เสียงลมหายใจหนัก ๆ ดังแผ่วอยู่ในความมืดของเรือนเงียบ ลู่ชิงหลันนั่งซ่อนตัวอยู่ในเงามุมสุดของห้อง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มือที่กำดาบสั่นระริก ดาบเล่มนั้น…นางแอบขโมยออกมาจากห้องของเขา ขณะที่สาวใช้ออกไปล้างชาม…
ดาบสีดำสนิท เล่มบางคมกริบ เคยเป็นของพ่อของนาง แต่บัดนี้อยู่ในครอบครองของบุรุษที่ฆ่าตระกูลนาง
"หนึ่งฟัน...เพียงหนึ่งเดียว..." นางกระซิบ เสียงสั่นพร่า "ไม่ก็...แทงลงที่คอตัวเอง…จบเสียให้หมด…"
หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงบนคมดาบ กลืนกับเลือดในอกที่มิอาจไหลออกมา
นางสูดลมหายใจครั้งสุดท้าย…แล้วเงื้อดาบขึ้น
ทว่า—
พรึ่บ!
แรงมหาศาลบางอย่างสะกัดร่างนางไว้ทันที ราวกับถูกมัดด้วยโซ่ล่องหน แขนของนางแข็งค้าง ดวงตาเบิกโพลง ริมฝีปากสั่นระริกอย่างไม่เข้าใจ
"มะ…ไม่…! ขยับไม่ได้!"
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะเยียบเย็นก็ดังขึ้นด้านหลัง
"เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าตายอย่างง่ายดายเช่นนั้นหรือ…ลู่ชิงหลัน?"
น้ำเสียงของเขา…ดั่งมีดน้ำแข็งกรีดกลางอก
นางหันขวับไป เห็นอวิ๋นเหวินอี้ยืนอยู่ในเงามืด ดวงตาสีดำลึกล้ำจ้องนางอย่างกับสัตว์ร้ายที่มองเหยื่อในเงื้อมมือ
"ข้า…เกลียดเจ้า…" นางพูดอย่างยากลำบาก
เขาเดินเข้ามาใกล้ช้า ๆ แล้วหยิบดาบจากมือที่ค้างอยู่ของนางอย่างไม่รีบร้อน ก่อนเหวี่ยงทิ้งไปไกล
"แต่เจ้าก็ตายไม่ได้ ถ้าไม่มีคำสั่งของข้า" เขากระซิบใกล้หู
"เจ้าทำอะไรข้า…?"
"ผนึกมาร" เขาตอบเรียบ ๆ "พันธะเลือด เจ้าเป็นของข้า—ร่างกายเจ้า สัมผัสเจ้า แม้แต่ความตาย…ก็ต้องได้รับอนุญาตจากข้าเท่านั้น"
นางแทบทรุดลงไปกอง แต่แรงสะกดร่างยังตรึงแน่น
"เจ้าไม่ใช่มนุษย์…"
"ข้าก็ไม่เคยบอกว่าเป็น" เขาตอบพร้อมรอยยิ้มเย็นเยียบ "มนุษย์ไม่มีวันแก้แค้นได้อย่างที่ข้าทำ"
เขาตวัดมือปลดผนึกลงช้า ๆ นางทรุดฮวบลงทันที หอบหายใจอย่างคนจะขาดใจ
แต่เขายังไม่ทันหันหลัง เสียงของเขาก็ดังขึ้นอีก
"ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป—เจ้าจะทำหน้าที่รับใช้ข้า"
"ข้าไม่—!"
"หุบปาก" เขากระชากเสียง "แม้แค่หายใจ…เจ้าก็ต้องได้รับอนุญาตจากข้า"
ชิงหลันตัวสั่นเทิ้ม
"หากข้าหิว เจ้าต้องป้อน หากข้าสั่ง เจ้าต้องรับใช้ หากเจ้าไม่ทำ…ก็อย่าหวังจะได้กินข้าวสักเม็ด หรือแตะน้ำสักหยด"
"ทำไมเจ้าต้องทรมานข้าขนาดนี้…!?"
