ตอนที่ 32 : การทรมาน

สีหน้าของอวี้ปิงลั่วแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด "ทะ-ท่านหมายความว่า?" 

ไป๋เฉินยืนขึ้นโดยมิได้เอ่ยตอบ พลันลากร่างที่หมดสติของฉินหมิงหยวนตรงไปยังหน้าต่าง ก่อนจะกล่าวทิ้งท้าย "เจ้ากลับไปที่ตระกูลของเจ้าเถิด ทางที่ดีเจ้าไม่ควรจะบอกกล่าวเรื่องนี้แก่ผู้ใดแม้แต่ผู้เดียว...ส่วนฉินหมิงหยวนข้าจะตัดสินชะตากรรมของมันเอง"

"แต่ท่านชาย หากท่านนำมันกลับไปเช่นนี้เกรงว่าท่านอาจจะมีปัญหากับตระกูลฉิน..." อวี้ปิงลั่วพยายามกล่าวตักเตือน

ไป๋เฉินแทบจะสำลัก 'ก็ตรูนี่แหละที่มาจากตระกูลฉิน!' 

เขาพยายามกระแอมเบาๆเพื่อกลบเกลื่อน "ไม่จำเป็นต้องกังวล เจ้ากลับไปได้แล้ว...หลังจากนี้ข้าจะคืนความยุติธรรมให้แก่เจ้าเอง"

"พรึ่บ!" 

ร่างของไป๋เฉินกระโจนออกจากหน้าต่างพร้อมกับแบกร่างฉินหมิงหยวน เขาลอบใช้เส้นทางที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงส่องและไร้ซึ่งฝูงชนตรงไปยังมุมมืดก่อนจะหายลับตาไป

อวี้ปิงลั่วทำได้เพียงพยักหน้าอย่างเหม่อลอย แต่สีหน้าของนางยังคงความเกลียดชังไว้แม้นว่าฉินหมิงหยวนจะถูกนำตัวไปแล้วก็ตาม

.

.

.

ภายในห้องสี่เหลี่ยมคับแคบมืดมิดไร้ซึ่งเสียงจอแจ ความกดอากาศภายในห้องนี้ติดลบราวกับว่าตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินอะไรทำนองนั้น ที่มุมมืดเผยให้เห็นร่างสีฟ้าที่ก้มหน้า

ฉินหมิงหยวนที่เพิ่งได้สติก็เบิกตาอย่างยากลำบากและทอดสายตาไปรอบๆอย่างสลึมสลือ 

"ที่นี่ที่ใดกัน?" ในความทรงจำสุดท้ายมันจำได้ว่ากำลังกระทำชำเราหญิงสาวผู้หนึ่งอยู่บนเตียงมิใช่หรอกหรือ? แล้วมันจะมาปรากฏตัวอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ได้อย่างไร?

เมื่อมันพยายามจะขยับตัวก็กลับพบว่า ร่างกายของมันถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกหลายเส้นจนมิอาจขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย

"เกิดอะไรขึ้นกับข้า?" ฉินหมิงหยวนอุทานอย่างตื่นตระหนกพร้อมทั้งพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง

"เอี๊ยด~"

ทันใดนั้นเสียงประตูบานเก่าตรงหน้าถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างอาภรณ์สีดำที่มีใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตร ร่างนั้นกล่าวทักทายสั้นๆด้วยรอยยิ้มมุมปาก "โอ้? ทิวาสวัสดิ์" 

"ปะ-ไป๋เฉิน!" ฉินหมิงหยวนกรีดร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่าบุคคลที่พบเจอเป็นคนแรกกลับกลายเป็นไป๋เฉินที่มันเกลียดชังมากที่สุด

เมื่อเริ่มตั้งสติได้ฉินหมิงหยวนคำรามด้วยสายตาเย็นชา "ไป๋เฉิน! เจ้ากำลังทำอะไรอยู่! ปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้!" 

ไป๋เฉินแสร้งทำเป็นไม่สนใจพลางลากเก้าอี้มานั่งไขว้ขาตรงหน้ามันอย่างสงบ "เอาล่ะ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตที่สุขสบายของเจ้า...ในยามนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าในการสารภาพทุกสิ่งอย่างที่เจ้ารู้มาเกี่ยวกับบิดาของข้าและตระกูลไป๋ แน่นอนว่าหากเป็นความจริง ข้าจะไม่แตะต้องเส้นผมของเจ้าแม้แต่เส้นเดียว" 

"เจ้าจะทำอะไร!?" ฉินหมิงหยวนตะคอกด้วยสีหน้าที่เป็นลางร้าย

ไป๋เฉินไม่ตอบหากแต่ถลกแขนเสื้อ "เอาล่ะ ข้าไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ คายทุกอย่างที่เจ้ารู้ออกมา แล้วข้าจะปลดปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระจากโลกใบนี้" 

