เมื่อกลุ่มควันยมทูตหายไป นางขยับถ้วยชาไปข้างหน้าสามีอย่างระวังไม่ให้สิ่งของบนโต๊ะเปรอะเปื้อน
“ไม่เห็นต้องน้อยใจข้านักเลย ข้ารับปากท่านแล้วไง” สองมือสวมกอดเอวสอบ เอาคางเกยแขนสามีด้วยท่าทางออดอ้อน “ข้าตั้งใจปลูกชาต้นนี้ให้ท่าน ชิมสักหน่อยเถิด ข้าตั้งใจทำขนมชงชาสุดฝีมือ ท่านคงไม่ใจร้ายกับภรรยากระมัง”
“เจ้าก็รู้... ข้าไม่ชอบให้เจ้าอยู่กับชายอื่นโดยเฉพาะเทพ เจ้าชอบบุรุษเทพ แต่ปีศาจก็ไม่ได้ ข้าอารมณ์ไม่ดี ข้าไม่พอใจเจ้า พวกเขาด้วย”
สามีดื้อดึงเท่าไรคงไม่เท่าภรรยา นางปัดมือไปมาใช้เวทปีศาจทำให้มันร้อนอีกสามครั้ง นางจัดวางอาหารและขนมอย่างน่ารับประทาน เรียกสามีด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ‘ท่านพี่เจ้าขา’ ในมือเรียวมีช้อนอาหารจ่ออยู่หน้าริมฝีปากที่ขยับหนี นางทำทุกวิถีทาง จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ไยดีนาง
“เจ้าบังคับข้าไม่ได้ ข้าจะไม่รับชาอาหารจากเจ้า”
“ท่านก็เคยบังคับข้า รู้ไหม? เวลาข้ากระหายน่ะ ข้าทรมานขนาดไหน”
“อย่าเอาเรื่องเก่าก่อนมารื้อฟื้นเลยถิงถิง ในเมื่อเจ้าเป็นฝ่ายไม่รักษาคำพูด...” เขาต่อว่านางอย่างเกรี้ยวกราด แววตาคู่คมฉายแววเข่นฆ่า เพียงสัมผัสถึงพลังเทพ ทั้งสองมาเฝ้ารอนาง ขอให้นางไปช่วยงาน ในขณะที่นางคงไม่ไปไหน นางนึกถึงสัญญาที่ให้ไว้กับสามีในตำราสีชาด
“คือข้า... ไม่ได้ลืม แต่เกรงว่าจะไม่เหมาะสม เราสองอยู่ในเมืองมรณา มีสายตายมทูตและเหล่าอาวุโส ไหนจะท่านเองก็ไม่น่าใช้การได้”
“เจ้า... หาว่าข้าใช้การไม่ได้?” สามียกปลายนิ้วชี้หน้า เลิกคิ้วขึ้นพลางแค่นหัวเราะ “เฉไฉ... ข้าน่ะรู้ทุกอย่าง เจ้าทำสารพัดวิธีจนบรรลุประโยชน์ ทั้งในตำราสีชาด ในแดนมรณา เจ้ารับปากข้าไปงั้น ปีศาจสตรีเช่นเจ้าร้อยเล่ห์มารยา กลับกลอกหลอกลวงเหมือนที่ท่านปู่เจ้าว่า ข้าไม่น่าหลงกลเจ้า ปล่อยให้เจ้าไปกับสองเทพนั่น... ตั้งสี่วัน!” เขากัดกรามกรอด ๆ จนมองเห็นสันกราม ความเคียดแค้นชิงชังสองเทพมรณาปะทุขึ้นมานับพันเท่า ด้วยวิสัยของเทพปีศาจผู้พิพากษา ยามสิ่งชั่วร้ายกระทบจิตใจ ก็พร้อมลงทัณฑ์
จิตใจร้อนรุ่มดั่งไฟเพราะความหวงแหนนั้นภรรยารับรู้ทุกสิ่ง นางจำเป็นต้องเพิกเฉยเทพมรณาอีกสองและท่านลุง ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรกับนาง เข้าไปกอดแขนสามี นัยน์ตาสีชาดเอ่อคลอหยาดน้ำใส
“ข้าต้องทำยังไง ท่านจึงจะหายโกรธ? ข้าสำนึกผิดแล้วสามี ข้าทอดทิ้งท่านไปช่วยเมืองมรณาของพวกเขา ข้าเอาแต่ใจ ขอท่านยกโทษให้ข้า...”
