ตอนที่ 21 ไม่ได้
ลั่วเซิงออกจากเรือนของลั่วเฉิน พบกับหมอหวังและหมอหลี่
“หมอหวัง ช้าก่อน” ลั่วเซิงเรียกด้วยเสียงที่ไม่ดังไม่เบา
หมอหวังที่ถือกล่องยาหยุดชะงักและรีบหันกลับมาทักทายนาง
หมอหลี่ที่อยู่ด้านข้างมึนงงกับการกระทำของหมอหวัง คิดในใจว่าเมื่อวานเหล่าหวังเกรงใจหลานสาวสกุลเซิ่งมากเกินไปแล้ว ยังทำให้เขาพลอยคารวะอีกฝ่ายไปด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุอันใด
ลั่วเซิงมองกล่องยาที่หมอหวังถืออยู่ ก่อนจะเอ่ยถาม “ท่านทั้งสองกำลังจะจากไปหรือ”
หมอหวังรีบตอบ “คุณชายไข้ลดแล้ว พวกเราจะกลับไปที่โรงหมอก่อน พรุ่งนี้จะกลับมาใหม่”
“หมอหวัง ขอคุยด้วยสักหน่อย” ลั่วเซิงชี้ไปยังศาลาแปดเหลี่ยมที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อเห็นหมอหวังตามลั่วเซิงไปที่ศาลา หมอหลี่ก็ตามไปโดยไม่รู้ตัว แต่ถูกหงโต้วขวางไว้
“คุณหนูของข้าต้องการคุยกับหมอหวัง ท่านจะแอบฟังอย่างนั้นหรือ”
หมอหลี่ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ แต่ไม่กล้าพูดอะไร ก่อนจะเดินจากไป
ลั่วเซิงมองตามหลังหมอหลี่ที่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับมามองหมอหวัง
หมอหวังอดใจไม่ไหวที่จะถามออกไป “คุณหนูเรียกข้า มีอะไรหรือ”
เขาเกิดความโลภต่อสูตรยาลดไข้ เมื่อเผชิญหน้ากับคุณหนูลั่วจึงหลบตาโดยไม่รู้ตัว แต่กุลสตรีผู้สูงศักดิ์เช่นนี้คงไม่มีอะไรจะพูดกับหมอเฒ่าเช่นเขาหรอกกระมัง
“หมอหวังช่วงนี้จะมาที่นี่ทุกวันใช่หรือไม่”
“คุณชายยังไม่หายดี ย่อมต้องมาตรวจทุกวัน”
ลั่วเซิงยิ้มบาง “เช่นนั้นก็ดี อีกไม่กี่วันข้าจะมียาที่ต้องรบกวนหมอหวังช่วยปรุงสักหน่อย”
หมอหวังตาลุกวาว “คุณหนูสบายใจได้ ข้าจะปรุงด้วยความระมัดระวัง”
“หมอหวังเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็สบายใจ ไม่รบกวนท่านแล้ว”
หงโต้วผู้ยืนข้างลั่วเซิง มองหมอหวังเดินจากไป ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “คุณหนู บ่าวรู้สึกว่าตาเฒ่าคนนี้ดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆ”
“อย่างไรหรือ” ลั่วเซิงหันไปมองหงโต้วด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หงโต้วเม้มปาก “บ่าวเห็นคนที่เข้าหาท่านเพื่อผลประโยชน์เช่นนี้มานักต่อนัก”
ลั่วเซิงยิ้ม “ใช้คนที่คุ้นเคยดีกว่าคนใหม่ ไปเถิด กลับไปต้มโจ๊ก”
เมื่อได้ยินคำว่าต้มโจ๊กหงโต้วอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้
คุณหนูทำโจ๊กเนื้ออร่อยจริงๆ เช้าวันนี้นางยังแบ่งให้หนึ่งชามด้วย อร่อยอย่าบอกใครเลย
จะว่าไปก็แปลก นางอยู่ในจวนแม่ทัพแห่งเมืองหลวง มีอาหารรสเลิศมากมาย เหตุใดถึงคิดว่าอาหารเหล่านั้นอร่อยไม่เท่าโจ๊กเนื้อหนึ่งชามกันเล่า
หญิงสาวคิดไม่ตกจึงตัดใจไม่คิดต่อ
คิดมากไปไม่สู้เที่ยงนี้กินโจ๊กเพิ่มอีกชามดีกว่า
ลั่วเซิงกลับมาถึงเรือน ก่อนจะเดินตรงเข้าครัวทันที
ชิงหงและหันชุ่ย สองสาวใช้กำลังคุยสัพเพเหระกันอยู่ เมื่อเห็นลั่วเซิงก็พลันตาวาวอย่างห้ามไม่อยู่ “คุณหนูกลับมาแล้ว"
หงโต้วถลึงตามองสองสาวใช้ทั้งคู่