"ไป๋เฉิน! หลังจากข้าออกไปจากที่นี่ได้! แกตายแน่" ฉินหมิงหยวนพยายามต่อต้านอย่างสุดฤทธิ์สุดเดชและไม่ยอมแพ้ต่อคำขู่ของไป๋เฉินแม้แต่น้อย

ไป๋เฉินส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ "ไม่จำเป็นต้องกังวล หลังจากนี้เจ้าและบิดาของเจ้าก็จะประสบชะตากรรมเดียวกัน...ในวันนั้นที่เจ้าพยายามสังหารข้าพร้อมกับฉินฟงจนข้าไม่มีทางเลือกและทำได้เพียงทิ้งตัวไปในก้นหุบเหว...แน่นอนว่าทุกสิ่งที่เจ้าได้กระทำล้วนมีราคาที่ต้องจ่าย"

"อะไร!? ความทรงจำของเจ้า!" ครานี้สีหน้าของฉินหมิงหยวนซีดลงราวกับไก่ต้ม 

มันคิดไปต่างๆนานาว่าหากข่าวคราวนี้รู้ไปถึงหูของฉินเหยียน เกรงว่าชะตากรรมของมันและบิดาของมันอาจจะถึงคราวสิ้นสุดลง

ไป๋เฉินลูบใบหน้าฉินหมิงหยวนด้วยกริชสีดำพลางกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล "มาทำข้อตกลงกัน ข้ามีทางเลือกให้เจ้าสองทาง...หนึ่งคายทุกอย่างที่เจ้ารู้ออกมา เจ้าจะได้ตายไปอย่างไม่เจ็บปวด"

"หรือสอง...ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่!" เสียงหัวเราะอันน่าขนลุกของไป๋เฉินทำให้ขนทั่วร่างของฉินหมิงหยวนลุกซู่โดยไม่ได้ตั้งใจ กริชของไป๋เฉินลูบไล้ไปตามลำคออย่างหวาดเสียว

"ช่วยข้าด้วย! ใครก็ได้ช่วยข้าที!" เมื่อไร้ซึ่งหนทางฉินหมิงหยวนพยายามกรีดร้องเสียงดังเพื่อขอความช่วยเหลือหากมีบุคคลในละแวกใกล้เคียง

"หนวกหู!" ไป๋เฉินฟาดหลังมือลงที่ใบหน้าฉินหมิงหยวนสุดแรง ฟันเกือบสิบซี่กระเด็นออกมาพร้อมกับโลหิตที่กระฉูด

"เพี้ยะ!"

เสียงตบของไป๋เฉินดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องที่มืดมิด ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องครวญครางของฉินหมิงหยวนพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้

"อะไร!? เจอแค่นี้ก็ร้องห่มร้องไห้เสียแล้ว!" ไป๋เฉินอดไม่ได้ที่จะถ่มน้ำลายอย่างเหยียดหยาม "ปอดแหกจริงๆ"

ไป๋เฉินรู้ดีว่าลึกๆแล้วฉินหมิงหยวนเป็นบุคคลที่ขี้ขลาดเพียงใด มันจะไม่มีวันกัดลิ้นตัวเองเพื่อฆ่าตัวตายอย่างแน่นอนหากไม่ประสบพบกับความสิ้นหวังที่แท้จริง 

ดังนั้นจนกว่าจะพึงพอใจ เขาจะทรมานมันเช่นนี้ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ไป๋เฉินลุกจากเก้าอี้พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้พลางกล่าวถามเสียงแผ่ว "มีผู้ใดในตระกูลฉินที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของบิดาของข้าบ้าง?"

"ข้าไม่เกี่ย-" ในวินาทีเดียวกันกับที่ฉินหมิงหยวนปฏิเสธ ไป๋เฉินปักกริชสีดำทมึนลงไปที่ต้นขาของมันด้วยความเร็วดุจสายฟ้า โลหิตสายเล็กๆเริ่มไหลนองตามเส้นทางไปยังเท้าของไป๋เฉิน 

เสียงกรีดร้องอันทรมานโหยหวนของฉินหมิงหยวนดังก้องไปไกล "อ๊ากกก!!!"

"ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครา..." ไป๋เฉินยังคงเค้นถามด้วยแววตาที่สงบ

"ไอ้สารเล- อ๊ากกก!!!" ไม่ทันที่มันจะได้ก่นด่าจนสิ้นสุด กริชอีกเล่มพลันส่องประกายปักลงไปยังต้นขาอีกข้างจนมิดด้าม โลหิตไหลกระฉูดนองรอบๆร่างของมันอย่างควบคุมไม่อยู่

นัยน์ตาของไป๋เฉินฉายแววสนุกสนาน "ไม่จำเป็นต้องกังวล จนกว่าเจ้าจะปริปาก ข้าจะเล่นสนุกเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะเบื่อหน่าย และเจ้าจะได้ลิ้มรสมันอย่างเต็มที่"

หลังจากนั้นเสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังของฉินหมิงหยวนดังอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ตามมาด้วยเสียงที่มาจากของมีคมกำลังกระหน่ำแทงไม่เว้นพัก

"ปล่อยข้าไป! อ๊ากกก!!!" 

