“พูดอะไรของเจ้า? ข้ามีสตรีเพียงหนึ่งเดียวในใจ เจ้าก็น่าจะรู้ ข้ายอมนางทุกสิ่งจนยมทูตหัวเราะเยาะ สองเทพจากลูกแก้วนั่นเหยียดหยามข้า กลายเป็นยมทูตที่ตัดบ่วงอารมณ์ไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาหาว่าข้าไม่ต่างจากสามีบนโลกมนุษย์ที่ลุ่มหลงภรรยา” เขาสารภาพซึ่งหน้า ‘นาง’ ที่ว่าจะเป็นใครไปได้ นางอมลมในแก้มกลม ก้มมองหน้าตัก สองมือกำผ้าแน่น
“ข้าไม่รู้ ท่านโกรธข้า จะโกรธท่านคืน”
“เจ้าโกรธข้าไม่ลงหรอกถิงถิง”
“ข้าโกรธท่านได้”
“ได้... เจ้าโกรธข้า แต่เจ้าจะทะเลาะวิวาทกับอาภรณ์ข้าอีกนานไหม? ปีศาจน้อยของข้า”
“เรื่องของข้า!”
รอยย่นตรงหว่างกลางคิ้วปรากฏขึ้น ใบหน้าปีศาจเข่นเขี้ยวขู่สามี นางหลุบมองรอยยิ้มมัจจุราช เขาหัวเราะนาง มองนางด้วยสายตาอ่อนหวาน
“ตั้งแต่ออกมาจากตำราสีชาด เจ้าไม่เปิดโอกาสให้ข้าได้ใกล้ชิดเจ้า ทำตัวยุ่งวุ่นวายทุกเช้าค่ำ แต่หัวใจข้ายังคงเดิม ข้านอนไม่หลับเมื่อไร้ภรรยา ปากข้าซีดขาวราวคนป่วย มือเท้าข้า… เย็นชืด หลายวันมานี้ข้าไม่กินอาหารก็ไม่มีเรี่ยวแรง ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าข้าเป็นโครงกระดูกสักสามราตรี กายทิพย์อาจสิ้นสลาย ข้าเสียใจจนตายได้ เจ้าไม่สงสารสามีเลยหรือ?”
‘ท่านไม่หิวตายแน่ ๆ ศิษย์พี่ ท่านไม่มีวันตาย!’
‘เจ้าไม่นอนด้วยซ้ำไป! นีเทียน หยุดเสแสร้งซะที’
เสียงไกล ๆ เสมือนกรอกผ่านผืนน้ำ เมฆาหยินหยางพุ่งผ่านบนท้องนภากว้าง ยมทูตพูดจาเซ็งแซ่ตามด้วยเสียงของเยว่ชิงฮุ่ยเหอเล่าเรื่องราวในอดีต
ในหมู่เทพทั้งสามมีเพียงนีเทียนทำตัวอันธพาล ใช้อำนาจข่มขู่เทพอายุขัยน้อยกว่าให้อยู่ในโอวาท เขาเคยคว้าคอสองเทพมรณาพร้อมเปิดสลักใต้สระมรกต เตรียมส่งกลับไปเป็นลูกแก้วแห่งเมืองมรณา หากไม่ปฏิบัติตามกติกา สำหรับผู้เป็นภรรยาแล้วเขามิอาจคว้าคอนาง จึงใช้สารพัดเล่ห์เหลี่ยมให้นางตายใจ
“หนวกหูจริง ข้าซ่อมแซมอาภรณ์ให้ท่านแล้วจะไปก่อไฟ ต้มสมุนไพรคลายหนาว ท่านรอก่อน”
‘มีเจ้าในอ้อมแขนคงหายหนาวแล้วภรรยา’ พูดในใจ ด้วยอยากจะดูความอดทนอดกลั้นของตน แน่ว่าคงเหลือไม่มากนัก...
