ร่างบางในชุดขนสัตว์หนามองไปทางซ้ายและขวา ฮุ่ยเหอนั่งถือพัดโบกลมเย็น ๆ ให้นาง เยว่ชิงยกถ้วยชาเข้ามาวางบนโต๊ะ ขอให้นางชิมชาที่นางปลูกเสียหน่อย นางรับน้ำใจแล้วหันไปหยิบลูกแก้วสีนิลขึ้นวางบนฝ่ามือ นัยน์ตาสีชาดของนางเปล่งประกาย
“เจ้าเห็นอะไร?”
“เสนาบดีในวังหลวง ‘จางอี้’ ผู้นี้ถึงชั่วร้ายอย่างไร กลับมีความกตัญญูต่อมารดา”
จิตใจขุ่นมัวระลอกหนึ่งทำให้นางได้ยินเสียงเรียกจากสามี ‘เจ้ามีเรื่องไม่สบายใจหรือ?’ นางเพียงปิดตาลงเอ่ยว่านางไม่เป็นไร นางสบายดี
การเป็นภรรยาเทพมรณาไร้ความเป็นส่วนตัวโดยสิ้นเชิง ไม่ว่านางรู้สึกอย่างไร สามีร่วมรับรู้ เมื่อไรนางอ่อนเพลียจนฟุบหลับไป นางป่วยไข้จากอากาศหนาวเย็น เขาเหมือนจะป่วยอยู่เล็กน้อย ในขณะที่ร่างกายของเทพมรณายังคงเป็นอมตะนิรันดร์
แม้กระทั่งอาการร้อนรุ่มใจเสมือนตอนอยู่ในร่างจางหลิง ยามใดที่นางมีบุรุษมาพัวพัน นางก็เองก็รับรู้
“ทำไมดวงจิตเจ้าปรากฏไอสีนิล แล้วกลับมาเป็นสีทองเช่นเดิม…”
“ปีศาจจะคิดเรื่องอะไรได้? เจ้าคิดว่านางคิดอะไร ไม่น่าถาม ฮุ่ยเหอ”
“ข้าจำเป็นต้องรายงานพวกท่านทุกเรื่องในหัวข้าด้วยหรือเจ้าคะ?” นางยิ้มประชด หลังปล่อยลูกแก้วสีนิลลูกหนึ่งจากมือ ฮุ่ยเหอไม่พอใจนาง เขาว่าการได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในห้องใต้ดินแห่งนี้ควรเปิดเผยต่อกัน เมื่อไรที่นางเงียบ หมายความว่านางแจ้งข่าวสารกับสามี
เยว่ชิงบอกกับนางอีกด้วยว่าเพราะอะไรเทพอาวุโสจึงไม่มาเยี่ยมเยียนนครมรณาอีกสองแห่ง ใช่เพียงรับปากนางไว้ว่าจะไม่มารบกวน เพื่อให้นางมีสมาธิในการทำงาน เขากล่าวหาว่าศิษย์พี่ทนเห็นสองนครมรณายิ่งใหญ่ไปกว่าตนไม่ได้ การทะเลาะวิวาทระหว่างเทพมรณาหลายครั้งหลายคราเป็นเหตุให้เกิดการปะทะจนพังราบไปทั้งเมือง ท่านลุงอาวุโสต่อว่าพวกเขา หลังจากนั้นหากไม่มีเหตุจำเป็น นีเทียนต้าเซินก็จะไม่มา...
