ตอนที่ 2 : เริ่มต้นเป็นนาง

"เสี่ยวหง...ตื่นสิ"

"อือ....อีก 5 นาที"

เสียงงัวเงียตอบกลับไป ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ เขย่าตัวเธอสุดแรงที่มีอยู่จนกลิ้งร่วงลงกระแทกพื้นแข็งเต็มน้ำหนักตัว

"โอ๊ย!!...?????"

หงส์หน้าหงิกง้ำกวาดตามองไปรอบห้องหาเจ้าของการกระทำ กลับต้องนั่งงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อรอบกายของเธอมืดสนิทอย่างกับสตูดิโอทึบคลุมผ้าดำไว้ เธอลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พบว่าตัวเองสวมชุดจีนโบราณหลายชั้น ซับด้านในเป็นสีขาวเหมือนชุดทั่วไป ด้านนอกเป็นสีแดงสดใสเหมือนสีดอกพลัมแดง เธอก้มมองตัวเอง มือก็จับตามหน้าตาไปด้วย

"อะไรเนี่ย?"

"ตื่นเสียที"

เสียงหนึ่งโพล่งอยู่ในความมืด เธอสะดุ้งโหยง มองหาต้นทิศทางเสียง ทันใดนั้น จอภาพใหญ่ยักษ์อย่างกับทีวี 65 นิ้วก็สว่างวาบเบื้องหน้า ปรากฏภาพผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดจีนโบราณสีม่วงอ่อน งดงามเช่นบุปผาแรกแย้ม ตาโต คิ้ววงพระจันทร์ จมูกโด่งเป็นสันตรงรับกับริมฝีปากกระจับสีชมพูอ่อน รูปร่างโปร่งระหง เรียกว่าหาที่ติไม่ได้เลยสักจุด เธอยืนชื่นชมต้นพลัมสีขาวเบื้องหน้า แต่สีแววตากลับเศร้าหมอง อมทุกข์ หงส์ขมวดคิ้วมุ่นแปลกใจ

"นั่นคือเด็กสาววัย 18 ปีที่แสนอาภัพ นามว่า จางหงเหยียน"

เสียงหนึ่งดังกังวานขึ้นก่อนที่ภาพผู้หญิงสวมชุดแดงฉานดั่งโลหิต แววตามุ่งร้าย แม้รูปโฉมงดงามเพียงใดกลับดูน่าสะพรึงกลัวไปในคราวเดียวกัน หงส์จำได้ทันทีว่าเป็นคนที่เธอพบกลางพายุหิมะ

"คนนั้น!"

"นั่นคือมารโลหิต นามว่า จางหงเหยียน ผู้มีปณิธานแรงกล้าให้แผ่นดินฮั่นนองไปด้วยโลหิต"

คำอธิบายไม่ช่วยให้กระจ่างเท่าไหร่ เธอมองหาเจ้าของเสียงไปรอบๆ อีกฝ่ายกลับเอ็ดเสียงลั่นใส่

"ดูภาพบนจอสิ ตั้งใจ เจ้าต้องจำภาพเหล่านี้ไว้"

เสียงนั้นกล่าวจบก็ปรากฏภาพผู้ชายคนหนึ่ง สวมชุดจีนโบราณสีเหลืองนวลลายมังกร ดูมีฐานะ เข้ามาผูกพันด้วย

"ชายผู้นั้นคือหลิวชิงหยาง เป็นองค์รัชทายาท"

นางกล่าวเสียงเครือสั่น แต่หงส์ไม่ได้ใส่ใจนัก เธอมองพวกเขาเดินเคียงคู่กันไปบนสะพานโค้งสีแดงสดใส รายล้อมด้วยดอกพลัมสีขาว ไม่ว่าดูอย่างไรต่างก็ตกหลุมรักต่อกัน กระทั่งวันหนึ่ง เด็กสาวถูกใส่ร้ายว่าขโมยของสำคัญไป เมื่อไม่ยอมรับผิดก็ถูกขัง ถูกทรมานต่างๆนานาจนแทบไม่เหลือเค้าความสวยงาม ก่อนจะถูกนำไปโยนทิ้งในป่าพลัมแดงอย่างไม่ใยดี โชคดีที่ชาวบ้านมาช่วยไว้ 

