ระยะห่างที่ไม่มีวันข้ามไปถึง

เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของแขกเหรื่อดังก้องไปทั่วห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรู งานฉลองครบรอบ 50 ปีของบริษัท "อัครเดชกรุ๊ป" ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่โดยมีบรรดาผู้ถือหุ้น แขกวีไอพี รวมถึงสมาชิกในครอบครัวอัครเดชมาร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้า

อายันในชุดสูทสีงาช้างยืนอยู่ข้าง ๆ ปราณตามหน้าที่ในฐานะ "คู่สมรส" คนใหม่ของอีกฝ่าย แต่ถึงแม้จะยืนอยู่ข้างกันเพียงไม่กี่คืบ กลับรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างพวกเขามันไกลจนแทบจะไขว่คว้าไม่ถึง

ปราณแทบไม่พูดกับเขาเลยนับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในงาน ทุกคำพูด ทุกการแนะนำตัว ล้วนเป็นเรื่องของธุรกิจและสังคม ไม่ใช่เรื่องของพวกเขา

และที่แย่ที่สุดคือ สายตาของปราณที่ไม่เคยหยุดอยู่ที่เขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว

รอยยิ้มที่ไม่เคยเป็นของเขา

"คุณพิมพ์ภัทรมาถึงแล้วค่ะ"

อายันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นเคยจากเสียงของแขกคนหนึ่ง ร่างโปร่งหันไปตามเสียงอย่างเลี่ยงไม่ได้ และภาพที่เขาเห็นก็ทำให้หัวใจร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น

พิมพ์ภัทรในชุดราตรีสีกรมท่าเดินเข้ามาในงานพร้อมกับพี่ชายของปราณ ใบหน้างดงามเปื้อนยิ้มอย่างอ่อนหวาน และทันทีที่เธอเข้ามาในระยะสายตา ปราณก็เปลี่ยนไป

สายตาที่เย็นชาเสมอเวลามองอายัน กลับอ่อนโยนขึ้นทันทีเมื่อมองไปทางพิมพ์ภัทร ดวงตาคู่นั้นส่องประกาย แม้เจ้าตัวจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ทุกอย่างก็ชัดเจนเกินพอ

"พิมพ์…" ปราณเอ่ยเสียงเบา รอยยิ้มที่อายันไม่เคยได้รับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสามีของเขา

อายันยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น รู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างถูกทุบจนแหลกเป็นเสี่ยง ๆ

"คุณปราณ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ" พิมพ์ภัทรกล่าวเสียงอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้ม ปราณพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตายังคงจับจ้องเธอไม่วาง

"ครับ สบายดีหรือเปล่า?"

"สบายดีค่ะ แล้วคุณล่ะ?"

"ก็ดี…" ปราณตอบ แต่เสียงของเขาแฝงความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีให้กับอายัน

อายันอยากหันหลังเดินออกไป อยากแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินบทสนทนานั้น อยากหลอกตัวเองว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่เรื่องจริง แต่เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยืนอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้หัวใจของตัวเองถูกกรีดช้า ๆ ด้วยทุกคำพูดและทุกสายตาที่คนสองคนมอบให้กัน

และที่เจ็บที่สุดคือ—

เขากับพิมพ์ภัทรก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?

พิมพ์ภัทรเป็นเพียงคนที่มองปราณอยู่ห่าง ๆ ด้วยความรัก แต่ไม่เคยได้รับมันตอบกลับมา อายันเองก็เหมือนกัน ต่างกันเพียงแค่… เขาคือ "สามี" ตามกฎหมายของปราณ เป็นคนที่ควรมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิด ได้รับการใส่ใจ ได้รับสัมผัสจากมือคู่นั้น

แต่สุดท้ายเขากลับเป็นเพียงเงา เป็นเพียงสิ่งที่ถูกมองข้ามไปอย่างง่ายดาย

เศษเสี้ยวของความห่วงใย ที่ไม่ใช่ของเขา

"พิมพ์เดินทางมาเหนื่อย ๆ น่าจะพักก่อนนะครับ"

เสียงของปราณทำให้อายันตื่นจากภวังค์ เขาหันไปมองแล้วเห็นว่าปราณขยับเข้าใกล้พิมพ์ภัทรเล็กน้อย ราวกับเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป

เขาเคยถูกถามแบบนั้นบ้างไหมนะ?

เขาเองก็นั่งรอปราณกลับบ้านทุกคืนจนเกือบเช้า ตื่นมาทำอาหารทุกวัน ดูแลเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เคยให้ขาด แต่นอกจากคำว่า "ไม่จำเป็น" แล้ว เขาได้รับอะไรกลับมาบ้าง?

อายันเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะบังคับตัวเองให้ยิ้มออกมา ยิ้มให้ตัวเอง ยิ้มให้กับความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง

"คุณอายัน ไม่สบายหรือเปล่าคะ?" เสียงของพิมพ์ภัทรเรียกสติของเขากลับมา

เขาสบตากับเธอ เห็นแววความห่วงใยจากดวงตาคู่นั้นแล้วอดนึกขำในใจไม่ได้ เพราะมันเป็นความห่วงใยที่เขาอยากได้รับจากคนข้าง ๆ เขาต่างหาก

"ผมสบายดีครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง"

แต่คนที่ควรถามเขาแบบนี้ไม่ใช่เธอ

เขาหันไปมองปราณ ไม่รู้ว่าเผลอคาดหวังไปหรือเปล่าว่าอีกฝ่ายจะมองเขาบ้าง

แต่เปล่าเลย

ปราณไม่ได้มองเขาแม้แต่นิดเดียว

ค่ำคืนที่เงียบงัน

หลังจากงานเลิก อายันเดินตามปราณขึ้นรถกลับคอนโดเงียบ ๆ ไม่มีการสนทนาใด ๆ ระหว่างทาง มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ทำลายความเงียบ

อายันอยากถามว่า "พี่ปราณชอบคุณพิมพ์ภัทรมากขนาดนั้นเลยเหรอ?" แต่เขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะถาม

อยากถามว่า "ผมต้องทำยังไง พี่ถึงจะยิ้มให้ผมแบบนั้นบ้าง?" แต่เขาก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว

"พรุ่งนี้ผมทำอาหารให้เหมือนเดิมนะครับ" เขาเอ่ยขึ้นเบา ๆ พยายามหาเรื่องคุย

"อืม"

คำตอบสั้น ๆ นั้นทำให้เขาเจ็บปวดกว่าการถูกปฏิเสธเสียอีก

ไม่ใช่เพราะคำพูดนั้นสั้นเกินไป แต่เพราะมันไม่มีแม้แต่ความใส่ใจอยู่ในนั้นเลย

รถจอดสนิทที่ลานจอดรถของคอนโด ปราณเปิดประตูลงไปโดยไม่รอเขา อายันเดินตามหลังเงียบ ๆ มองดูแผ่นหลังของคนที่เป็น "สามี" ของเขา แต่ไกลเกินกว่าที่จะเอื้อมถึง

สุดท้ายอายันก็หลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ

เป็นการหัวเราะให้กับตัวเอง ที่ยังไม่รู้จักพอ

เป็นการหัวเราะให้กับหัวใจของเขาเอง ที่ยังคงเต้นแรงเพื่อคนที่ไม่เคยต้องการมัน