุกอย่างได้หมดเพื่อเธอนะ"
"ก็แหงล่ะ เธอไม่มีอะไรให้เสียอยู่แล้ว ถ้าไม่มีฉันเธอก็ไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ"
วีพลั้งปากไปตามอารมณ์โดยไม่ทันได้ยั้งคิด กว่าเธอจะรู้ตัวว่าพูดอะไรที่มันหวนกลับคืนมาไม่ได้ บุ๊กก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว
"เธอคิดดูให้ดีอีกทีแล้วกัน คืนนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว"
พูดจบบุ๊กก็เปิดประตูแล้วเดินจากไปด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
หลังจากนั้นสักพักบุ๊กก็มาโผล่อยู่ในร้านอินเทอร์เน็ต แบบที่เธอทำมาตลอด
ทุกครั้งที่เธอจะปล่อยข่าวในนามคุณชายสายเผือก เธอมักจะทำแบบนี้ เพื่อให้ไม่มีใครตามรอยเธอได้ง่าย ๆ แถมยังเปลี่ยนร้านไปเรื่อย ๆ ไม่ค่อยใช้ร้านเดิม เผื่อไว้อีกด้วย
เธอใช้เวลาเรียงร้อยถ้อยคำต่าง ๆ อยู่เป็นชั่วโมง ก่อนที่จะปล่อยข่าวใหญ่ที่ทำให้สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวงการในคลิกเดียว
กลางดึกของวันที่ 2 พฤษภาคม #จอมมารแห่งวงการบันเทิง ก็เดือดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเพจคุณชายสายเผือก ได้บอกเล่าเรื่องราวความรักสามเส้าระหว่างสามหนุ่ม ซุปตาร์ ผู้จัดการ และไฮโซ จนทำให้ไม่มีสื่อใดไม่เล่นข่าวนี้ แน่นอนว่า หน้าบ้านของพลูโตก็เต็มไปด้วยนักข่าวเช่นเคย อันที่จริงมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ทำให้ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 3 พฤษภาคม พลูโตจำต้องให้พ่อกับแม่หยุดงานไปพักอยู่ต่างจังหวัดกันเป็นการชั่วคราวก่อน แน่นอนว่าทั้งหมดก็เป็นแค่ข้ออ้าง เพื่อให้พ่อกับแม่ได้ไปอยู่ในที่ปลอดภัยต่างหาก ส่วนตัวเขาจะปักหลักอยู่ที่นี่
พลูโตไม่ได้ให้สัมภาษณ์ด้วยตัวเอง แต่ให้ทนายจากสมาคมคนแรงงานบันเทิงแถลงการณ์แทน โดยที่เขาปฏิเสธข่าวลือต่าง ๆ จากเพจคุณชายสายเผือกทั้งหมด ทั้งยังโต้กลับว่าเป็นการปล่อยข่าวจากผู้ไม่หวังดี เพื่อลดความน่าเชื่อถือของพลูโตกับสมาคมฯ อีกด้วย
ฝั่งเฟทและซัทเองก็ออกมาปฏิเสธข่าวลือเช่นกัน โดยแถลงเพิ่มเติมว่า ซัทยอมรับผิดทุกอย่าง ทั้งหมดเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ และผลจากการรับบทตัวร้าย ทำให้การยับยั้งช่างใจของเขามีปัญหา ทางบริษัทยินดีที่จะให้พลูโตกลับมาทำงานเหมือนเดิม และพร้อมชดใช้ค่าเสียหายทุกอย่าง
ฝั่งรองประธานรุจเองก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน เขาติดต่อผ่านทนายของพลูโต เพื่อขอพบ และพูดคุยกับพลูโตเป็นการส่วนตัว ซึ่งพลูโตได้ปฏิเสธไปตามแผนการที่วางไว้ ว่าเขาจะต้องเล่นตัว
ท่ามกลางข่าวของดารานักแสดงชื่อดังที่เต็มไปทั่วทุกสื่อตั้งแต่เมื่อคืนนี้ แทบไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่า ในมุมเล็ก ๆ ของข่าวสารมากมาย มีคนเบื้องหลังคนหนึ่ง พึ่งจากไปเมื่อคืนนี้เช่นกัน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจากบุ๊กออกจากบ้านไป ทิ้งวีให้อยู่ในบ้าน นั่งคิดทบทวนทุกอย่างเพียงลำพังได้ไม่นาน ก็มีคนบุกเข้ามาในบ้าน หลายต่อหลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสามีของตัววีเองนั่นแหละ
ในขณะที่วีหน้าถอดสีด้วยความมึนงงและตกใจอยู่นั้น คุณทีปสามีของเธอ ก็ส่งสัญญาณบอกให้ลูกน้องออกไปรอข้างนอก ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ปลดเข็มขัดกางเกงของตัวเองออกอย่างใจเย็น
เมื่อเห็นเช่นนั้นภาษากายของวีก็ตอบสนองโดยอัตโนมัติอย่างคุ้นเคย เธอไปหลบอยู่ตรงมุมห้อง พลางยกมือไหว้ร้องไห้วิงวอนขอโทษ สามีของตัวเอง ตัวของเธอสั่นไปด้วยความกลัว และสั่นแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่สามีของเธอ ค่อย ๆ ม้วนสายเข็มขัดไปบนฝ่ามือสองสามรอบ แล้วค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเธออย่างใจเย็น และในจังหวะที่เธอไม่มีทางหนีเขาพ้นได้อีก ในจังหวะที่เขาเข้ามาประชิดตัวเธอ เธอก็ก้มลงไปกราบเท้าเขา ขอให้เขาให้อภัย ซึ่งช่างโชคร้าย ที่มันไม่เป็นผล
วีถูกสามีของเธอใช้เข็มขัดฟาดอย่างเต็มแรง พลางก่นด่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เธอทรยศบ้างล่ะ เลี้ยงไม่เชื่องบ้างล่ะ ในขณะที่ทุกครั้งที่ถูกด่าและถูกฟาด วีทำได้แค่ร้องด้วยความเจ็บปวด และกล่าวขอโทษ บอกว่าตนผิดไปแล้ว แต่สามีของเธอก็ยังไม่หยุดมือแต่อย่างใด เขาฟาดและด่าเธอต่อไปเรื่อย ๆ โดยที่เธอไม่ได้ตอบโต้อะไรเลยสักครั้ง จนกระทั่งเขาหลุดพูดออกมาว่า
"พอจัดการเธอเสร็จ ฉันจะไปจัดการคู่ขาของเธอด้วย"
ได้ยินแบบนั้น วีก็ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน กระโจนเข้าใส่สามีของตัวเอง โดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว จึงหงายหลังล้มลงไป นี่เป็นครั้งแรกที่เธอฮึดสู้ ทว่าช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่แรงผู้หญิงมิสามารถสู้แรงของผู้ชายได้ เมื่อเขาชกเธอเข้าไปเต็มแรงที่ใบหน้า ภาพของเธอก็ดับลง
วีตื่นมาอีกทีในบ้านของตัวเอง เธอถูกขังอยู่ในห้องนอนของตน โดยมีทางเดียวที่เธอสามารถรับรู้เรื่องโลกภายนอกได้ ก็คือทีวี ที่ถูกเปิดทิ้งไว้ให้เธอโดยเฉพาะ เธอจึงเห็นมันโดยง่าย และนั่นทำให้เธอปล่อยโฮออกมา เพราะสิ่งที่กำลังฉายในทีวี คือข่าวอุบัติเหตุรถชน หน้าร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ โดยที่คนขับรถยอมมอบตัวแต่โดยดี และคนที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุก็คือบุ๊กนั่นเอง
.......โปรดติดตามซีนต่อไป.......