กว่าบ่าวสาวจะก้าวผ่านอานม้าในงานวิวาห์ คล้องแขนจิบสุราเหนือพื้นหญ้าเขียวขจีที่ปูด้วยพรมแดง เหมยกุ้ยฮวาพัดปลิวใต้กลิ่นอายของเมืองปีศาจ เป็นอีกสองวันถัดมา!
กำหนดการมงคลล่าช้าไปเพราะสามีไม่ยอมปล่อยภรรยาจากอ้อมแขน เขาใช้ห้วงเวลาอย่างคุ้มค่า โอบกอดนางด้วยแววตารักใคร่หลงใหล ถึงแม้ว่าสาวใช้จะอ้อนวอนขอพานายหญิงไปเตรียมตัว นั่นก็นับว่ายากเย็นแสนเข็ญ จนเสร็จสิ้นพิธีแล้วเขานำพานางออกจากตำราสีชาด นางก้มหน้าลงมองพื้นหญ้าเขียวชอุ่มค่อย ๆ กลายเป็นผืนดินแห้งแล้งในนครมรณา
“ฮ่า ๆ เจ้าถิงถิงกลับมาแล้ว เจ้าสบายดีไหม?”
ฝั่งเจ้าสาวตอบอย่างเป็นกันเองว่านาง ‘สบายดี ข้ากลับมาแล้ว!’
ทั้งสองจับกุมมือกันอยู่หน้าเรือนไม้ ฟังเสียงยมทูตแย่งกันพูดเซ็งแซ่ จับใจความได้ว่าพวกเขามอบคำอวยพรแด่บ่าวสาว ให้ครองรักกันยั่งยืนนาน
ทั้งพื้นหญ้าและพรรณพฤกษาแห้งแล้งกลับมามีชีวิตในอีกไม่นานนัก ใบหน้าเปื้อนยิ้มแหงนมองกลุ่มเมฆาลอยละล่อง ท่านลุงคงพึ่งกลับมาจากการรวบรวมดวงวิญญาณ นางปัดมือเรียกลูกสมุนผีเสื้อนับพัน โผปีกบินไปทั่วท้องนภามืดมิด แสงระยิบระยับของพวกมันราวแสงของหมู่ดาว ผีเสื้อสีชาดตัวน้อยส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ขอบคุณคำอวยพรของท่านลุง ขอให้พวกเขามีความสุข สมปรารถนา ทำงานราบรื่นไร้ข้อผิดพลาด
“เจ้าดีใจมากขนาดนี้เลยหรือ? ภรรยา”
“ดีใจสิ ข้ามีความสุขเหลือเกิน แม้จะเสียดายอยู่เล็กน้อย”
“เสียดายอะไร?”
นางห่อริมฝีปากแล้วคลายออก “ข้าเกรงว่าท่านจะทำงานหนักจนลืมวันลืมคืน ลืมภรรยา ท่านอาจเย็นชากับข้าเหมือนตอนข้ามาพำนักอาศัยเมืองมรณาใหม่ ๆ”
นีเทียนต้าเซินดึงนางเข้ามากอด ร่างบางแทบจมหายไปในอ้อมแขนของเขา
ใต้อาภรณ์ลายเมฆามีกลิ่นหอมอวลอ่อนของดอกปี่อั้น นางหวนระลึกถึงพายุสวาทที่พัดผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่าจนนางสิ้นฤทธิ์ในนิทรา ลึก ๆ นางปรารถนาห้วงเวลาแห่งความสุขในตำรา อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นเร่าร้อนของสามี ทว่าชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป
“เจ้าเป็นภรรยาเทพมรณาแล้ว ข้ารับปากว่าจะอยู่กับเจ้าทุกเวลา เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ข้าขอโทษที่เคยปฏิบัติไม่ดีกับเจ้า”
“ข้าไม่โกรธท่าน เพียงกังวลเล็กน้อย”
“แล้วหายรึยัง?”
ถิงถิงพยักหน้า สามีจูบหน้าผากนางพลางว่า “ร่างกายเจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
“ข้า... เอ้อ... หนาวเจ้าค่ะ”
“ทำไมไม่บอกข้า?”
