ตอนที่ 21 : เป้าหมายของสองพ่อลูก

ที่พำนักอันงดงามที่มีไม้อัดเป็นส่วนประกอบหลักทางทิศใต้ของตระกูลฉิน สายลมโอนอ่อนพัดผ่านพาหิมะโปรยปรายไปทั่งทุกหนแห่งรอบๆอาณาบริเวณ

ลึกเข้าไปในอาคารภายในห้องเล็กๆสี่เหลี่ยม เผยให้เห็นร่างของฉินฟงที่กำลังดึงผ้าขาวยาวพันบาดแผลรอบไหปราร้าของฉินหมิงหยวนด้วยสีหน้ามืดมน "หยวนเอ๋อร์ เจ้าบอกกล่าวรายละเอียดทั้งหมดมา ข้าต้องการรับรู้ว่าเหตุใดในวันนี้มันจึงมิได้ตกตายไปแม้นจะเจอะเจอนักฆ่าถึงสี่คน"

"ข้าเองก็มิอาจบอกได้ว่าไป๋เฉินนั้นถูกช่วยชีวิตโดยผู้ใด แต่หากจะให้คาดเดา..." ฉินหมิงหยวนกำลังกัดฟันต่อการรักษาบาดแผลพลางกล่าวบอกเล่าสถานการณ์ทั้งหมดในครานั้นให้แก่ฉินฟงได้ฟังอย่างละเอียด

เมื่อได้ฟังรายละเอียดจนจบแม้แต่ฉินฟงก็ยังคงต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน "ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องราวของนักฆ่าที่มีฝีมือเก่งกาจเช่นนั้นในเมืองเทียนหยุนมาก่อน แต่แล้วเขามีเหตุอันใดที่ต้องข่วยไป๋เฉินไว้กัน?"

[ เป็นไปได้ไหมว่ามีตัวแปรปรากฏขี้น ]

[ ดูเหมือนข้าจะต้องระมัดระวังมากกว่านี้ ]

"หยวนเอ๋อร์ เจ้าแน่ใจหรือว่าไป๋เฉินจดจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครานั้นมิได้" หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งมันจึงเอ่ยถามต่อ

ฉินหมิงหยวนกัดฟันอย่างคร่ำครวญ "แค่ตอนนี้เท่านั้น แต่ในอนาคตข้ามิอาจทราบได้ว่าความทรงจำของมันจะหวนกลับมาหรือไม่"

มือของมันจับทาบอกที่ร่องรอยแผลทางยาวพลางกล่าวต่อด้วยการกัดฟัน "ไอ้สารเลวนั่นเกือบจะทำให้ข้าตกตายไปเสียแล้ว ไม่คาดคิดว่าแม้จะไร้พลังปราณแต่วิทยายุทธ์และทักษะของมันจะสามารถครอบงำข้าที่ซึ่งเป็นผู้บำเพ็ญปราณปฐพีได้" 

บาดแผลกระบี่ที่ปรากฏอยู่บนอกของฉินหมิงหยวนนี้ เกิดขึ้นจากฝีมือของไป๋เฉินคนเก่าในยามที่กำลังจะตกลงสู่ก้นหุเหวในครานั้น เมื่อมองร่องรอยบาดแผลทางยาวจะเห็นได้ชัดว่าหากไป๋เฉินมีพลังปราณแม้เพียงเล็กน้อย รอยกระบี่อาจจะสามารถตัดผ่านขั้วหัวใจได้อย่างง่าย 

แต่กลับโชคร้ายที่ทำได้เพียงสร้างบาดแผลสาหัสให้แก่มันแต่มิอาจคร่าชีวิตมันไปได้

ฉินฟงพยักหน้าพลางเทน้ำอมฤตลงบนแผลของฉินหมิงหยวนอย่างระมัดระวัง "นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเราต้องรีบกำจัดมันก่อนที่มันจะจำบางสิ่งได้ ข้าเชื่อว่าหากไป๋เฉินได้ความทรงจำกลับคืนมา ต่อให้เป็นท่านผู้นำ เขาจะไม่มีวันไว้ชีวิตพวกเราสองพ่อลูกเป็นแน่"

ฉินหมิงหยวนกัดฟันคร่ำครวญเมื่อน้ำอมฤตถูกชโลมไปที่บาดแผล มันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด "หากมันตกตายไปเสียครานั้น ข้าก็จักได้ครอบครองตำแหน่งผู้นำตระกูลฉินคนต่อไปเสียแล้วเชียว"

