‘คนพี่งามเท่าไร ผีเสื้อน้องเล็กในเรือนใต้เป็นที่หนึ่งในใจข้า ข้าจะแต่งงานกับนางผู้เดียว...’
จิ้งจอกผู้นี้ประกาศความรักที่มีต่อนาง ขัดความประสงค์ของบรรดาผู้อาวุโสซึ่งอยากให้ผีเสื้อคนโตสุดออกเรือนก่อน แต่ในเมื่อเขายืนกรานหนักแน่นว่าปรารถนาเพียงถิงถิง จึงไม่มีใครอยากให้เกิดการต่อสู้ระหว่างเผ่าพันธุ์พันธมิตร
ร่างบางในอาภรณ์เนื้อผ้าเบาบางทับซ้อนกันหลายชั้นประดับด้วยลวดลายปักษิณราวกับว่านางเป็นแสงแวววาวของหิ่งห้อย นางหยุดยืนข้างบุรุษปีศาจในอาภรณ์งามสง่า เรือนผมสีเงินพลิ้วไหวตามสายลมเยียบเย็น
เป็นเรื่องยากเกินห้ามใจสำหรับบรรดาจิ้งจอกตนอื่นซึ่งติดตามมาด้วยถึงเจ็ด กระทั่งว่าแววตาดำขลับเมื่อครู่นี้กลับกลายเป็นแววตาหิวกระหายตามสัญชาตญาณนักล่า นับตั้งแต่เจ้าสาวในอาภรณ์สีชาดเข้ามาในห้องโถงกว้าง บ่าวสาวสบมองกันอย่างสนิทสนม ทั้งสองมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน
“อันที่จริงข้าควรได้ออกเรือนก่อนเจ้าเสียอีกฮู่โหมว ก็น่าเสียดาย”
“ใช่แล้วล่ะ เป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับเจ้า ข้าดันแข็งแกร่งที่สุดตระกูล...”
ฮู่โหมวชายตามองจิ้งจอกเงินที่มีอายุมากกว่าถึงสองพันปีด้วยแววตาเข่นฆ่าจนอีกฝ่ายหลบเลี่ยงไป
ในความสัมพันธ์แก่งแย่งชิงดี หากเอื้อเฟื้อผลประโยชน์ต่อกัน แม้แต่คำว่าครอบครัวหรือมิตรสหาย หาได้เป็นเช่นเหล่าเทพที่มีไมตรีจิตต่อกันไม่
หลังผ่านพ้นการส่งตัวแล้วเจ้าสาวมักถูกสูบพลังวิญญาณจนหมด ถูกเขี้ยวเล็บจิ้งจอกฉีกทึ้งเป็นชิ้นในสภาพปางตาย นั่นเป็นเหตุให้เผ่าพันธุ์พวกเขาไม่ค่อยมีภรรยา ถ้ามีก็น้อยนัก สตรีมักอยู่เป็นโสด เปลี่ยนคู่นอนแลกเปลี่ยนพลังวิญญาณไปเรื่อย บ้างออกจากเรือนไปหาดื่มกลืนพลังวิญญาณบนโลกมนุษย์ ใช้ความงามล่อลวงบุรุษ
“ข้ากลัวใครจะมาแย่งนางไป ไม่ใช่แค่หวงนางจากพวกเจ้าหรอก” ฮู่โหมวสารภาพ หลังส่งมอบสินสอดส่วนหนึ่งซึ่งเป็นสมบัติของตระกูลจิ้งจอกให้กับทางฝ่ายหญิง เขาก้มมองใบหน้างามในระดับบ่าด้วยท่าทางเอ็นดู
ดอกเหมยฮวา[1]เป็นเอกลักษณ์ของถิงถิง หากนางปรากฏตัวที่ใด กลิ่นกายหอมอบอวลมักล่วงหน้ามาก่อน