นางเด็กสองคนนี้ไร้ยางอายเสียจริง กล้ากินโจ๊กเนื้อที่คุณหนูทำ
ลั่วเซิงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนเดินไปดมกลิ่นหอมจากหม้อ
นั่นคือกลิ่นหอมจากข้าวล้วนๆ
“คอยดูระดับไฟ คงความร้อนให้ได้เท่านี้ ระหว่างนี้อย่าเปิดฝาหม้อ” ลั่วเซิงสั่ง ก่อนจะเดินออกจากครัว
ในชั่วพริบตาก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน ลั่วเซิงกลับเข้าครัวอีกครั้ง ก่อนจะเปิดฝาหม้อ
ข้าวและน้ำผสมกันอย่างลงตัว ทุกอย่างอยู่ในความพอดี
เติมพริกไทย ขิง และเครื่องปรุงรสอื่นๆ พลางใส่ปลาที่หมักไว้ โจ๊กปลาก็ถือเป็นอันเสร็จสมบูรณ์แล้ว
โจ๊กปลาง่ายๆ แต่กลับทำให้สามสาวใช้ต้องกลืนน้ำลายอย่างพร้อมเพรียงกัน
พวกนางยังไม่ลืมรสชาติของโจ๊กเนื้อชามนั้น
“เอาไปที่เรือนฝูหนิงและเรือนคุณชายเล็ก ส่วนที่เหลือพวกเจ้าก็แบ่งกัน”
ได้ยินดังนั้น สามสาวใช้พากันร้องดีใจ
“คุณชาย ถึงเวลากินข้าวแล้วขอรับ” ฝูซงนำอาหารมาให้จากครัวใหญ่
ข้าวต้มข้าวหนึ่งถ้วย น้ำแกงไก่หนึ่งชามและเครื่องเคียงเล็กๆ อีกสองจาน สำรับอาหารที่พอดีสำหรับผู้ป่วย
ลั่วเฉินคิ้วขมวด “ข้ายังไม่หิว”
เขามองไปที่ประตูห้องโดยไม่ตั้งใจ แต่ภายในใจคุกรุ่น
ไหนบอกว่าจะมาส่งโจ๊กมิใช่หรือ ไม่ควรตั้งความหวังกับลั่วเซิงมากเกินไปจริงๆ
ระหว่างที่ลั่วเฉินกำลังหม่นหมอง หงโต้วก็มาถึงพลางยิ้มกริ่ม “ครั้งนี้เป็นโจ๊กปลาเจ้าค่ะ ฝีมือของคุณหนูเช่นกัน”
“ข้าไม่ชอบกินปลา”
ไม่นานหลังจากนั้น ฝูซงที่กำลังกลืนน้ำลายอยู่ตลอดเวลาก็มองชามลายครามอย่างอดใจไม่ไหว ไม่ชอบกินปลาอย่างนั้นหรือ เขารอให้คุณชายไม่กินแล้วเอามาเป็นรางวัลให้เขาอยู่นะ!
เรือนฝูหนิงมีอาหารกลางวันอุดมสมบูรณ์มากกว่าลั่วเฉินเป็นไหนๆ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งกลับไม่ชายตาแลมากนัก ทำเพียงแค่พยักหน้าให้กับโจ๊กปลาที่วางอยู่ตรงหน้าเล็กน้อยเท่านั้น
ข้าวและน้ำผสมกันเนียนนุ่ม ความร้อนกำลังพอดี
ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งกินแล้วถอนใจอย่างอดใจไม่ไหว ก่อนจะกินเนื้อปลาเข้าไปอีก
แผ่นปลาบางดั่งปีกแมลงทับ ยามเข้าไปในปากก็ละลายโดยพลัน ทำให้อดใจไม่ไหวที่จะต้องกินเข้าไปอีก
ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งกินเสร็จแล้วก็ไม่อยากกินอย่างอื่น พึงพอใจกระทั่งถอนหายใจออกมา
เรียบง่ายอย่างที่สุด แต่ทำโจ๊กออกมาได้รสเลิศเพียงนี้ ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก
ลั่วเซิงเป็นคนทำจริงหรือ
ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งแทบไม่เชื่อ แต่ก็ไม่คิดว่าหงโต้วจะทำได้ แต่นอกจากหงโต้วกับองครักษ์ที่กลับไปกลับมา ในตอนแรกที่หลานสาวนอกมาเรือนสกุลเซิ่งก็ไม่ได้พาผู้อื่นมาด้วย
ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งคิดไม่ตก ก่อนจะได้ข้อสรุป ทุกคนมีจุดเด่น หลานสาวนอกของนางก็ย่อมมีเช่นกัน
“บอกคุณหนูหลานนอก ต่อไปหากทำกับข้าวให้เรือนคุณชาย ให้นำมาให้เรือนฝูหนิงด้วย”
ยามค่ำคืน ลั่วเฉินได้กินโจ๊กผัก กินไปบ่นไป “ที่แท้นางก็ทำได้แค่โจ๊กเท่านั้น!”