เนื่องจากตระกูลฉินนั้นไร้ผู้สืบทอดที่เป็นบุรุษ และแน่นอนว่าฉินเยว่ฉานคงจะไม่ต้องการตำแหน่งผู้นำเป็นแน่ และก่อนหน้าพวกมันยังได้ยินจากฉินเหยียนอีกว่าหลังจากไป๋เฉินอายุครบ 18 ปีเขาจะยกตระกูลฉินให้ไป๋เฉินได้รับช่วงต่อ

และแผนการของฉินหมิงหยวนคือทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะกำจัดไป๋เฉินและสวมรอยผู้นำคนต่อไปแทน

แต่หากไป๋เฉินยังคงมีชีวิตลอยหน้าลอยตาอยู่ก็ไร้หนทางที่มันจะได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดคนต่อไป

เป้าหมายคือการครอบงำและยึดครองอำนาจของตระกูลฉินต่อจากฉินเหยียน แน่นอนว่าการจะทำลายฉินเหยียนนั้นคงจะไม่มีวันเป็นไปได้ แต่หากสังหารไป๋เฉินไปและไร้ซึ่งผู้สืบทอดที่เป็นบุรุษ มีโอกาสเก้าในสิบส่วนที่ฉินหมิงหยวนจะได้รับสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไปแทน

เมื่อเสร็จสิ้นการรักษาฉินหมิงหยวนสวมอาภรณ์สีฟ้ากลับตามเดิมอย่างเบามือ "ท่านพ่อ หลังจากนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันต่อดี? หากไป๋เฉินเก็บตัวเงียบและมิได้ออกนอกอาณาเขตตระกูลไป คงยากที่จะลงมือกับมันในครั้งต่อไป"

แต่ฉินฟงส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย "หากไม่มีเหตุผลให้แก่มันก็เพียงแค่สร้างเหตุผลขึ้นมา..."

"ท่านหมายความว่า?" ฉินหมิงหยวนตั้งตารอด้วยสีหน้าฉงน

แสงเย็นยะเยือกวาบผ่านรูม่านตาของฉินฟงในขณะที่มุมปากขดรอยยิ้มชั่วร้าย "หลังจากนี้ข้าจะปล่อยข่าวลือว่ามีแพทย์จากแผ่นดินใหญ่มาปรากฏตัวในเมืองเทียนหยุน และข้าจะใช้ข่าวลือเพื่อล่อให้ไป๋เฉินและฉินเยว่ฉานนำพาไป๋เฉินออกจากตระกูลฉินอีกครา...ข้าเชื่อว่าในครานี้มันจำต้องออกไปเป็นแน่ เนื่องจากนั่นคือความหวังสุดท้ายของไป๋เฉิน"

"แผนการหยิบยื่นความหวังและจบลงด้วยความสิ้นหวัง จะไม่ดีกว่าหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"

แม้นว่าแผนการของฉินฟงอาจจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ แต่โชคไม่ดีที่ไป๋เฉินได้รับรากปราณมารเก้าเนตรมาทดแทนเสียแล้ว

นัยน์ตาฉินหมิงหยวนส่องประกายระยิบระยับ ก่อนที่มันจะกล่าวอย่างเห็นดีเห็นงาม "หากเป็นเช่นนั้นพวกเราก็สามารถที่จะสังหารมันได้ แต่จำเป็นต้องแยกฉินเยว่ฉานและไป๋เฉินออกจากกัน...และนั่นจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากไม่น้อย"

"ไม่ต้องกังวล ข้าตัดสินใจจะใช้ไพ่ใบสุดท้ายของข้า" ฉินฟงสะบัดข้อมือก่อนที่พู่กันและม้วนกระดาษจะปรากฏขึ้น พร้อมกับวาดร่ายเขียนอักษรคำสั่งบางอย่างเข้าไป

"เป็นไปได้ไหมว่าท่านต้องการที่จะใช้สมาพันธ์นักฆ่า?" ฉินหมิงหยวนมองดูอักษรในม้วนกระดาษและเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ

ฉินฟงยังคงตวัดเขียนข้อความพลางกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มลึกลับ "ถูกต้อง คนพวกนั้นเป็นมือสังหารที่ข้าหมายจะเปิดเผยในยามที่เจ้าได้รับตำแหน่งผู้นำคนต่อไป และกลุ่มมือสังหารพวกนี้มีไว้สำหรับเข่นฆ่าผู้ที่เห็นต่างจากเจ้า!"