"เพราะข้าเกลียดเจ้า" เขาย่อตัวลง เผชิญหน้ากับนาง "และความทรมานของเจ้าคือความสุขของข้า"
ดวงตานางพร่ามัว น้ำตาไหลรินอย่างไร้เสียง
"เช็ดเท้าให้ข้า"
"…"
"ไม่ได้ยินหรือ?" น้ำเสียงเข้มขึ้น
นางกัดฟันแน่น ร่างกายสั่นสะท้าน แต่สุดท้ายก็คลานเข่าไปตรงหน้าเขา มือที่เคยจับดาบอย่างมุ่งมั่น บัดนี้สั่นระริกขณะเอื้อมไปจับชายรองเท้าเขา
เหวินอี้หลุบตามองนาง แล้วแค่นหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
"จำไว้ลู่ชิงหลัน—นี่คือเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น"
กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ยังไม่ทันจางหายจากปลายจมูก ลู่ชิงหลันนั่งคุกเข่าแน่นิ่งอยู่บนพื้นหินเย็นเฉียบ ร่างบางของนางสั่นเทิ้ม มือทั้งสองที่เคยสะอาดเรียวงาม บัดนี้เปื้อนฝุ่นและบาดแผลจากการคลานไปตามพื้นตามคำสั่ง
เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังก้องเข้ามาจากหน้าประตู พอร่างสูงสง่าของอวิ๋นเหวินอี้ยปรากฏขึ้น สาวใช้และทหารยามก็หลบทางราวกับลมแรงพัดผ่าน
"วันนี้เจ้าทำอะไรให้ข้าบ้าง?" เสียงเขาเย็นเฉียบ ขณะเดินเข้ามายืนเหนือร่างนาง
นางเงยหน้าช้า ๆ แววตายังมีหยาดน้ำตาเคลือบอยู่ "ข้า…ข้าทำความสะอาดเรือนเจ้า…ข้าเช็ดพื้น…ข้า…"
"พื้น?" เขาเอียงคอเล็กน้อย "งั้นเจ้าบอกข้ามาสิว่าตรงไหนที่เจ้าทำตกหล่น?"
ชิงหลันเม้มปากแน่น นางไม่ตอบ
เสียงฝ่ามือฟาดผิวเนื้อนางอย่างฉับพลัน
เพี๊ยะ!
"อย่ากล้าทำตัวสูงศักดิ์ต่อหน้าข้าอีก เจ้ามันแค่ทาส—ทาสที่ยังไม่สำนึกว่าเคยเกิดจากตระกูลโสมมเพียงใด!"
นางยกมือขึ้นลูบแก้มที่แดงเถือก น้ำตาไหลอาบแก้ม
"เหตุใด…เจ้าจึงไม่ฆ่าข้าให้ตายไปเสียแต่ต้น?"
"เพราะเจ้าตายง่ายเกินไป" เขาโน้มตัวลง จับคางนางให้เชิดขึ้นมองตา "เจ้าต้องอยู่…เพื่อทุกลมหายใจจะรู้สึกถึงความสูญเสีย…ความไร้ค่า…และความอัปยศ!"
เขาผละไปนั่งบนบัลลังก์ในเรือน หยิบถ้วยน้ำชามาจิบช้า ๆ แล้วตวัดสายตากลับมาที่นาง
"หิวหรือไม่?"
นางไม่ตอบ
"ข้าถามว่าเจ้า 'หิว' หรือไม่!?"
"…หิวเจ้าค่ะ" เสียงแผ่วราวลมหายใจ
เขาวางถ้วยชาลง แล้วดีดนิ้วเบา ๆ ทันใดนั้นสาวใช้นำถาดอาหารหอมกรุ่นเข้ามาวางบนพื้นเบื้องหน้าชิงหลัน
"กินเสียสิ" เขาเอ่ยเบา ๆ ดวงตาเรืองรองวาววับ
ชิงหลันลังเล แต่อดกลั้นต่อกลิ่นหอมไม่ไหว มือสั่น ๆ เอื้อมไปหยิบชิ้นขนมปังขึ้นมา ทว่า—
พลั่ก!
เขาถีบถาดอาหารกระเด็นหกเลอะเต็มพื้น
"ใครบอกให้เจ้าแตะก่อนที่ข้าจะอนุญาต?"