หลังจากเธอหายดีก็พบว่าองค์รัชทายาทแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ของบ้านหลังนั้นหน้าชื่นตาบาน ไม่มีเศร้าหมองหรือระแคะระคายว่าเธอหายไป เด็กสาวเสียใจ จากความรักก็เกิดเป็นแค้น แรกเริ่มไปร่วมกับกลุ่มโจรกบฏ ต่อมาพบเข้ากับคัมภีร์ลับบางอย่างจนหลงเข้าสู่ทางมาร และเลือกเอายอดเขาหนึ่งที่เรียงรายด้วยต้นพลัมแดงเป็นที่ตั้งสำนัก ขานนามว่าหอหิมะแดง นางมารชุดแดงก่อกรรมทำเข็น ไล่เข่นฆ่าผู้คนไปมากมาย กระทั่งมาถึงฉากสุดท้าย นางมารถูกบุรุษชุดขาวผู้หนึ่งแทงกระบี่สังหารในที่สุด

"แล้วไง??" หงส์หันถามเสียงที่ไร้ตัวตน 

"นั่นเป็นเรื่องราวของจางหงเหยียนคนที่ 99 สุดท้าย นางไม่อาจบรรลุปณิธานของจางหงเหยียนในเรื่องได้ และถูก 5 สำนักคุ้มภัยรวมตัวกันสังหาร ผู้ที่สำเร็จโทษนางคือสุนัขรับใช้ เย่ลู่เสียน"

กล่าวจบ ภาพจอใหญ่ยักษ์ก็เลือนหายไป กลับกลายเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง สวมชุดเช่นเดียวกับเธอ แต่หน้าตาหวานสวยอย่างกับตุ๊กตา ดูคล้ายคนในภาพที่ฉายเมื่อครู่เล็กน้อย แต่บุคลิกดูเคร่งครัดกว่า หงส์เผลอก้าวถอยหลัง อีกฝ่ายก็ร่อนกายลงยืนเต็มความสูงเบื้องหน้าของเธอ ดวงตาสีแดงฉานดั่งโลหิตกวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าอย่างไม่รักษามารยาท เหมือนติดใจในรูปร่างจนหงส์ขมวดคิ้วใส่

"น้อยๆหน่อยคุณ"

"ข้าตามหายอดฝีมือในเกมส์ต่อสู้มานาน หวังให้พวกเขาเหล่านั้นบรรลุปณิธานของข้า สังหารองค์รัชทายาทและกวาดล้างบ้านตระกูลเซิ่ง กลับไม่มีผู้ใดทำสำเร็จจนล่วงเลยมาถึงเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ใช้เคล็ดวิชาสดับหิมะของข้ากวาดล้างพวกมันให้ตายอย่างทรมานที่สุด!"

น้ำเสียงและแววตาของคู่สนทนาเต็มเปี่ยมด้วยไฟแค้น บดบังรูปโฉมสวยงามหมดสิ้น หงส์นึกเห็นใจอยู่ลึกๆ เดาเอาเองว่าเรื่องราวเหล่านั้นคงเป็นอีกฝ่าย แต่จะให้ช่วยยังไงในเมื่อตัวเองยังเอาไม่รอดเลย วินาทีนี้ช่วยตัวเองก่อนดีกว่ามั้ง

"เอาแต่ใจเกินไปแล้ว ถ้าฉันช่วยเธอกวาดล้างองค์ชายอะไรนั่น เธอจะผ่อนคอนโดต่อให้ฉันมั้ย? ไม่เอาหรอก เสียเวลา"

หงส์เดินหนี สตรีชุดแดงจึงเหาะมาขวางหน้าไว้ ซ้ำยังจ้องเธอเขม็ง 

"เจ้าจะได้ออกไปจากที่นี่หลังจากล้างสังหารตระกูลเซิ่งและหลิวชิงหยาง หาไม่ จะถูกจองจำในห้วงแห่งนี้ไปตลอดกาล เฉกเล่นวิญญาณอีก 99 ดวง เบื้องหลังเจ้า"

สตรีชุดแดงโบกฝ่ามือเพียงนิด พลันลมเย็นยะเยือกก็ปะทะแผ่นหลังพาให้หงส์เหลียวหลังมอง เธอถึงกับตกตะลึงเมื่อพบดวงวิญญาณสวมชุดสีแดงมากมายเหาะวนเวียนไปมาอย่างทุกข์ทรมาน เธอหันมองสตรีชุดแดงทันที

"ทำเกินไปแล้ว"

"ถูกบังคับให้ยอมรับความอยุติธรรม นั่นคือชะตาชีวิตจางหงเหยียน"

สิ้นวาจา สตรีชุดแดงก็เหาะเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว หงส์ยกมือขึ้นบังหน้าไว้ตามสัญชาตญาณกลับพบว่าอีกฝ่ายสลายเป็นฝุ่นผงสัมผัสกับร่างกายเธอ พลันแสงสีขาวก็สว่างวาบทันใด

--------------------------

"อาหง เหม่ออะไร หยิบผักเร็วเข้า!"