การแสดงออกทางสีหน้าของฉินหมิงหยวนแลดูวิตกชอบกล "ท่านแน่ใจงั้นหรือว่าจะเปิดเผยในยามนี้?...ข้าเกรงว่าการกระทำของท่านอาจจะเป็นที่สงสัยต่อท่านผู้นำก็เป็นได้...และอีกอย่างหากมือสังหารพวกนั้นถูกจับได้ พวกเราจะไม่ถูกเล็งเป้าและลงโทษทัณฑ์จากตระกูลฉินทั้งหมดหรอกหรือ?"

"ไม่จำเป็นต้องกังวล "ฉินฟงยืนขึ้นด้วยท่วงท่าที่เรียบเฉยและตรงไปยังกรงที่มีนกพิราบเกาะอยู่ "ภารกิจในครานี้จะออกคำสั่งเพียงแค่ครั้งเดียวเพื่อป้องกันการสืบสาวราวเรื่องมาถึงพวกเรา หลังจากนั้นข้าจะยกเลิกการครอบครองสมาพันธ์นักฆ่าและปล่อยให้ตำแหน่งผู้นำว่างไปสักระยะหนึ่งจากการคัดเลือกในหมู่นักฆ่าทั้งหมดและให้สมาพันธ์ยังคงรับภารกิจในการลอบสังหารต่อไปโดยไม่มีกำหนด และหลังจากที่ไป๋เฉินตกตายไปข้าจะนำกองกำลังนั้นกลับมาใช้งานอีกครา"

ฉินฟงเปิดกรงนกพิราบพร้อมทั้งเขารวบม้วนกระดาษเป็นวงกลมเล็กๆก่อนจะสอดไปที่แท่งเหล็กที่เหน็บไว้กับขาของนกพิราบ หากไม่สังเกตดูดีๆจะไม่มีผู้ใดรู้เลยว่าสิ่งนี้ถูกใช้งานในการส่งข้อความสำหรับองค์กรลับหรือข้อความลับที่ไม่อยากให้มีผู้ใดพบเห็น 

หลังจากนั้นมันปล่อยให้นกพิราบบินหายไปยังทิศตะวันออกของเมืองเทียนหยุนที่ซึ่งมิอาจมีผู้ใดรู้ได้ว่านกพิราบตัวนั้นกำลังจะไปหยุดลง ณ ที่ใด

ฉินหมิงหยวนยืนขึ้นเหม่อมองไปนอกหน้าต่างก่อนที่มันจะเผยรอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก "ไป๋เฉิน เคราะห์ร้ายของเจ้ามาถึงแล้ว ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่!"

ไม่นานนักฉินฟงเดินออกจากห้องของฉินหมิงหยวนไปก่อนที่เขาจะเหลือบมองกลับมา "ในระหว่างนี้เจ้าห้ามออกจากตระกูลฉินไปเป็นเป็นอันขาด หากเจ้าต้องการสิ่งใดให้ส่งพ่อบ้านออกไปจัดการตามที่เห็นชอบ"

"ข้าเข้าใจ" ฉินหมิงหยวนประสานมือให้แก่ฉินฟงที่เพิ่งออกจากห้องไปพลางเดินไปที่ริมหน้าต่างและปิดม่านลง

.

.

.

โดยหารู้ไม่ว่าด้านบนที่ซึ่งเป็นเหลี่ยมหลังคา มีเงาสีดำที่มีนัยน์ตาสีแดงหลบซ่อนใต้เงาแสงจันทร์และกำลังลูบคางด้วยสีหน้าที่เข้าใจด้วยเสียงพึมพำแผ่วเบา "ที่แท้พวกมันมีแผนการที่จะครอบงำตระกูลฉินและเหตุผลที่มันต้องการจะสังหารข้าก็เพื่อสิ่งนี้เช่นกัน…"

"เฮ่อ~ ความทะเยอะทะยานในอำนาจไม่เข้าใครออกใครเลยจริงๆ แม้แต่ในโลกปัจจุบันหรือทวีปนี้ต่างก็เป็นเหมือนๆกันทั้งหมด..."