แม้กระทั่งว่านางรู้สึกหนาวท่ามกลางเหมันต์โปรยปราย เขาก็รู้... ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านางหนาว
นีเทียนต้าเซินอาจคุ้นชินกับอุปนิสัยเจ้าเล่ห์อย่างปีศาจจิ้งจอก ในร่างจางหลิงชอบที่จะหยอกแกล้งนาง มองแก้มแดง ๆ ของนางแล้วรังแกนางทุกเช้าค่ำ บัดนี้เขาจับกุมมือนางด้านหน้าเรือนไม้หลังงาม ไร้หางสีนิลทั้งเก้า นางชำเลืองมองไปยังห้องนอน โต๊ะทำงานตัวใหญ่ของเทพมรณายังคงอยู่ที่เดิม
“ข้าไม่เป็นไรมาก ขอนอนพักสักหน่อย หากท่านจะไปทำงาน ข้าไม่รบกวน”
“ได้ แต่ถ้าเจ้ายังไม่หายดี เราจะกลับเข้าไปในตำราสีชาด”
“ไม่ไปแล้วได้ไหมเจ้าคะ”
“ทำไมเล่า?” เขากดดันนางด้วยสายตาอ้อนวอน ทำไมนางจะไม่เยี่ยมเยียนตำราสีชาดอีก “ข้าคิดว่าช่วงเวลาระหว่างสามีภรรยา เป็นเรื่องที่น่าจดจำ”
“เอวข้า… เคล็ดแล้ว”
หน้าตาเหยเกของนางเรียกเสียงหัวเราะดัง นางกระซิบถ้อยคำน่าอาย ยกมือป้องปากด้วยท่าทีสุขุม นางไม่อยากแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครได้ยิน
ราวกับว่าเมืองมรณามีเพียงสองสามีภรรยา นีเทียนต้าเซินอารมณ์ดีผิดวิสัย เขานำอาหารและสมุนไพรมากมายมาวางในห้อง บำรุงบำเรอใจภรรยาระหว่างแยกร่างจิตไปทำงาน แถมเนรมิตเรือนไม้แห่งนี้ให้งดงามจับตา หยดน้ำซึ่งปกคลุมอยู่โดยรอบบริเวณทอแสงเป็นละอองสาย
ท่านลุงเข้ามาถามเรื่องการรวบรวมดวงวิญญาณในรุ่งอรุณ ประตูห้องประชุมเปิดอ้าออกได้ไม่นาน นีเทียนต้าเซินกลับมาพร้อมบางสิ่งในมือ แลเห็นภรรยานั่งนิ่งบนฟูกหลังจากที่นางทำความสะอาดบ้าน นางหายเข้าครัวไปเตรียมอาหารไว้เต็มโต๊ะ เขานั่งลงแล้วกอดนางจากข้างหลัง
“แหวนหยก เจ้าสวมไว้”
ถิงถิงเอี้ยวมองกลับไปทางสามี แหวนหยกนี้นางสวมมันตั้งแต่แต่งงานในเมืองปีศาจแห่งแมลงบุปผา มันหายไปเมื่อนางเข้าไปในตำราสีชาด
สามีบรรจงสวมแหวนให้นาง พันธนาการนางบนปลายนิ้วเรียวยาวด้วยถ้อยคำอ่อนหวาน เขาบอกนางเรื่องประกาศในเมืองมรณาทั้งสามเขตแดนเรื่องผีเสื้อสีชาด นางเป็นภรรยาของเขา จะรับภรรยาเพียงหนึ่งเดียวตราบจนสิ้นลมหายใจ นางโผเข้ากอดสามี ใบหน้าดีใจของนางไม่ปิดบังความรู้สึก
“ข้าจะเป็นภรรยาที่ดี เป็นคู่ครองที่สนับสนุนท่าน”
“เจ้าไม่ต้องทำอะไรเลยถิงถิง เจ้าเป็นเจ้า คอยส่งเสียงรบกวนใจข้า อยู่เคียงข้างกายข้า...”
“แล้วท่านจะตามใจข้าทุกเรื่องไหมเจ้าคะ?”
“ให้พิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไป โดยเฉพาะเรื่องงานของเจ้า อื้ม... อาหารพวกนี้คงรสชาติดี” ในรอยยิ้มชื่นชมอาหารน่ารับประทาน สามีภรรยานั่งร่วมโต๊ะ พูดคุยสัพเพเหระอย่างปรกติสุขประหนึ่งคู่แต่งงานใหม่
นีเทียนต้าเซินไม่อยากให้นางแบกภาระอันยิ่งใหญ่ ในเมื่อนางไม่ใช่จิตวิญญาณที่เสียสละแล้วแต่เป็นภรรยาที่เขารักยิ่ง ส่วนนางกล่าวว่าไม่โกรธเลยหากเขาจะงานยุ่งอย่างไร หน้าที่ภรรยาคงเป็นการเฝ้ารอสามีกลับบ้าน แบ่งเบาภาระหน้าที่บางอย่างในเมืองมรณาและนางยินดีที่จะทำ ขอให้เขาพิจารณาเรื่องนี้เสียหน่อย นางพูดจากับสามีอย่างใจเย็น
“หวังว่าข้าจะได้รับการยกเว้นในหลาย ๆ เรื่อง ไม่งั้นข้าจะถือว่าท่านไม่รักษาคำพูด”
“เรื่องอะไรเล่า?”