"ไป๋เฉิน แกไม่ตายดีแน่! อ๊ากกก!!!" 

"ปะ-ปีศาจ! เจ้ามันเป็นปีศา- อ๊ากกก!!!" 

หลังจากนั้นไม่นานต้นขาของมันเผยให้เห็นหน้ากระดูกที่แหวกออกอย่างเด่นชัด เนื้อส่วนมือของมันถูกลอกออกจนเผยให้เห็นเนื้อสีขาวอมชมพู รอบๆกายของมันเปี่ยมไปด้วยโลหิตที่ไหลพรากอย่างต่อเนื่อง

ยามนี้ดวงตาของฉินหมิงหยวนเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังและความหวาดกลัวสุดขีด

.

.

.

ผลสุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปเพียงแค่สิบนาที ฉินหมิงหยวนกลับร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดและมิอาจทนการทรมานของไป๋เฉินได้อีกต่อไป "ข้ายอมแล้ว ข้าจะบอก..."

"โอ้? เช่นนั้นก็ดี" ไป๋เฉินพยักหน้าเบาๆและดึงกริชกลับคืนมา "เอาล่ะ พูดมา"

ฉินหมิงหยวนพยายามเอ่ยอย่างยากลำบาก "กะ-การตายของบิดาของเจ้าเป็นฝีมือของฉินเหยีย-"

"อ๊ากกก!!!!"

ไป๋เฉินตวัดกริชเฉือนหูของมันออกอย่างไร้ความปราณี! 

ฉินหมิงหยวนก้มหน้าลงสะอึกสะอื้นด้วยนัยน์ตาว่างเปล่า บัดนี้มันเริ่มเชื่อแล้วว่าชะตากรรมต่อจากนี้จะเป็นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย 

ในเสี้ยววินาทีนั้นมันจึงตัดสินใจที่จะกัดฟันเพื่อจบชีวิตในบัดดล หากมันไม่ยอมกล่าวความจริงเสียอย่าง ต่อให้มันตายไปไป๋เฉินก็จะมิได้ข้อมูลใดๆแม้แต่น้อย 

หมับ!

แต่ทว่าในวินาทีเดียวกันนั้นไป๋เฉินกลับยัดถุงเท้าที่เหม็นหึ่งเข้าปากของฉินหมิงหยวนอย่างฉับพลันราวกับว่าเขาเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว

ไป๋เฉินเข้าไปกระซิบข้างหูอีกข้างด้วยลมหายใจเย็นยะเยือก "จุ๊ จุ๊ จุ๊ อย่าเพิ่งรีบร้อน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา..."

ฉินหมิงหยวนตาลีตาเหลือกด้วยการแสดงออกที่ไร้ซึ่งความหวังในการมีชีวิต

"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ในเมื่อเจ้ายังไม่ยอมปริปาก เช่นนั้น..." ไป๋เฉินลอบหัวเราะเบาๆ ปลายนิ้วมือปรากฏพลังงานสีแดงวนเวียนดุจดั่งโลหิต

เมื่อเห็นเช่นนั้นใบหน้าของฉินหมิงหยวนแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด 'พลังปราณ! ไป๋เฉินใช้พลังปราณ! เป็นไปได้อย่างไร!?'

แม้นว่าฉินหมิงหยวนจะโดนทารุณกรรมมานานแต่สติสัมปชัญญะมันยังคงเหลืออยู่ 

จะกล่าวได้ว่าการที่ไป๋เฉินสามารถใช้พลังปราณได้นับเป็นข่าวที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของมัน

ไป๋เฉินก้มลงมองตรงไปยังใบหน้าฉินหมิงหยวนอย่างอบอุ่น "...มาดูกันว่าเจ้าจะทนได้สักกี่น้ำ" 

ฉินหมิงหยวนส่ายหน้าอย่างรุนแรงด้วยนัยน์ตาเบิกโพลง

ไป๋เฉินกดนิ้วมือนั้นลงไปยังเส้นเลือดใหญ่ที่ต้นคอฉินหมิงหยวนโดยปล่อยให้ปราณโลหิตไหลเวียนซึมเข้าแทรก

ฉินหมิงหยวนพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดอย่างตื่นตระหนก แต่มันมิอาจตะโกนได้ 

ทันใดนั้นมันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่กำลังไหลเวียนไปยังทั่วร่างของมันอย่างช้าๆ

ไป๋เฉินลอบพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนจะกลับไปนั่งลงตามเดิม พร้อมทั้งหยิบขนมขบเคี้ยวที่วางอยู่ข้างโต๊ะมาโยนใส่ปากราวกับกำลังนั่งดูเน็ตฟลิกซ์อย่างเพลิดเพลินใจ