18-2 走火入魔 หมกมุ่นอยู่กับ... บางสิ่ง

“การได้ออกไปท่องเที่ยวยามราตรี ทำตัวเรื่อยเปื่อยเป็นความฝันของข้า ตราบใดที่ข้าไม่ไปสร้างเรื่องให้ท่านแม่ขังข้าเอาไว้ละก็...” มุมปากสีชาดโค้งขึ้นยิ้มละไม ปีศาจสาวในอาภรณ์สีนิลสง่าเดินคล้องแขนบุรุษข้างกายนาง ละสายตาจากจันทราสีชาด หันไปทางสามีพลางว่า “เมื่อไรข้าหนีจากคุกใต้ดินได้ ข้าก็หาทางออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่อีก อย่างในเมืองจิ้งจอก ข้าชอบเล่นพนัน ผู้ชนะจะได้รางวัลเป็นสมบัติเทพ อาวุธวิเศษ พวกเขาขโมยมันมา”

“ที่ผ่านมาข้ามองผ่านสายตาของผู้อื่น ไม่เคยสัมผัสรับรู้ด้วยตน” เขาก้มหน้าลงมองนางด้วยแววตาเอ็นดู หลังเดินผ่านโรงเตี๊ยม เสียงโหวกเหวกของนักพนันดังไปทั่ว ผ่านบานหน้าต่างไปมีสตรีจิ้งจอกปกปิดเรือนกายเย้ายั่วด้วยผ้าน้อยชิ้น เป็นภาพชินตาในเมืองปีศาจ

เรือนผมดำขลับของเขาและนางเรียบลู่ไปกับแผ่นหลัง ประดับของมีค่าอย่างเจ้าเมืองผู้สูงศักดิ์ ในเมืองจิ้งจอกนิลมักได้ยินเสียงผู้คนคารวะท่านเจ้าเมือง จ้าวปีศาจจางหลิง พวกเขามองเห็นพลังอันน่าเกรงขามและหางทั้งเก้าเป็นสีนิลสนิท ล้วนเคารพยำเกรง

นีเทียนต้าเซินเอามือไพล่หลังข้างหนึ่ง ก้มมองภรรยาอมลมในแก้มกลมเหมือนลูกหมั่นโถว นางบ่นว่าเขาทำบุญมาด้วยอะไรกัน เขาเปี่ยมล้นด้วยบารมีและอำนาจไม่ว่าในร่างใด เขาเป็นผู้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งในโลก เขาหัวเราะนาง กลับมาถามถึงเรื่องในอดีต

“ว่าแต่เจ้าชนะพนันกับเขาด้วยหรือ?”

“ข้าเก่งเชียวล่ะ ข้าได้ของวิเศษกลับเรือนใต้หลายอย่าง พี่รองรู้ที่เก็บสมบัติข้า”

“แล้ววันนี้เจ้าอยากได้อะไร? ปิ่นผมอันใหม่ดีหรือไม่ เจ้าไม่จำเป็นต้องไปเล่นพนัน ข้าให้เจ้าได้ทุกสิ่ง”

“ข้าจะตกนรกหรือเปล่านะ ของที่ท่านมอบให้ข้าก็เป็นของขโมยมาทั้งนั้น”

สามีส่ายหน้าไปมา เมื่อนางพูดเกินจริง ถึงพวกปีศาจคดโกงเป็นนิสัย นางเอาชนะพวกเขาได้ในบางครั้งเพราะโชคช่วย บุรุษมากหน้าหลายตาน่าจะแกล้งแพ้ให้นางได้ของปลอมไปสะสม นางหน้าตาบึ้งตึง โอ้อวดเรื่องการคว่ำชามลูกเต๋าให้เป็นไปตามใจนาง โดยไม่ใช้เวทปีศาจเข้าช่วย

“พวกเขาจะหลอกข้าไปเพื่ออะไร? ข้าเก่งต่างหากเล่า”