ทั้งปีกสีม่วงทั้งสามคู่สะท้อนแสงจันทราทอประกายอร่ามงาม นัยน์ตาสีอำพันแลดูไร้เดียงสา ทำให้บุรุษคลั่งไคล้หลงใหล พยายามลักลอบหานางก็หลายครา ผู้อาวุโสลงความเห็นว่านางควรออกเรือนไปเสีย
ถิงถิงมั่นใจในความงามของนาง ในขณะที่ปลายเท้าเปลือยเปล่าสะกิดแววตาดุดันของมารดาเข้า
“ท่านฮู่โหมวไม่เคยทำตัวเหลวไหล สมเป็นบุตรชายคนโตของเผ่าจิ้งจอกเงิน แต่ดูสภาพของเจ้าสิ ยังกับเด็กไม่รู้จักโต เจ้ากลับไปแต่งตัวให้เรียบร้อยเสีย จบพิธีแล้วก็รีบ ๆ ไป”
“ข้าต้องรับบททดสอบก่อนเข้าตระกูลมิใช่หรือ? รองเท้าสวยงามของข้าคงไม่เหมาะสมกับงานวิ่งหนีสุนัขบ้ากระมัง”
“ถิงถิง...” มารดาดุว่านางด้วยท่าทีก้าวร้าว นางว่าพวกเขาเป็นสุนัขบ้า!
ก็เป็นสุนัขจริง ๆ ส่วนนางน่ะใช่สุนัขที่ไหนเล่า นางเป็นผีเสื้อ ทำไมฮู่โหมวจึงไม่เข้าใจข้อนี้ ไยต้องมาคะยั้นคะยอขอนางไปเป็นคู่ครอง...
ฮู่โหมวไม่สนใจสายตารังเกียจดูแคลนของญาตินาง เขาเพียงริษยาสายตาปีศาจหนุ่ม ดูราวกับว่าจะทำมิดีมิร้ายนางระหว่างทาง ต่างล้วนจ้องมองไปยังใบหน้างามหมดจด หว่างกลางคิ้วของนางวาดด้วยลวดลายปีกผีเสื้อ ตราสัญลักษณ์นี้นางจะได้ใช้มันเป็นวาระสุดท้าย
“ช่างเถิด นางก็เป็นนาง ข้าถึงได้รักใคร่นางนัก ถิงถิง...” ฮู่โหมวเรียกนาง เอาแต่ทำหน้าตาบึ้งตึง เขาสะบัดอาภรณ์สีชาดเบา ๆ เหนือลำคอเพรียวระหงปรากฏเชือกถักร้อยเป็นสร้อยเส้นหนึ่ง “เขี้ยวแรกของข้าอาบพลังหยินของข้า มันจะคอยปกป้องเจ้า ข้าจะรอรับเจ้าอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำแดนจิ้งจอกเงิน เจ้าจะได้ยินเสียงเรียกของข้า”
‘ท่านบ้าไปแล้ว! เสียงสุนัขหอนเรียกคู่น่ะหรือ แล้วข้าจะต้องหอนตอบด้วยไหม?’
ถิงถิงกัดฟันก้มหน้ามองเขี้ยวสุนัขจิ้งจอกตัวกระจ้อยร่อยที่กลายมาเป็นสร้อยคอ ส่วนน้องชายและมิตรสหายของเขาเอาแต่จ้องหน้านาง
“ขี้โกงนี่นาพี่ใหญ่ ทีภรรยาข้ายังไม่เคยได้รับการปกป้อง ขนาดรอยแผลกลางแผ่นหลังของนางก็เป็นฝีมือของท่าน จำได้หรือไม่?”
“เช่นนั้นข้าคงรับเขี้ยวของท่านเอาไว้ไม่ได้ จะมาหาว่าข้าเป็นผีเสื้อขี้โกง ข้าเป็นพวกรักศักดิ์ศรีซะด้วย”
“ถิงถิง!”