"ข้า…ข้าได้ยินว่า…"
"เจ้าไม่ได้ฟังให้ครบ" เสียงเขานุ่มแต่เยือกเย็น "เจ้าต้องขอ 'ข้า' ด้วยคำสุภาพ วิงวอน และก้มกราบ จึงจะได้รับอนุญาต"
นางก้มลงกราบทันที แม้น้ำตาจะรินออกมาไม่ขาดสาย
"ขอ…ขออภัย…ข้าขอความกรุณานายท่าน…ได้โปรด…"
"ช้าไปเสียแล้ว" เขาหันหน้าหนี "เก็บเศษพวกนั้นแล้วกินให้หมด…แม้แต่ข้าวที่เปื้อนดิน"
ชิงหลันเม้มปาก ร่างสั่นระริก ก่อนจะค่อย ๆ เอื้อมมือไปหยิบข้าวที่หกเกลื่อนใส่ปาก น้ำตาไหลพรากไม่หยุด
"น่าชังนัก…ตระกูลเจ้าเคยโอหังปานใด บัดนี้เหลือเพียงหมาตัวหนึ่งที่คลานกับพื้นเพื่อของเหลือ"
นางกัดข้าวเปื้อนฝุ่นกลืนลงคออย่างทรมาน หยาดน้ำตาร่วงปะปนลงบนมือของนาง
เขาลุกขึ้นมายืนใกล้ ๆ ก้มลงกระซิบข้างหู
"นี่หรือบุตรีประมุขเมืองไป่ฮวาเฉิง? ข้าจำได้ว่าครั้งหนึ่งเจ้าทะนงนัก ยืนอยู่เหนือชะตาคนทั้งเมือง…แต่ตอนนี้…"
เขาย่อตัวลงแล้วใช้ปลายนิ้วแตะปลายคางนางเบา ๆ ดึงขึ้นอย่างเหยียดหยาม
"แม้แต่แมวในวัง ยังมีศักดิ์ศรีกว่าตัวเจ้าหลายเท่า"
ชิงหลันสะอื้น
"เจ้าจะลงโทษข้าอย่างไรก็ได้…แต่ได้โปรดอย่าเหยียดหยามพ่อข้าอีกเลย…"
คำพูดนั้นเหมือนเหยียบลงตรงกลางใจเขา
แววตาเหวินอี้แข็งกร้าวขึ้นทันใด
"พ่อเจ้า? ผู้ที่เผาเมืองข้า? ผู้ที่ส่งคนไปสังหารมารดาข้ากลางงานอภิเษก!? ข้าควรทำลายชื่อของมันเสียทุกลมหายใจ!"
เขากระชากผมของนางให้แหงนหน้าขึ้น
"ฟังข้าให้ดี ลู่ชิงหลัน—ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ใต้หลังคาเรือนข้า เจ้ามีค่าเท่าเศษฝุ่นใต้เท้า!"
นางกัดริมฝีปาก สะกดความกลัวไว้ในอก แต่แววตาเริ่มมีประกายบางอย่างแฝงเร้น
เขามองนางอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวอย่างเย้ยหยัน
"อย่าคิดแม้แต่จะหนี ข้าฝังผนึกไว้ในร่างเจ้าแล้ว…แม้เจ้าจะข้ามแม่น้ำพันสาย ก็ไม่มีทางพ้นจากข้าไปได้"
เขาหันหลัง เดินจากไปพร้อมเสียงฝีเท้าหนัก
ในความเงียบงัน…นางเพียงทรุดตัวลงอย่างหมดเรี่ยวแรง กอดร่างตนเองไว้ด้วยความหนาวเหน็บที่มิใช่จากลม แต่คือความเย็นชาที่ไหลเวียนในวังวนชีวิตของนาง บัดนี้…
สายลมยามค่ำพัดเย็นเฉียบ ลู่ชิงหลันนอนขดตัวอยู่มุมห้อง ข้าวเปื้อนดินเมื่อยามค่ำวานยังกลืนไม่หมด แรงเธอแทบจะหมดไปทุกอณู
ในความมืดที่เงียบงัน ประตูไม้หนักแง้มออกเบา ๆ
"คุณหนู…" เสียงกระซิบแผ่วเบาแทรกเข้ามา
ดวงตาชิงหลันปรือขึ้น พบสาวใช้ร่างเล็กในชุดเขียวขี้ม้า เซียงอิ๋น สาวใช้ผู้หนึ่งที่คอยหลบมุมมองนางอยู่เสมอ
"เจ้า…ทำไมมานี่…"
"ข้าเห็นเจ้าหิว ข้าเลย…เอาข้าวต้มมาให้เจ้าค่ะ รีบกินก่อนที่—"
เสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านนอก หญิงสาวหน้าซีดเผือดทันที
"แย่แล้ว…"
ประตูถูกกระชากออกอย่างแรง
อวิ๋นเหวินอี้ยยืนอยู่หน้าประตู ใบหน้าเยียบเย็น ร่างสูงสง่าปรากฏใต้แสงตะเกียงราวกับภูติในเงามืด
"ช่างน่าประทับใจจริง ๆ…" เสียงเขากดต่ำ "แม้แต่หมาก็ยังมีเพื่อนหมามาแบ่งอาหารให้สินะ?"
เซียงอิ๋นคุกเข่าลงทันที "ได้โปรด…โทษเป็นของข้า ข้าแค่ไม่อาจทนเห็นคุณหนูอดอยากได้อีก—"
"เงียบ!" เสียงเหวินอี้กระชากก้อง สายตาเขาหันไปมองชิงหลันอย่างเย้ยหยัน
"เจ้าวางแผนอะไรอีก? ใช้คนในวังลอบช่วย? หรือกำลังจะหนีอีกครั้ง?"
"ไม่…ไม่ใช่เจ้าค่ะ!" ชิงหลันรีบคลานมากั้นเซียงอิ๋นไว้ "ข้าเป็นคนขอให้หลินฮวาช่วย ข้าเป็นคนร้องขอ!"