นัยน์ตาสีชาดเฝ้ามองแก้มแดง ๆ ท่าทางเง้างอนของนางในทุกย่างก้าว นางเคลื่อนไหวอย่างกุลสตรี บินหายไปเช่นผีเสื้อ อุ้งมือน่ารักของนางหยิบจับสิ่งของ ปั่นป่วนอารมณ์บุรุษประหลาด นางเอี้ยวมองสามี เอามือลูบผมไว้บนหลังหูอย่างเก้อเขิน เผยให้เห็นลำคอเพรียวระหง สามีที่นั่งจ้องนางบนตั่งไม้อดไม่ได้ที่จะลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างหิวกระหาย ไอปีศาจแผ่ซ่านอยู่รอบกาย เขาอยู่ในอารมณ์เร่าร้อนรุนแรง!
กระทั่งร่างบางในอาภรณ์ลายเมฆาลุกขึ้นไปจัดการเตาผิง เรือนนอนกลับมาสว่างไสว นางหันไปวิวาทกับสองเทพมรณา บอกว่านางไม่สามารถไปทำงานได้ นางจะอยู่กับสามี หากมีธุระสำคัญให้บอกผ่านทางสามี เรื่องต่ออายุขัยยมทูตขอให้เป็นหลังจากที่สามีอารมณ์ดีกว่านี้
ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร…
“สามี... ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าท่านลุงคงตกใจน่าดู เสียชีวิตในห้องเสื้อ ดันมาโผล่ในเมืองมรณา แล้วยังต้องเย็บผ้าอยู่ดี เฮ้อ... ท่านลุงน่าสงสาร”
“เจ้าคิดมากไป”
“ใช่ไหมเล่า? ดูข้าสิ ตั้งหกภพชาติเป็นจิตวิญญาณที่เสียสละ จนภพชาติสุดท้ายของข้า... อุ้บ!” นางยกมือป้องปาก ยามสบนัยน์ตาสีชาดที่เศร้าหมอง หัวใจรุ่มร้อนปรารถนาเมื่อครู่นี้เกิดอารมณ์โศกศัลย์อย่างท่วมท้น นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ศิษย์น้องท่านพึ่งเงียบไป สงสัยว่าจะไม่มากวนใจข้าแล้วล่ะ”
“เจ้ามีเรื่องบอกข้าไหม? ถิงถิง” กลุ่มเมฆาดึงตัวนางเข้าไปในอ้อมแขน นางเงยหน้าตะลึง ริมฝีปากหนาหยักได้รูปประกบปิดลงมา เขาปิดปากนางด้วยจุมพิตโหยหา บังคับนางให้หอบหาอากาศอย่างบ้าคลั่ง เขาจูบนางราวสูบวิญญาณ กว่าจะยอมมอบอิสรภาพทั้งลมหายใจหอบสั่น
“เจ้าไม่บอกข้า... จะทำมากกว่าจูบ...”
“ข้าไม่กลัวท่าน... ข้าชอบจูบท่าน”
“เจ้าว่าชอบ เหตุใดเจ้าไม่จูบข้า เจ้าเอาแต่หลีกเลี่ยงเรื่องสำคัญของสามีภรรยา เป็นไปได้ไหมว่าเจ้า... กำลังเบื่อหน่ายสามี?”
“เป็นไปไม่ได้ ข้าเป็นผีเสื้อผู้ตั้งมั่นในรัก วันใดที่ข้าหมดรักในตัวท่าน ปีกข้าจะหายไป ข้าจะตายไปอย่างช้า ๆ” นางหลุบมองลมหายใจสีชาดที่สอดประสาน ดวงตาเรียวรีของสามีพร่ำบอกว่าเขาหลงใหลนางเจียนคลั่ง เฉกเช่นที่นางรักใคร่ในตัวเขายิ่งนัก นั่นทำให้เขาอยากทำมากกว่าจูบนาง ทว่าอยู่ดี ๆ นางก็ร้องไห้ออกมา
“ฮือ... ข้า... อยากได้เกล็ดปีศาจเงือก... พี่รองบอกว่าพวกเขาไปล่อลวงมนุษย์... ฮึก... โดนจับตัวไปเลาะเกล็ดทำเครื่องประดับ มนุษย์เล่าให้พี่รองฟัง... คู่รักที่นำมันไปขอพรบนเขาศักดิ์สิทธิ์... จะครองรักไปชั่วกัลป์”
ความรู้สึกเศร้าหมองคณานับเปรียบดังเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงในอก สามีสัมผัสถึงความเจ็บปวดของภรรยา เขาทำตัวไม่ถูก ไม่รู้นางเป็นอะไรขึ้นมา ได้แต่กอดนางแนบแน่น
“ข้าจะไปนำเกล็ดเงือกมาให้เจ้า หยุดร้องไห้เสีย”
“ฮือ... นีเทียนต้าเซิน ข้ากลัว... เมืองมรณาตัดขาดจากเทพ... เราสองช่างโดดเดี่ยว ไร้ความช่วยเหลือ... ฮือ...”