"!!"

อยู่เสียงหนึ่งก็โพล่งอยู่ข้างหู หงส์สะดุ้งโหยง กระพริบตาทีสองทีปรับโฟกัสให้ชัดเจน พบว่ารอบกายเธอคือตลาดในเมืองใหญ่อันแออัดคล้ายกับฉากในหนังจีนกำลังภายใน ตัวเธอเองถือตะกร้าไผ่ใบใหญ่หนักอึ้ง เต็มไปด้วยผักปลามากมาย ซ้ำยังสวมชุดสาวใช้หนาเตอะหลายชั้นสู้กับอากาศหนาวสุดขั้ว แม้แดดจะแรงกล้าก็ตาม 

"เอาจริงเหรอวะ ล้อกันเล่นใช่มั้ยเนี่ย"

เธอเผลอร้องออกมา เจ้าของเสียงดุก็ยกมือตีแขนเข้าให้

"โอ๊ย!"

"อย่าพูดจาแปลกๆ หยิบผักกาดมาได้แล้ว เอาหัวสวยๆ ชิ! เรื่องของตัวเองไม่ใส่ใจ วันๆเอาแต่วาดรูปแต่งกลอน ขี้เกียจสันหลังยาวเช่นนี้สักวันนายหญิงใหญ่ไล่เจ้าออกนอกจวนตระกูลเซิ่งแน่"

หงส์แทบหูชากับคำด่าภาษาท้องถิ่นที่เธอดันฟังออกทุกคำ ไม่ต้องเสียเวลาลงเรียนหรือสอบวัดระดับเลยสักนิด เธอรีบหยิบหัวผักกาดตามคำสั่งก่อนอีกฝ่ายจะบ่นมากไปกว่านี้ 

"เท่านี้พอมั้ย"

เธอยื่นตะกร้าให้สตรีร่างท้วมวัยกลางคนดู อีกฝ่ายกลับตีแขนเข้าให้ดังลั่น

"โอ๊ย! อะไรอีกเล่า"

"คนในจวนมีเป็นสิบ เจ้าหยิบมาหัวเดียว คิดว่าอยู่คนเดียวหรือ"

'ก็อยู่คนเดียวจริงๆนี่หว่า' 

หงส์ได้แต่คิดในใจ แต่ดูทรงแล้วคงเถียงคุณป้าขี้บ่นข้างๆไม่ได้แน่ๆ จึงยอมสงบวาจาแล้วรีบหยิบผักกาดเพิ่มอีก 4-5 หัว อีกฝ่ายก็ตีแขนเธอที่เดิม

"โอ๊ย!"

"เอามานี่ หลีกไป เจ้ามันไม่ได้เรื่องจริงๆ"

"อาจวน เจ้าเอ็ดอาหงเกินไปกระมัง นางเป็นสาวใช้ไม่ใช่แม่ครัวเช่นเจ้า จะรู้ได้ยังไงว่าใช้ผักกาดกี่หัว" 

คนขายกล่าวออกรับ หงส์จึงรู้ว่ามนุษย์ป้าจอมจู้จี้ด้านข้างชื่อว่าจวน ดูท่าทางเป็นคนเลี้ยงเธอมากระมัง ไม่สิ...เลี้ยงจางหงเหยียนต่างหาก

"กินอยู่ทุกวันทำเป็นไม่รู้ ขี้เกียจสิไม่ว่า เจ้าขายของไป ไม่ต้องยุ่งเรื่องคนในจวนตระกูลเซิ่ง ตามข้ามา"

นางจวนส่งตะกร้าให้ถือพลางดึงแขนเสื้อให้เดินตาม หงส์แทบแขนหลุดกับปริมาณของในตะกร้า แต่เธอจะทำอะไรได้นอกจากพยายามหิ้วมันไว้ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า เธอเห็นนางจวนแอบยิ้มสะใจด้วย แบบนี้แกล้งกันชัดๆ หงส์คิดอยู่ครู่ก็วางตะกร้าลงทันที

"อะไรของเจ้า" นางจวนหันถาม

"หนัก ไม่ถือแล้ว" หงส์ตอบแล้วเดินหนี นางจวนก็ดึงแขนไว้

"เจ้าต้องถือ ถ้าไม่ถือ วันนี้ไม่ต้องกินข้าวเย็น"