“เหตุผลข้อแรกคือเจ้าพเนจรไปทั่ว เป็นผู้บอกต่อข่าวสารได้ดี ปีศาจตนอื่นจะเดินทางมาเมืองจิ้งจอกมากขึ้น อีกข้อ...” เขายิ้มมีเลศนัย ก้มตัวลงกระซิบข้างหูนาง “เจ้างามนัก ภรรยา เป็นไปได้ว่าบุรุษพวกนั้นเพียงอยากเห็นรอยยิ้มของเจ้า พวกเขาเอาใจเจ้าเพราะหวังบางสิ่งจากเจ้า”

แก้มขาวนวลแดงระเรื่อขึ้นตามลำดับ นางส่ายหน้าไปมองตลาดร้านค้า ได้ยินเสียงเข่นเขี้ยวว่าต่อไปนี้ชายใดยิ้มให้นาง มองนางด้วยสายตาเสน่หา… ฆ่า!

นีเทียนต้าเซินในร่างจิ้งจอกนิลนอกเสียจากดุร้ายแล้วไม่น่าเชื่อถือ นางสบดวงตากลิ้งกลอก ท่าทางไม่น่าไว้วางใจ เขาพูดจาหว่านล้อมนาง เอ่ยถ้อยคำหวานสารพัด

เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาประกาศแต่งงาน สั่งปีศาจรับใช้ในเรือนให้เตรียมชุดเจ้าสาว ไม่มีผู้ใดกล้าขัด เขาประกาศความรู้สึกที่มีต่อนาง ใครไม่เห็นด้วย ฆ่า! อาวุโสในที่ประชุมล้วนก้มศีรษะ หวั่นเกรงผู้มีพลังมาก

“ตกลงว่าเจ้าอยากได้อะไร นอกจากข้าที่พลีกายให้เจ้ายามค่ำคืน ปรนเปรอเจ้าจนอิ่มหนำสำราญ ข้าสั่งให้ปีศาจพวกนั้นยอมรับเจ้า ความรักของข้าที่มีต่อเจ้าแล้ว เจ้าปรารถนาสิ่งใดอีก?”

ถิงถิงก้มหน้าเอียงอาย “ข้าไม่อยากได้อะไรเจ้าค่ะ ข้ามีความสุขดี” แล้วยกมือขึ้นจับปิ่นสีนิลที่ได้จากเมืองปีศาจ สามีปักให้นางบนเกล้าผม บอกนางว่าปิ่นปักผมอันนี้ชวนให้ระลึกถึงตอนตกอยู่ในห้วงนิทราแห่งฝันร้าย อาชากระดูกทำมันหล่นลงบนพื้นหิมะ โชคดีที่มันยังคงติดตามมาในตำราสีชาด

นีเทียนต้าเซินสารภาพกับนางอีกเรื่องหนึ่ง เขามองเห็นธรรมเนียมในเมืองมนุษย์ บุรุษมอบปิ่นปักผมให้สตรี เขาจึงมอบมันให้นางอย่างจริงใจ

บัดนี้ฝ่ามือน้อย ๆ ของนางได้รับไออุ่น สามีเดินอ้อยอิ่งซื้อของในตลาดปีศาจให้นาง เรียกบ่าวรับใช้ให้นำของกลับเรือนไปหลายอย่าง สตรีปีศาจเจ้าของร้านเครื่องประดับนำสิ่งของมาส่งให้กับมือพร้อมบ่าวอีกสอง

แล้วนางจะปรารถนาสิ่งใดอีกเล่า?

 

เพียงนางโปรดปรานตลาดในเมืองจิ้งจอก นางได้เดินตลาดมาสี่วัน เมื่อครู่นี้นางชะโงกคอมองอาชากระดูกในร่างบุรุษรูปงาม ผู้พำนักอาศัยใต้อาภรณ์พญามัจจุราช เป็นข้ารับใช้ด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดี กลายมาเป็นปีศาจจิ้งจอกคนสนิท ได้รับชื่อแซ่ว่าพี่ชายที่แสนดี ‘คุนเหลียง’

“มุกทะเลลึกทิศประจิมในภพภูมิวิญญาณ ท้องนทีสีดำสนิท ลึกและอันตราย เต็มไปด้วยปีศาจเงือก ไม่รู้ว่าผู้นำมาขายไปได้มันมาอย่างไร?”