ไม่ทันถามว่าเรื่องอะไร ร่างสูงสง่าในอาภรณ์ลายเมฆาปรากฏขึ้นกลางห้อง
บุรุษเทพในทางฝั่งขวาสลัดตำราสีชาดจากมือ มันกลับคืนสู่ที่เดิม ลอยอยู่กลางหอนอน
“ศิษย์พี่ ในเมื่อท่านเสร็จธุระกับจิตวิญญาณที่เสียสละแล้วก็ควรรักษาสัจวาจา ส่งตัวนางมาให้ข้า”
สามีหัวเราะเย้ยหยัน ข่มขู่อีกสองเทพมรณาด้วยความโกรธแค้น ไอปีศาจจำนวนมากปรากฏอยู่รอบกาย
เป็นตรงกันข้ามกับภรรยา นางดีใจระคนสงสัย นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบบุรุษเทพผู้เสียสละให้แดนมรณาอย่างจริงจัง
สามีภรรยาตะโกนพร้อมกัน
“ไม่! ข้าไม่ให้นางไป”
“ข้าไป! ข้าอยากทำงาน”
ถิงถิงได้เดินทางไปสองนครมรณาผ่านอาชาแห่งความมืด หลังจากที่นั่ง ๆ นอน ๆ จนเบื่อหน่าย สามีเฝ้าเอาใจนาง ไม่ยอมให้นางทำสิ่งใด ถ้าอีกสองเทพไม่มาทวงถามคำสัญญา ก็ไม่รู้ว่าจะได้ไปหรือไม่
เมื่อวานนี้นางยืดอายุขัยให้ยมทูตนับร้อยให้ฮุ่ยเหอต้าเซิน วันนี้นางทำงานให้เยว่ชิงต้าเซิน ซึ่งนครมรณาของพวกเขาใกล้กันมาก แม้แต่ห้องทำงานก็แทบจะเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว นางได้ทักทายท่านลุงจากนครมรณาทั้งสองแห่ง พวกเขามีรอยยิ้มให้นาง ยกย่องนางผู้เคยนำลูกแก้วจากเรือนใต้ปีศาจกลับคืนสู่แดนมรณา
มีเรื่องน่าประหลาดใจคือพลังสีชาดของนางไร้ไอปีศาจเจือปน แต่ถ้านางจะเรียกพลังปีศาจกลับมาจนร่างกายเต็มไปด้วยไอสีนิลก็เป็นเรื่องที่ทำได้
เยว่ชิงหน้าตาเข้มเครียด มองท่านลุงเข้ามาพูดจากับนาง ก่อนจะเรียกยมทูตกลับคืนอาภรณ์ โดยรอบเรือนไม้จึงกลับมาว่างเปล่าไร้แสงไฟหยินหยาง
‘นางฝีมือเก่งฉกาจ ศิษย์พี่... ท่านไม่ควรเก็บนางไว้ใช้งานผู้เดียว ถึงเวลาที่นครมรณาทั้งสามจะร่วมมือกันเพิ่มกำลังพลยมทูต’
ร้อยวันพันปีเยว่ชิงหรือจะส่งสารถึงเทพมรณาในอีกเขตแดน นัยน์ตาสีชาดของผีเสื้อสาวเฝ้ามองอาภรณ์สีนิลเบื้องหน้า นางก้าวไว ๆ เดินตามเขาไปห้องรับรองอีกเรือนหนึ่ง กว้างขวางกว่าเรือนหลังแรกมาก
นางไม่รู้ว่าเทพมรณาจะมีพื้นที่มากมายไปเพื่ออะไร พวกเขาไม่มีพระสนมเป็นพันเสียหน่อย ถึงจะเป็นห้องทำงาน แต่นั่นก็มากไปหรือไม่
“ท่านชอบใบชาพวกนี้?”