นางจวนไม่ลดละจ้องกลับเขม็ง หงส์อ้าปากจะต่อว่ากลับ ทว่าเธอรู้สึกเหมือนบางอย่างในจิตใจห้ามไว้ด้วยความหวาดกลัว ทำเธอใจหวิวจนต้องกุมอกแน่น ถึงอยากงัดข้อกับป้าตรงหน้าแค่ไหน ปากเธอกลับไม่ขยับกล่าวอะไร ราวกับในตัวตนของเธอมีอีกคนที่หวาดกลัวอีกฝ่ายซุกซ่อนอยู่ ครุ่นคิดอยู่ครู่จึงจำยอมหยิบตะกร้าหนักๆบรรจุผักกาดนับสิบหัวขึ้นมาถืออีกครั้ง นางจวนยักไหล่ หันกลับเดินนำต่อ 

'นางจะฟ้องให้คุณหนูเฆี่ยนเจ้า' 

เสียงหนึ่งดังก้องในสมอง เป็นเสียงเดียวกับผู้หญิงที่บังคับให้เธอรับบทบาทนี้ แต่ดูอ่อนแอกว่านิดหน่อย หงส์ขมวดคิ้วมุ่น แบบนี้เท่ากับว่าเธอถูกจางหงเหยียนตัวจริงควบคุมด้วยสิ 

'เกมบ้าบออะไร ซวยชะมัด อย่าให้หลุดออกไปได้แล้วกัน'

หงส์บ่นในสมองขณะเดินเซไปมาเพราะความหนักของตะกร้า แต่แล้วเท้ากลับสะดุดหินกะทันหัน ร่างกายของเธอเซเข้าหารถม้าคันใหญ่ที่กำลังวิ่งมาด้วยความเร็วพอดี

"อ๊ะ!!!"

หลบไม่ทันแน่ๆ! หงส์คิดในใจขณะยกมือกั้นหน้าไว้ตามสัญชาตญาณ เธอได้ยินเสียงนางจวนร้องลั่นพร้อมๆกับเสียงฝีเท้าม้าเข้ามาใกล้อีกแค่คืบเดียว หงส์คู้ตัวปิดตาแน่น รอรับความเจ็บปวด แต่แล้วแขนแข็งแรงกลับคว้าแขนเธอรั้งเข้าหาจนตัวปลิวกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างที่แข็งกึ่งนุ่มเข้าอย่างจัง

"โอ๊ย!" 

หงส์ร้องลั่น เธอลืมตามองทันที พบเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง สวมชุดจีนโบราณกรุยกรายสีขาว รูปร่างสูงใหญ่จนศีรษะของเธอเสมอบ่าของเขาเท่านั้น ส่วนอะไรที่แข็งกึ่งนิ่มก็คือแผ่นอกกว้างของเขานั่นเอง เธอหน้าถอดสี รีบผลักเขาออกโดยแรง เพียงเท่านั้น นางจวนก็วิ่งเข้ามาหาทันที

"เดี๋ยวเถิด ไม่รีบขอบพระคุณคุณชายเย่อีก เจ้ามันเด็กก้าวร้าวจริงๆ!"

นางจวนเข้ามาผลักให้หงส์ก้มศีรษะคำนับ อีกฝ่ายกลับใช้วิชาตัวเบาเหาะทะยานขึ้นสู่หลังคาหายไปโดยไม่กล่าวสิ่งใดสักคำ หงส์เงยมองหลังจากนั้น ทุกอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ทันจำหน้าของเขาด้วยซ้ำ 

"เหม่ออะไรอีกนังเด็กซุ่มซ่าม รีบเก็บของเข้า วันนี้เจ้าอดข้าวเย็น! โทษฐานไปรบกวนเจ้าสำนักหงฮั่ว ดีที่เย่ลู่เสียนอารมณ์ดี หาไม่แล้วเจ้ากับข้าได้กลายเป็นผีเฝ้าตลาดแน่ เก็บของเร็วเข้า!"

"อะไรกันวะ!"

เธอได้เพียงร้องอุทานกับความอยุติธรรม โดนใช้ให้ถือของหนักจนล้ม ยังโดนลงโทษอดข้าวเย็นเสียอีก รังแครังคัดกันเกินไปแล้ว 

'จางหงเหยียนอาจอยู่อย่างยอมจำนน แต่หงส์คนนี้ไม่มีทางแน่! คอยดูเถอะ'

หงส์ได้เพียงคาดโทษไว้ในใจ