นีเทียนต้าเซินรับปิ่นจากบุรุษข้างกาย หลังตรวจสอบมันด้วยพลังหยินแล้วว่าปลอดภัย เขาหยิบของออกจากถุงกำมะหยี่ บรรจงสวมปิ่นอันใหม่ข้างปิ่นทองคำประดับมุกนิลอันเดิม

“ปิ่นมุกสีนิลอย่างจิ้งจอกนิล คู่ควรกับเจ้า... เพียงแต่สิ่งของพวกนี้เป็นของนอกกาย ไม่สำคัญเท่ากับการที่ข้าได้พบเจ้า ปีศาจน้อย”

“ท่านจำได้ด้วยหรือ?”

“ข้าจำได้ว่า... นัยน์ตาสีอำพันคู่นั้นแสนงดงาม อาภรณ์เจ้าสาวของเจ้าทำให้ข้าเกิดความคิดจะรับสตรีเข้าเรือนมาเป็นภรรยา”

“ข้าคิดว่าท่านไม่เคยใส่ใจ ท่านดุดันเกรี้ยวกราด ความเมตตาของท่านมีให้ท่านลุง ท่านอาชา...” นางพูดเบา ๆ ชายตาไปทางบุรุษจิ้งจอกเจ็ดหาง แล้วมองไปข้างหน้า สองข้างทางเดินเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าปีศาจ “ท่านไม่ใจดีกับข้าผู้เป็นบุคคลภายนอก เพียงมีประโยชน์ต่อเมืองมรณา”

“ไยผู้ไม่ใส่ใจ อยู่มาวันหนึ่งหยิบเกราะเงินมาสวม เป็นไปได้ว่าลึก ๆ ในใจข้า หวังให้เจ้าสนใจข้า แต่แลเห็นเจ้าซ่อนเร้นกายในผ้าห่ม เจ้าหวาดกลัวข้า ทั้งที่ข้าไม่เคยทำร้ายเจ้า จนวันที่ข้ารับเจ้าเป็นภรรยา ข้าขอโทษเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

“ข้าไม่ได้กลัวท่าน...” นางกำมือ เป่าลมจากปากอย่างเอียงอาย แก้มที่ถูกลูบจับยิ่งร้อนผ่าวยามเอ่ย “ร่างปีศาจกระดูกน่าเกรงขาม แต่ในร่างบุรุษ รูปงามปานหยกสลัก ข้าทำตัวไม่ถูกเจ้าค่ะ”

“ใช่แล้วล่ะ ข้าสอดแนมนางว่าทำสิ่งใด นางคอยคิดหาแผนการจัดการท่าน นางยั่วยวนท่าน ในขณะที่นางจะต้องดูดี นางซ่อมแซมผ้าในห้องนอน สวมอาภรณ์งดงามเพื่อให้ท่านสนใจนาง”

อาชากระดูกสารภาพว่าเห็นแม้กระทั่งวันที่นางนั่งขัดกระจกสีขุ่น ทดลองใช้เวทปีศาจว่าใช้การได้หรือไม่ นางพยายามจะล่อลวงเทพมรณาผู้ยิ่งใหญ่

“เจ้าทำสำเร็จซะด้วย น่าเลื่อมใส”

นีเทียนต้าเซินหัวเราะเสียงดัง ไม่ถือสาอาชากระดูก ในเมื่อเขาเป็นผู้กำชับเองว่าไม่ให้ใครก้าวก่ายเรื่องของเขาและนาง อาชาจึงไม่แจ้งข่าวสาร ทำเอาปีศาจที่เดินผ่านไปมาเกิดความหวาดกลัวระคนตกใจ แต่ไม่นานก็กลับไปสนใจหน้าร้านของตน

“ข้าเคยพบเทพธิดา นางปีศาจแสนยั่วยวน ความงามของพวกนางมิอาจเปรียบภรรยาข้า” เขาเลื่อนมือไปจับปิ่นผมในรอยยิ้มชื่นชม มุกปีศาจเป็นพู่ยาวแนบไปกับเรือนผมดำขลับ สะท้อนเข้ากับแสงสีชาดจากนัยน์ตาที่เปล่งประกาย นางยิ้มเอียงอายแม้กระทั่งในแววตา