“เจ้าต้องเชื่อฟังข้า ยอมตามใจข้าทุกอย่าง”
“เจ้าค่ะ ข้ารับปากว่าจะแบ่งเวลาให้ท่านมากกว่าอีกสองเขตแดน ข้ายินดีทำงานให้ท่านมากกว่าพวกเขา ท่านเป็นสามี ย่อมเป็นที่หนึ่ง”
“เจ้าแน่ใจ?”
“ถิงถิงไม่ผิดคำพูด”
สิ้นคำสัญญาเป็นมั่นเหมาะ เสียงหัวเราะน่ากลัวดังไปทั่ว บุรุษรูปงามกลับกลายเป็นร่างกระดูก ก้มมองนางด้วยนัยน์ตากลวงโบ๋อันน่ากลัว ตะคอกนาง “ดี! เจ้ารับปากว่าจะทำงานให้ข้า อย่าผิดคำพูดแล้วกัน!”
งานเย็บปักอาภรณ์เคยเป็นหน้าที่ของยมทูตชำนาญการ ผู้มีอดีตชาติการเป็นข้ารับใช้ในห้องเสื้อจักรพรรดิและขุนนาง บ้างเป็นพ่อค้าร้านขายผ้า ดูแลการแต่งกายผู้ดีมีสกุล งานซ่อมแซมจึงไม่ใช่เรื่องยาก
แดนมรณาของนีเทียนเปี่ยมไปด้วยกำลังพลด้านความงาม ถึงแม้ว่าเครื่องแต่งกายของยมทูตแสนเรียบง่าย เน้นการสวมใส่สบาย ไม่มีลวดลายเท่าอาภรณ์ของเจ้าเมือง เพียงมีตรายศเพื่อบอกหมู่เหล่าการทำงาน ด้วยความที่ยมทูตไม่มีความรู้สึกร้อนหนาว จวบจนเจ้าเทพมรณารับจิตวิญญาณที่เสียสละเข้ามา บ้างจะมองเห็นท่านลุงในชุดขนสัตว์ฟูฟ่อง
‘ไม่เอามังกร! ท่านลุง’
เสียงเรียกปลุกยมทูตในร่างหญิงชราให้ตื่นจากภวังค์ หลังจากที่นางปักผ้าผืนหนึ่งด้วยแววตาเหม่อลอย ท่านลุงหน้าตาตื่น โยนผ้าจากมืออย่างคนเสียสติ ค่อยบรรจงมือทำมันใหม่ด้วยความตั้งใจเป็นลวดลายเมฆา
เรือนยมทูตในเขตแดนที่สองพันเกิดความโกลาหล ไม่มีใครสังเกตบุคคลภายนอกซ่อนเร้นกายในห้องโถง นัยน์ตาสีชาดกลิ้งกลอกเหมือนปีศาจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์มองผ่านกำแพง นางยกมือป้องปากหัวเราะด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะลอบเผาผ้าผืนหนึ่งในมุมมืด นางร่ายเวทปีศาจเสกมังกรโบยบินออกจากผืนผ้าสีทอง มันชนเข้ากับกำแพงจนข้าวของตกหล่น ท่านลุงโวยวาย พอได้ยินเสียงแหลมเล็กตะโกนว่า ‘ท่านป้าไม่ใช่ท่านลุง!’
เรื่องท่านลุงท่านป้าไม่ใช่ประเด็น ในภพชาติแห่งการเป็นยมทูตล้วนสิ้นสุดการแบ่งแยกชนชั้น เพศหญิงชายก็หาได้มีไม่ ผู้ออกกฎเกณฑ์ให้เรียกพวกเขาท่านลุงเป็นเจ้าเมืองมรณาคนแรก
สามีคว้าเอวคอดบางจนสองขาของนางลอยโหวง เอ่ยคำขอโทษแทนภรรยา
“เจ้าถิงถิงเล่นซนไม่เข้าเรื่อง พวกข้าอุตส่าห์ตามมาช่วยงานแท้ ๆ รู้งี้ข้าไม่มา ข้าอยู่กับเยว่ชิงต้าเซิน ไม่ต้องลำบากหาอาภรณ์สวยงามให้เจ้า!”