“มนุษย์บางคนมีครอบครัวจุนเจือช่วยเหลือบุตร กลับไม่ยอมที่จะเป็นคนดี พวกเขาต่างจากข้า” นางเบี่ยงประเด็น วางลูกแก้วสีนิลอีกลูกลงในอ่างที่มีน้ำใสสะอาด นางพูดกับอ่างน้ำโดยไม่มองทั้งสอง “ถึงกำเนิดเป็นปีศาจ ทว่าวาสนายิ่งใหญ่ ไม่รู้ทำไมข้าจึงไม่เคยเงียบเหงา มีเทพมรณามารบเร้ากวนใจทุกวัน ความตายคงอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือแล้วสินะ”
“ถิงถิง”
“ถิงถิง”
ทั้งสองเรียกชื่อนางซ้ำ ๆ กลั่นแกล้งนางด้วยการทำลายความเงียบสงบ พอนางเมินหน้าหนีไปให้ความสนใจกับลูกแก้วลูกอื่น ๆ ฮุ่ยเหอหางานใหม่ให้นางทำ นางกลับมานั่งในห้องรับรองแขก ก้มมองอักษรสีทองจาก พิจารณาชื่อของผู้คนที่กำลังจะเสียชีวิตและสาเหตุการตายของพวกเขาบนโลกมนุษย์ จนใกล้เวลากลับเรือนของนาง เยว่ชิงบอกว่าจะพานางไปเยี่ยมชมตลาดร้านค้าในเมืองมรณาตามที่รับปากเอาไว้
“เอาล่ะ เจ้าช่วยงานมามาก ข้าจะพาไปดูโรงเตี๊ยม ตลาดเมืองยมทูต”
“ตลาด!” นางส่งเสียงดีใจ ทว่าทันใดนั้นเอง เมฆาหยินหยางห้อมล้อมด้วยควันสีชาดพลันปรากฏรอบกาย นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาแลดูเคร่งเครียดกว่าทุกวัน
“ภรรยา เจ้ากลับเรือนดึกดื่นมาหลายวันแล้ว เจ้าไม่แข็งแรงดี ไม่ควรทำงานหนัก”
“ข้าสบายดี ไม่มีไข้แล้ว เตาไฟที่นี่อบอุ่นดีเจ้าค่ะ เทพมรณาทั้งสองไม่ได้มอบหมายงานหนักให้ข้าทำ”
แต่นางสวมอาภรณ์ขนสัตว์หนา สามีเป็นกังวลว่านางจะหนาวเย็นจนเกินไปเพราะหมอกแห่งความตาย เขาสั่งทำชุดกันหนาวให้นางนับสิบชุด นางสัมผัสถึงไออุ่นจากเจ้าของร่างสูงสง่า เขาโน้มตัวลงกอดนางจากข้างหลัง
“วันหลังค่อยมา เราสองสามีภรรยาเพิ่งผ่านบททดสอบหนึ่งตำรา บททดสอบที่สองจากตำราแห่งความตายกำลังดำเนินไป เจ้าทำงานทุกวันไม่ได้”
“ข้ากำลังจะไปเที่ยวในเมือง...”
“ไปเที่ยวรึ?” นัยน์ตาสีชาดประกายเข่นฆ่าพิจารณาทั้งสองเทพซึ่งไม่รู้ร้อนหนาวแต่อย่างใด แถมเร่งเร้านางว่าจะไปหรือไม่ สามีกอดนางแน่น ไม่มีวี่แววจะปล่อยนาง “ข้าไม่ชอบให้เจ้าอยู่กับบุรุษเทพรูปงาม”
“ที่ไหนหรือบุรุษเทพรูปงาม? ท่านพูดเองเออเองนะเจ้าคะ”
“หัวใจข้ารับรู้ทุกสิ่ง... เจ้าชอบพวกเขา เจ้าชอบทำงานไร้สาระพวกนี้”
“ข้าเพียงเป็นมิตรกับเทพก็เท่านั้น ข้ามีสหายมากมายในเทวโลก ในเมืองมรณา”
“แต่สามีเจ้าเป็นเทพปีศาจ”
“เทพปีศาจพูดจาไม่รู้เรื่อง”
ถิงถิงมองค้อนสามี นางบ่นว่าท่านลุงยังเข้าใจง่ายเสียกว่า อาวุโสไม่อารมณ์แปรปรวนเหมือนเจ้าเมืองมรณายามนี้ อะไรทำให้เขาเปลี่ยนไปตั้งแต่ผ่านพ้นบททดสอบของตำราสีชาด เขาใจร้อนเหมือนจิ้งจอก แถมเอาแต่ใจจะไม่ให้นางไปเที่ยวชมเมือง นางอุตส่าห์ได้รับคำอนุญาตแล้วแท้ ๆ