“ข้า... เอ้อ... ขอบคุณสำหรับคำเชยชม สมบัติทุกชิ้นจากท่าน ข้าจะรักษามันเป็นอย่างดี”

“เจ้าทำหายก็ไม่เป็นไร ข้าจะซื้อให้เจ้าใหม่ ข้ายกโทษให้เจ้าได้ ขนาดว่าข้าปากร้ายเอาแต่ใจ ไร้ปฏิสัมพันธ์ เจ้ายังยกโทษให้ข้าอยู่เรื่อย”

“ข้าเข้าใจท่าน ไม่โกรธท่านเลย”

นางยิ้มรับคำขอโทษที่น่ารักของสามี เมื่อเขาโอนอ่อนต่อนาง จูบหน้าผากนางแผ่วเบา เขาโอบเอวนางแนบกายอย่างหวงแหน ไม่เดินคลาดกัน

ประหลาดนัก… ไยจางหลิงผู้นี้เอาแต่หว่านล้อม ทำให้นางคลายหายจากความเศร้าหมอง หากมิใช่ความจริงใจ เขาคงเก่งฉกาจในทางโกหก

ท่ามกลางเหมันต์ที่ร่วงหล่นเป็นละอองสาย เขาห่มกายนางด้วยเสื้อทำจากขนจิ้งจอกหนา นางเบิกตากว้างมองขนสีเงินบนบ่า เกรงว่าเขาจะสังหารฮู่โหมวเพราะหึงหวงนาง ไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยถาม

‘นีเทียนต้าเซิน! เมื่อไรเจ้าจะเลิกเล่นสนุกกับนางในตำราสีชาด’

‘อย่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์! ดวงวิญญาณมากมายเฝ้ารอท่านในปรภูมิ กลับมาทำงานได้แล้วศิษย์พี่’

“อ๊ะ... ข้าได้ยินเสียง...” นางยกมือป้องปาก เงยหน้าขึ้นสบเขี้ยวคมของบุรุษจิ้งจอก รอยยิ้มของคุนเหลียง ทั้งสองดูไม่แยแสกับอีกสองเทพผู้ถูกทิ้งให้ตรากตรำทำงานหนัก นางแหงนหน้ามองท้องนภา นัยน์ตาน่ากลัวเจือไอสังหารปรากฏบนนั้น ปีศาจในตำราไม่มีใครมองเห็นหรือได้ยิน

“เสียเวลาแล้วจะทำไมหรือ? ในตำราสีชาดกินเวลาในโลกภายนอกไม่มากกระมัง”

“จริงของเจ้า เสียเวลาแล้วจะทำไม เป็นเทพอย่างไร ย่อมมีเวลาส่วนตน ข้าเสียสละเพื่อเหล่าดวงวิญญาณมานับหลายหมื่นปี พอข้าจะรับภรรยา สองเทพนั่นกลับมีปากเสียง ตามระรานข้าไม่เว้นวัน”

“ท่านวิวาทกับพวกเขา?” นางเลิกคิ้วขึ้นถาม ท่าทางสงสัยเต็มประดา “นานเท่าไร? ท่านเคยบอกข้าว่าห้วงเวลาภายนอกหยุดลงนับตั้งแต่ข้ามาที่นี่”

“สิบราตรีหลังเจ้าเข้ามาในตำรา ครั้งแรกที่ข้าใช้ร่างจิตไปดูความเรียบร้อยในเมืองมรณา ห้วงเวลาก็หวนคืนไปตามโลก สองปีมานี้ข้าไม่ค่อยจะทำงานทำการ ข้าเฝ้าดูเจ้า อยู่กับเจ้าในตำราสีชาด ใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขในภพภูมิกำเนิดเป็นเทพมรณา”

“สองปี!” นางโวยวายว่าสามี ไยเขาไม่เร่งเร้านางเหมือนเมื่อก่อน หากพานางไปดื่มด่ำพลังวิญญาณ นางก็ควรจะรีบกลับเมืองมรณา

ทุกอย่างเป็นตรงกันข้าม นางอยากอยู่ในตำราสีชาดนานเท่าไร ขอให้ตามใจนาง