ยมทูตในหมู่เหล่าซึ่งนางไม่สนิทสนมต่อว่านาง เสียแรงที่คราวก่อนนีเทียนต้าเซินพานางมาพำนักอาศัยนครมรณาใหม่ ๆ เดินทางไปหาฮุ่ยเหอเยว่ชิง ทั้งที่เข้าหน้ากันติดเสียเมื่อไร เขายอมเอ่ยปากขอลูกแก้วยมทูตมาตั้งสามสิบลูก แม้ลั่นวาจาต่อนางว่าจะไม่มีอาภรณ์ของสวยงามให้นาง เขานำท่านลุงสตรีมาคอยดูแลเรื่องเสื้อผ้าของนาง แต่นางดันชอบที่จะเย็บผ้าเอง
“ท่านเอาใจใส่ข้ามาเสมอ ไยข้าแสนโง่เขลาดื้อรั้น ข้าเอาแต่ใจกับท่าน ตอนนี้ก็ด้วย ขออภัยท่านลุง ข้าคิดว่าท่านจะเล่นสนุกด้วยได้อย่างท่านลุงสาม ลุงแปด...”
“ข้ายกโทษให้เจ้า คราวหน้าอย่ามากวนใจข้าละกัน”
หน้าตาถมึงทึงของท่านป้าที่นางเรียกพลันหายไป นางเหลือบมองสามีส่ายหน้าไปมา เขาโอบกอดนางด้วยอาภรณ์ลายเมฆา พานางกลับเรือน โดยมียมทูตนำเสื้อผ้ามากองบนฟูก แจ้งข่าวแก่นางว่าจะส่งมอบงานสำคัญ
“หน้าที่ซ่อมแซมอาภรณ์ของสามี ย่อมเป็นของภรรยา”
“ความลำบากยากเข็ญระหว่างเดินทางไปรวบรวมดวงวิญญาณ นางไม่เคยรับรู้ ลองให้นางดูจากอาภรณ์ของสามีเห็นจะดี จะได้ไม่ว่างงานแล้วฟุ้งซ่าน”
ยมทูตสตรีทั้งสองผ่านหน้านางไป พวกเขาบ่นว่าหลายวันมานี้นางไม่มีอะไรทำ หาเรื่องซุกซนจนน่าปวดศีรษะ นางไม่เคยทำนิสัยเป็นเด็กเล็กเยี่ยงนี้ ไม่รู้ว่านางเป็นอะไรไป
“งานสบายข้าแล้วล่ะ ข้าชอบเย็บผ้าจะตายไป รับรองข้าไม่ปักมังกรห้าเล็บให้ฮ่องเต้ทรงกริ้วแน่”
เสียงปีศาจหัวเราะยียวน ท่านลุงที่ใจดีเสียหน่อยก็หัวเราะตาม เสียงชายชราบอกสอนผ่านเวหามืดมิดว่าไม่ควรยุ่งกับท่านลุงในเขตไหน ใครบ้างที่ห้ามล้อเล่นเป็นอันขาด โดยเฉพาะท่านป้าผู้นั้น! นางทำงานในห้องเครื่องราชสำนัก ลอบสังหารขุนนางไปครึ่งวังด้วยการใช้พิษฝังไว้ในด้ายและเข็มกลัด ก่อนที่จะเสียชีวิตด้วยยาพิษชนิดเดียวกัน อุปนิสัยเดิมของนางเหี้ยมโหดเย็นชาผิดจากผู้ใดในหมู่เหล่า ความดีของนางก็มีน้อยนิด นางคงก้มหน้าทำงานไปวัน ๆ เพื่อชดใช้กรรมให้หมดสิ้นไป
ครู่นั้นนัยน์สีชาดจ้องมองมา สามีนั่งบนตั่งไม่ไกล ภรรยาเงยหน้าขึ้นจากกองผ้า มอบรอยยิ้มอ่อนหวานให้เขาแล้วก้มมองผ้าหน้าตาคร่ำเครียด
ตัวหนึ่งปรากฏรอยขาดไหม้น่าจะเป็นฝีมือของปีศาจในภพภูมิแห่งไฟกัลป์ ชายเสื้ออีกชุดหนึ่งเต็มไปด้วยจุดเล็ก ๆ คล้ายรอยคมเขี้ยว เกล็ดสะอาดฝังอยู่ในนั้น นางใช้เวลาสักพักในการแกะมัน กล่าวคำให้ร้ายสามีว่าไปฟัดกับเงือกสาวที่ไหนมา! นางจะตามไปสังหารเงือกสาวผู้นั้นด้วยมือของนางเอง กล้าดียังไงมาให้ท่าสามีนาง!