“นางเป็นจิตวิญญาณที่เสียสละ การมีอยู่ของนางมีจุดมุ่งหมายเดียว เจ้าบังคับนางทุกเรื่องไม่ได้”
“ท่านรับนางมาเป็นภรรยาด้วยเหตุนี้ไม่ใช่รึไงศิษย์พี่ นางควรตั้งหน้าทำงานจนวินาทีสุดท้ายของนาง อ้อ... แล้วเยี่ยมชมเมืองมรณาก็เป็นข้อแลกเปลี่ยนของนาง มอบต้นชาให้ข้าแลกกับการไปเที่ยว”
“พวกเขาแค่จะเอาชนะข้า ข้าถูกใส่ร้าย ภรรยา!” เสียงเข้มตวาด ใบหน้าดุดันราวจะสังหารเทพทั้งสอง เขาโต้แย้งว่าเหตุใดจึงยอมให้คนนอกนครมรณาเช่นนางไปดูเมืองง่ายดาย ไม่กลัวนางจะเป็นผู้สอดแนมนำข้อมูลไปบอกเขาหรือไง โดยไม่รอฟังคำตอบ หมอกสีนิลพลันพาภรรยากลับเรือน
“...กว่าเจ้าจะกลับก็มืดค่ำ ข้านอนมองหน้าต่างประตูขาวโพลน ไร้เงาภรรยา ข้าวปลาอาหารไม่ตกถึงท้อง ไหนเจ้าว่าจะเป็นภรรยาที่ดี สนับสนุนสามี สุดท้ายเจ้าก็เชื่อถือไม่ได้”
มากกว่าถ้อยคำตัดพ้อเป็นท่าทางเอาแต่ใจ โดยรอบอาภรณ์ลายเมฆาปรากฏหางทั้งเก้าพลิ้วไหวอยู่เบื้องหลัง ลักษณะเป็นเงาแสงสีชาดโอบพลังหยินหยาง
ยมทูตส่งเสียงดังอยู่ด้านนอกเรือนด้วยความประหลาดใจ ลุงแปดลุงสามกล่าวคำชื่นชมยกย่องนีเทียนต้าเซินเสียใหญ่โต เทพมรณาผู้ครอบครองพลังสีชาดโดยสมบูรณ์! แม้จะน่าแปลกใจตรงที่พลังนั้นคล้ายกับพวกจิ้งจอกเก้าหาง เขาก็เป็นคนแรกนับตั้งแต่กำเนิดเมืองมรณา
นั่นจะมีประโยชน์อะไร…
อาหารทั้งผัดผัก น้ำต้มแกง ชากลิ่นหอมที่มีควันลอยฉุย สามีไม่แตะต้องมันสักอย่างเดียว ภรรยาเห็นจะทนไม่ไหว นางเข้าไปนั่งข้าง ๆ เขา เบียดเสียดสะโพกอย่างแนบชิดสนิทสนม นางบอกว่านางจะไม่กลับบ้านดึกอีกแล้ว กลุ่มเมฆาหยินหยางพลันหายไปปรากฏตรงมุมห้อง จากนั้นเขาก็ทำไม่เป็นสนใจ ไม่ว่านางจะพยายามเข้าหาเขาเท่าไร เขากระเถิบไปสุดเก้าอี้จนหัวไหล่ชนผนังห้อง นางรอจนกระทั่งเขากลับไปนั่งทำงานหน้าโต๊ะตัวใหญ่ เข้าไปกอดแขน ซุกซบออดอ้อนขอการให้อภัย
“สามี ท่านลองดื่มชาฝีมือข้าเร็วเข้า ข้าจะเติมท้องท่านให้เต็มจนลุกไปไหนไม่ได้เชียว”
“ข้าไม่กิน จะได้ตรอมใจตายต่อหน้าเจ้า เจ้าเป็นม่ายเมื่อไร คงออกไปทำงานของเจ้าอย่างสบายใจ”
“นีเทียนต้าเซิน! ท่านอดข้าวประท้วงภรรยาไม่ได้นะเจ้าคะ” นางโวยวายว่า ทำไมเขาพูดเช่นนั้น เขาก้มมองกระดาษแผนที่ในเทวโลก ทำเมินเฉยนาง แม้แต่ชาสักถ้วยก็ไม่แตะต้อง ไม่นานนักยมทูตเข้ามาส่งรายงานเรื่องดวงวิญญาณหลบหนีการจับกุมมุ่งตรงไปยังแดนบุปผา พวกปีศาจทราบข่าวสารจากหลี่หวังหยางว่าบุตรสาวของเผ่าพันธุ์ผีเสื้อแต่งงานกับเทพปีศาจมรณา ผู้มีอำนาจอยู่เหนือความเป็นและความตาย
หาได้มีใครรู้ความจริงแต่อย่างใด ล้วนเป็นการแอบอ้างเพื่อลุแก่ผลประโยชน์ การต่อรองระหว่างปีศาจ พวกเขาโลภมาก ไม่รู้จักประมาณตน ต้นเหตุของเรื่องราวรู้สึกหนักใจ แต่นางคงพูดอะไรไม่ได้มากนัก