ฝูซง “...” เขาไม่อยากพูดอะไร เพียงแค่รอเก็บชาม
อาหารเช้าของวันรุ่งขึ้นเป็นน้ำแกงปลาไหลซอย
เส้นปลาหนากว่าเส้นผม ต้มกับดอกจำฉ่าย ฟักและต้นหอมจนกลายเป็นน้ำแกงร้อนๆ กินกับหมั่นโถวขาวเนียนนุ่มหอมกรุ่น มีความสุขอย่าบอกใคร
หมั่นโถวหนึ่งชิ้นร่วงหล่นลงท้อง ลั่วเฉินเริ่มเหม่อ ลั่วเซิงแก้แค้นกันชัดๆ ให้หมั่นโถวมาเพียงหนึ่งชิ้น!
กินเสร็จในชั่วพริบตา...
ด้วยเหตุนี้ในวันที่สาม ลั่วเฉินรอคอยอาหารตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาด้วยควารุ่มร้อนใจ ในที่สุดก็มีสาวใช้ที่ชื่อชิงหงมาเยือน
“วันนี้คุณหนูพาหงโต้วไปตลาด สั่งให้บ่าวมาบอกท่าน”
“ไม่มีอาหารเช้าหรือ”
ชิงหงส่ายศีรษะ “คุณหนูบอกว่าวันนี้ค่อนข้างยุ่ง ไม่มีอาหารเช้าและอาหารกลางวันเจ้าค่ะ”
ลั่วเฉินได้ฟังพลันหน้าเขียว
เขามั่นใจว่าลั่วเซิงกำลังแก้แค้น!
ลั่วเซิงผู้ที่ชายหนุ่มคิดถึงไปยังร้านขายยาจี้ซื่อถังเพื่อรับสมุนไพรสำหรับปรุงยาบำรุงปราณอย่างราบรื่น ทว่ากลับได้พบคนที่ไม่อยากเจอที่หน้าจวนสกุลเซิ่ง
เซิ่งจยาอวี้ออกมาส่งสองพี่น้องคุณหนูใหญ่ซูและคุณหนูรองซู
ลั่วเซิงไม่อยากเสียเวลากับบุคคลทั้งสาม ได้แต่พยักหน้าแล้วเดินผ่านสามคนนั้นเข้าไปด้านใน
เสียงอันเย็นชาดังตามมาจากด้านหลัง “อาศัยอยู่ในบ้านคนอื่น ทำให้คนอื่นเดือดร้อนแล้วยังทำเหมือนทองไม่รู้ร้อนเพียงนี้ ข้าล่ะไม่เคยพบเคยเจอ”
ลั่วเซิงชะงัก ครุ่นคิดก่อนจะหันมาถามเสียงนิ่งเฉย “คุณหนูรองซู กำลังกล่าวถึงข้าอยู่หรือ”
คุณหนูรองซูเอียงใบหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ข้าพูดถึงใครยังไม่รู้อีกหรือ”
“น้องรอง อย่าไปยุ่งเลย” คุณหนูใหญ่ซูดึงชายเสื้อคุณหนูรองซูพลางขอโทษขอโพยลั่วเซิง “ขออภัยด้วย น้องหญิงไม่รู้เรื่องรู้ราว หวังว่าคุณหนูลั่วจะไม่ถือสา”
ในมุมมองของคุณหนูใหญ่ซู ขอเพียงลั่วเซิงไม่ข้องเกี่ยวกับพี่ชายก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว หาเรื่องนาง ทำให้นางไม่พอใจ ถือเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดนัก
ลั่วเซิงมองคุณหนูใหญ่ซูเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาสองคำ “ไม่ได้”