ฮู่โหมวว่านางไม่ทันไร มือเรียวปัดเขี้ยวเงินส่งคืนกลับเจ้าของที่กำมันไว้ในมือ เขามีสีหน้าเป็นกังวล นึกเสียใจที่ตนเคยรังแกน้องชาย หาเรื่องวิวาทกับบรรดาพี่น้อง
นั่นเป็นเรื่องยากกับทั้งสองฝ่าย ผู้อาวุโสส่ายหน้ามองฝั่งเดียวกัน
เผ่าพันธุ์ผีเสื้อราตรีมีข้อตกลงเรื่องการแบ่งดินแดนปีศาจ การส่งมอบตัวเจ้าสาวต้องเสร็จสิ้นเท่านั้น ปีศาจส่วนหนึ่งย่อมอยากให้นางรอดชีวิต
“ข้าไม่ตายง่าย ๆ หรอกน่ะ ใช่ไหมพี่รอง พี่ใหญ่?” นางโอ้อวด หันไปปลอบว่าที่สามีให้ใจเย็นลงสักหน่อย พี่ใหญ่ยกอาภรณ์สีชาดป้องปากหัวเราะนาง ส่วนพี่รองน่ะเข้าข้างนาง
“แม้นางอายุขัยเพียงห้าพันปี นางเป็นปีศาจราตรีที่แข็งแกร่ง ข้าเคยได้ยินว่า... ครั้งหนึ่งนางเผชิญหน้ากับปีศาจเฟยอี๋”
“ข้าเผ่นอย่างรวดเร็วทีเดียว ปานสายฟ้าฟาด”
“หมายความว่าเจ้าเก่งเรื่องหนี”
“นั่นงานถนัดข้า” นางหัวเราะร่าเริง เจ้าบ่าวเอ่ยชมว่านางมีสติปัญญาฉลาดหลักแหลม พลังเวทเป็นเลิศ นางเรียนรู้วิชาหลายแขนง แถมยังมีความเป็นกุลสตรี เขายกมือเกือบจะลูบแก้มนาง ทว่ารั้งกลับอย่างยับยั้งชั่งใจ
สองสายตาสบประสานกันด้วยความรู้สึกแตกต่าง เมื่อยังไม่ผ่านพ้นการส่งตัวเจ้าสาวอย่างแท้จริง ฉับพลันนั้นเอง กลุ่มเมฆาลูกใหญ่ก่อตัวขึ้นกลางเรือน บอกถึงการมาเยือนของแขกไม่รับเชิญ
ท่านผู้นี้แลดูไม่เกรงใจผู้ใดเสียด้วย จึงปรากฏกายท่ามกลางงานวิวาห์ที่มีปีศาจอยู่มากมาย ผู้คนในงานล้วนมีสีหน้าสงสัยว่าเป็นศัตรูกลุ่มไหน เมื่อทั้งสองตระกูลสร้างศัตรูเอาไว้มาก เกือบครึ่งกองทัพสวรรค์! ก่อนที่จะตระหนักได้ว่ากลุ่มเมฆาสีดำสนิทควรเป็นพลังหยินของปีศาจ กลับมีแสงแห่งหยางพุ่งพวยในกลุ่มควันนั้น มีเพียงเผ่าพันธุ์เดียวที่ใช้ทั้งหยินและหยางร่วมกัน
“ยมทูต!”
มารดาตะโกนเรียกปีศาจให้คว้าอาวุธ ฝูงจิ้งจอกเงินกลับคืนร่างสุนัขกางกรงเล็บและเขี้ยวคม ตั้งท่าต่อสู้ เมื่อพลังหยินหยางรวมตัวกัน ปรากฏบุรุษในอาภรณ์เมฆาถักทอด้วยลวดลายสง่างามอย่างผู้สูงศักดิ์
“จิตวิญญาณที่เสียสละ[2] สิ้นหนึ่งก้านธูปนี้ เป็นเวลาตายของเจ้า...”
[1] เหมยฮวา Méihuā 梅花 ดอกพลัม ดอกบ๊วย
[2] 鬯 Chàng จิตวิญญาณที่เสียสละ , เหล้าที่เซ่นไหว้คนตายในสมัยโบราณ