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร่างนี้คือไป๋เฉินที่เพิ่งจะมาถึงในยามที่สองพ่อลูกกำลังอธิบายถึงแผนการตั้งแต่แรกเริ่ม

ด้วยทักษะนักฆ่าของเขา ต่อให้เขาจะเดินบนเศษกิ่งไม้หักหรือเศษใบไม้แห้งที่ร่วงโรยก็มิอาจจะมีเสียงเล็ดลอยออกจากการย่ำฝีเท้าแม้แต่น้อย

ไป๋เฉินมองทอดสายตาสีโลหิตไปยังนกพิราบที่บินไปในระยะไกลแต่ยังอยู่ในระยะสายตาอย่างเลือนราง "สมาพันธ์นักฆ่างั้นหรือ? ช่างเป็นพายชิ้นใหญ่ที่ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างแท้จริง"

ด้วยเสียง "ฟิ้ว!" ร่างสีดำของไป๋เฉินหายลายลับไปในทิศทางของนกพิราบตัวนั้นโดยไร้เสียงและไร้รูปรอย

.

.

.

อาคารอีกหนึ่งหลังที่ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของตระกูลฉิน ภายในนั้นเผยให้เห็นร่างของฉินเหยียนที่กำลังนั่งชงชาด้วยสีหน้าเงียบสงบ ตรงข้ามมีร่างของสตรีในอาภรณ์สีฟ้ากำลังกล่าวถาม "ท่านพ่อ ท่านมีเรื่องอันใดงั้นหรือ?"

"เมื่อยามเช้าของวันนี้เจ้าบอกว่ามีใครบางคนช่วยเหลือพวกเจ้าไว้งั้นหรือ?" ฉินเหยียนเอ่ยถามแก่ฉินเยว่ฉานอย่างตะหงิดใจ

ฉินเยว่ฉานพยักหน้าและเอ่ยวาจากล่าวตอบ "ถูกต้อง ท่านผู้นั้นได้ช่วยไป๋เฉินเอาไว้จากการลอบสังหารของนักฆ่า แต่ข้ากลับมิอาจมองเห็นโครงร่างหรือแม้แต่เงาด้วยซ้ำ"

"อืม..." ฉินเหยียนลูบเคราในขณะที่สายตาเผยร่องรอยครุ่นคิด "เช่นนั้นก็หมายความว่าบุคคลที่มาช่วยเหลือไป๋เฉินในยามนั้นต้องเป็นผู้บำเพ็ญปราณในระดับปราณสวรรค์ใช่หรือไม่?"

"ท่านพ่อ ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก เพราะเมื่อยามนั้นมีการโจมตีสวนกลับไปแค่ครั้งเดียว แต่ทว่าเส้นทางและการเคลื่อนไหวตอบโต้นั้นช่างงดงามเพริดพริ้ง ข้าสามารถบอกได้ว่าหากคนผู้นั้นเป็นนักฆ่า เขาจะต้องเป็นราชันย์ในหมู่ราชาของนักฆ่าเป็นแน่?" ฉินเยว่ฉานคาดเดาจากข้อมูลและเหตุการณ์ที่นางเพิ่งจะประสบมา

ฉินเหยียนอุทานด้วยแววตาประหลาดใจ "โอ้? เจ้ามีเหตุผลใดๆมารองรับเหตุผลของเจ้าหรือไม่?"

ฉินเยว่ฉานพยักหน้าพลางกล่าวอธิบายโดยละเอียด "นั่นเป็นเพราะวิถีการโคจรและการเบี่ยงเบนของมีดสั้นนั้นสามารถติดตามเป้าหมายศัตรูไปได้แม้นว่าระยะห่างและความกว้างห่างกันถึงห้าเซนติเมตร นั่นหมายความว่านักฆ่าที่มาช่วยพวกเราต้องเป็นบุคคลที่เข้าใจจิตวิทยาและการตอบสนองของบุคคลเป็นอย่างดี มิเช่นนั้นเขาผู้นั้นคงจะไม่ปลดปล่อยเส้นทางโคจรที่ไม่ตรงเข้าหาเป้าหมายเป็นแน่"

ฉินเหยียนอดไม่ได้จะหลั่งเหงื่อเย็นๆ 

เบี่ยงเบนวิถีโคจรของมีดสั้นกลับไปโดยที่มิได้เล็งไปยังตัวของเป้าหมายตั้งแต่แรก หากแต่กำหนดเป้าหมายไปยังพื้นที่โล่งที่ซึ่งคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่านักฆ่าชราผู้นั้นจะต้องหลบหลีกเบี่ยงเบนไปในทิศทางนั้นที่ถูกที่ควร ราวกับว่านักฆ่าผู้นั้นสามารถอ่านการเคลื่อนไหวล่วงหน้าได้เลยมิใช่หรือ?

ไม่ผิดเลยหากจะกล่าวว่าบุคคลนั้นคือราชันย์ในหมู่ราชาของนักฆ่าทั้งปวง!