"ขอ? เจ้ากล้าขอ?" เขาหัวเราะในลำคอ ดวงตาเรืองแสงวาววับ
"ข้าจะลงโทษสาวใช้ผู้นี้ด้วยการโบยสิบที แล้วส่งไปล้างส้วมวังหลังทั้งเดือน—"
"ได้โปรด!" ชิงหลันร้องเสียงหลง "โทษข้าแทนเถิด…อย่าลงโทษนางเลย เซียงอิ๋นไม่ได้ทำผิดเพราะใจชั่ว แต่เพราะข้าหลอกล่อ…"
อวิ๋นเหวินอี้เดินเข้ามาใกล้ จับแขนชิงหลันยกร่างนางขึ้นราวกับหุ่นผ้า
"เจ้าจะรับโทษแทน?" เขายิ้มเย็น "ดี…ดีมาก เช่นนั้น—"
ผัวะ!
ฝ่ามือหนักตบเข้าที่หน้าเธอเต็มแรงจนร่างเธอล้มกระแทกพื้น เลือดไหลจากมุมปากทันที
"นี่คือหนึ่ง"
เขาเดินวนไปรอบตัวเธอเหมือนสัตว์นักล่า
"เจ้าต้องถูกโบย สิบทีแทนสาวใช้นั้น และห้ามร้อง ห้ามอ้อนวอนแม้แต่คำเดียว หากเจ้าร้องแม้เพียงครั้ง ข้าจะเพิ่มเป็นยี่สิบ"
เซียงอิ๋นร้องไห้สะอึกสะอื้น "ไม่นะเจ้าคะ! อย่าทำคุณหนูเลย ได้โปรด!"
"เงียบ!" เหวินอี้ตวาด "เจ้าถูกขับออกจากตำหนักนี้แล้ว อย่าให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก!"
เซียงอิ๋นถูกทหารพาออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงความเงียบอันเย็นเยียบ และเสียงหายใจสั่นเครือของชิงหลัน
เหวินอี้สั่งให้ทหารนำแส้มาวาง
"เจ้าจะยอมไหม หรือจะให้ข้าช่วยจับเจ้ามัดกับเสา?"
"ข้ายอม…" เสียงเธอเบาจนแทบไม่ได้ยิน
เขาพยักหน้า
นางก้มลงคุกเข่า แล้วเอามือวางบนพื้น พอร่างโน้มไปข้างหน้า ชุดที่เปรอะฝุ่นก็เผยให้เห็นแผ่นหลังเล็กที่เคยเปล่งปลั่ง แต่บัดนี้ซูบซีดและเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากวันก่อนหน้า
ฟึ่บ!
เสียงหวดแส้กรีดอากาศ แล้วลงบนเนื้อนางเต็มแรง
เพี๊ยะ!!
"อึ่ก…"
เธอขบฟันแน่นไม่ส่งเสียงออกมา
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
ทีแล้วทีเล่า จนหลังเธอแตกยับ เลือดไหลเป็นสายหยดลงพื้น
เขายืนพิจารณาร่างนางอย่างเย้ยหยัน "เจ้าไม่ร้องเลย? เจ้าทนได้ขนาดนั้นเชียว?"
"เพราะข้า…ไม่อยากให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเจ็บแทน…" น้ำเสียงเธอสั่น แต่หนักแน่น
เขาเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะเดินเข้ามาใช้ผ้าเช็ดเลือดจากหลังนางช้า ๆ อย่างเย้ยหยัน
"เจ้าช่างโง่เขลาจนน่าสมเพช…"
เขาโน้มตัวลงกระซิบที่ข้างหูนาง
"แต่ในเมื่อเจ้ารับโทษแทน…จงจำไว้ ว่าร่างนี้เป็นของข้า หัวใจเจ้า…แม้แต่ลมหายใจของเจ้า ก็ต้องขึ้นกับการอนุญาตของข้า!"
ชิงหลันไม่ตอบ เธอเพียงแน่นิ่ง แผ่นหลังเปียกโชกด้วยเลือดและเหงื่อ
เหวินอี้ผละจากนาง แล้วสั่งเสียงเย็น
"ห้ามทำแผล ห้ามให้ยาห้ามเลือด ถ้าไม่ตายภายในคืนนี้ พรุ่งนี้เจ้าต้องลุกมาเก็บใบไม้ทุกใบในลานหน้าตำหนักด้วยมือเปล่า"
เขาเดินจากไป ทิ้งนางไว้อย่างนั้น
ในความมืด ร่างเธอพยายามขยับ แต่ไร้เรี่ยวแรง
…และในใจเธอมีเพียงคำถามเดียว
"เหตุใดเขาจึงเกลียดข้าขนาดนี้…ทั้งที่ข้าไม่เคยทำสิ่งใดเลย…"