นีเทียนต้าเซินมองนางด้วยแววตาสับสน เขาไม่แน่ใจว่าเทพบรรพกาลพูดอะไรกับนางซึ่งแลดูเศร้าหมองในบางครา เขาหลอกถามนางเท่าไรก็ไม่ปริปาก นางเป็นพวกเก็บความลับอย่างน่าเหลือเชื่อ ต่อให้ทรมานนางจนตาย นางก็คงไม่พูด!
“เอาล่ะ คราวนี้ข้ายอมเจ้า ข้าจะลองไปขอพรจากเทพผู้เฒ่าที่ผูกด้ายแดงให้ข้าและเจ้า ท่านผู้นั้นคงมอบคำอวยพรให้เราสอง เจ้าอย่าร้องไห้เลย”
“ข้าไม่รู้ว่าที่ไหน... บนโลกมนุษย์ ข้าต้องไปถามพี่รอง... ฮือ”
“ข้าจะไปหาคำตอบให้เจ้า”
“เมืองมรณา... ไม่ติดต่อกับผู้ใด ท่านพูดเอง เช่นนั้นข้าก็ต้องตาย ข้าจะตาย ข้าจะหายไป... ข้าจะทิ้งท่านไว้ลำพัง ฮือ...”
สามีถอนหายใจหนัก “ก็ได้ ๆ ข้าสัญญาว่าจะไปถามพี่รองเจ้า” เขาย้ำ พยายามปลอบนาง มือสั่นเทายกขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มแดงก่ำ แต่ไม่ว่าทำอย่างไรนางก็ไม่หยุดคร่ำครวญหาเกล็ดเงือก นางมีความเชื่อมั่นว่าเป็นไปได้ พี่รองไม่เคยโกหกนาง พี่รองบอกนางว่าเห็นกับตา ผู้ที่เดินทางไปขอพรบนเขาแห่งนั้นได้อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ชายชราจับกุมมือหญิงชราเสียชีวิตบนเตียงไม้ไผ่เก่า ๆ ด้วยใบหน้าที่แสนมีความสุข มีผู้เดินทางไปขอพรแล้วสมหวังมากมาย พวกเขาได้ครองรักกันตราบนานเท่านั้น
น้ำตาแต่ละหยดของภรรยาที่พูดจาไม่รู้ความทำร้ายดวงใจสามียิ่งนัก เขามีท่าทีแสนอ่อนโยนและปลอบประโลมนาง ไม่ดุว่านางพูดจาไม่รู้เรื่อง เขาดึงศีรษะน้อยให้ซุกซบบนแผงอกกว้าง ลูบแก้มนางเบา ๆ
“หรือเป็นเพราะท่านป้าดุว่าเจ้า จนเจ้าจิตใจอ่อนไหว ข้าจะไปจัดการท่านป้าผู้นั้นให้เจ้า ดีหรือไม่?”
“ข้าไม่ได้โกรธท่านป้า... ฮือ... ข้าจะเอาเกล็ดเงือก ข้าจะขอดเกล็ดพวกเขาไปขอพร ข้าจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เงือก ข้าต้องได้เกล็ดเงือก...”
คำนั้นไม่ควรหลุดจากปากนางผู้มีเมตตา ถิงถิงจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เงือก! สามีถอนหายใจ ห้ามปรามนางว่าไม่ควรสร้างวิบากกรรม ยามเกิดความเคียดแค้นชิงชัง ล้างแค้นกันไปไม่รู้สิ้น เขาพูดอย่างไรนางก็ไม่ฟัง นางปิดหูต่อว่าเขาไม่เข้าข้างนาง แถมโกรธสามีด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง