ตอนที่ 46 : ตระกูลหยางเคลื่อนทัพ

หยางลั่วขยำกระดาษอย่างสุดแรง เส้นเลือดสีเขียวค่อยๆปูดขึ้นบนหน้าผากในขณะที่เปล่งเสียงคำราม "รายงานไปยังเหล่าผู้อาวุโส! รวมพลกองกำลัง 500 นาย เตรียมพร้อมสำหรับการทำลายล้างกองโจรมายา!"

้เงาสีม่วงเหงื่อแตกพลั่กอย่างตกตะลึง "ท่านผู้นำ พวกเราควรจะตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนไม่ดีกว่าหรือ? บางทีอาจจะมิใช่กองโจรมายาก็เป็นได้"

แต่หยางลั่วปราดตามองอย่างเย็นชา "ข้าไม่สน! มันบังอาจมาเหยียบย่ำและขโมยหยกของข้า ซ้ำยังทำลายเส้นทางธุรกิจของพวกเรา...และสุดท้ายบุตรชายของข้าก็ตกตายไปแล้ว เจ้าจะให้รอข้าไปเพื่ออะไร!?"

"ขะ-ข้าจะไป" ด้วยความหวาดกลัวเงาสีม่วงทำได้เพียงรีบประสานมือก่อนจะจากไป

. . .

แตรหอยสังข์กู่ก้องดังไปทั่วอาณาบริเวณตระกูลหยางในยามวิกาล เสียงฝีเท้าหลายเสียงกระทบกันดังสนั่นบังเกิดการสั่นสะเทือน ก่อนที่ทหารยามของตระกูลหยางเรียงรายกันเป็นแถวยาวแถวละ 50 นาย โดยมีหยางลั่วยืนอยู่ด้านหน้าด้วยชุดเกราะและศาสตราวุธที่ครบมือ ทางด้านซ้ายคือหยางเหวินโจวและเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมด

"เคลื่อนขบวน! ข้าจะเอาเลือดกองโจรมายามาเซ่นไหว้บุตรชายของข้า!" เสียงคำรามหยางลั่วดุจดั่งการกู่ร้องของมังกรสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งตระกูลหยางด้วยจิตสังหารที่ย้อมอาณาบริเวณ!

.

.

.

ร่างสีดำในหน้ากากไหมของไป๋เฉินพุ่งผ่านด้วยฝีเท้าปราดเปรียวเข้าไปในอาคารหลังเก่าของสมาพันธ์นักฆ่า

เบื้องหน้ามีร่างของฉางเฟิงและลุงเซี่ยยืนรออยู่ด้านในประตู ในมือทั้งสองข้างของพวกเขาคือถุงผ้าขนาดใหญ่ที่หอบหยกสีม่วงเป็นจำนวนมากไว้

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในขณะที่ไป๋เฉินเข้าไปสังหารหยางเหมินเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจต่อหยางลั่ว ฉางเฟิงและลุงเซี่ยทำหน้าที่ในการสังหารทหารยามลักลอบนำหยกสีม่วงออกมา ซ้ำยังทำให้เหมืองถล่มด้วยกำลังภายใน

ก่อนที่ไป๋เฉินจะเข้าไปช่วยเหลือไป๋เฉินก็ได้แบ่งแยกหน้าที่ให้แก่แต่ละคนแล้ว

ไป๋เฉินผงกศีรษะแก่ทั้งสองก่อนจะนำร่างหลวนซิงที่โอดครวญเข้าไปในสมาพันธ์นักฆ่าที่มีหลิวอี้หลิวและนักฆ่าทั้งเจ็ดยืนรออยู่

เมื่อเห็นร่างหลวนซิงในอ้อมแขนของไป๋เฉิน หลิวอี้หลิวตื่นตกใจก่อนจะรีบกล่าวอย่างเป็นกังวล "ท่านอาจารย์ เกิดอะไรขึ้นกับหลวนซิง?"

ไป๋เฉินส่ายศีรษะโดยมิได้เอ่ยตอบ เขาวางร่างของหลวนซิงบนแท่นไม้ไผ่ยาว ก่อนจะตรวจสอบสภาพร่างกายอย่างชำนาญ

"กระดูกซี่โครงหักสองซี่ มีอาการเลือดคั่งในและการไหลเวียนเลือดผิดปกติ" ในขณะที่ไป๋เฉินกล่าวเขาก็กดจุดในตำแหน่งที่มีอาการเลือดคั่งเพื่อให้โลหิตไหลเวียนได้ตามปกติ ก่อนจะรีบเร่งปฐมพยาบาลขั้นต้นตามที่เรียนรู้มา

ร่างกายของผู้ฝึกฝนมีการฟื้นฟูที่รวดเร็วเพียงพออยู่แล้ว แค่ปล่อยให้หลวนซิงพักผ่อนสักวันสองวันก็คงจะหายดี แต่ในส่วนของโลหิตเขาต้องรีบคลายทำให้โลหิตไหลเวียนกลับตามเดิมเพื่อมิให้มีผลกระทบในภายหลัง

ไป๋เฉินปาดเหงื่อบนหน้าผากพลางถอนหายใจยาว "หลวนซิงไม่เป็นไรแล้ว ให้เขาได้พักผ่อนสักสองวันคงจะหายดี"

เมื่อเห็นสีหน้าที่สับสนของหลิวอี้หลิว ไป๋เฉินจึงได้อธิบายทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ไม่ว่าจะการสังหารหยางเหมิน ลักลอบขโมยหยกและถล่มเหมืองหยก

หลิวอี้หลิวเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง นางไม่คาดคิดว่าหยางลั่วจะมาปรากฏตัวขึ้นด้วยตนเอง หากไป๋เฉินมิได้เข้าไปช่วยเหลือ ชีวิตของหลวนซิงคงจะถูกทิ้งไว้ที่ตระกูลหยางเสียแล้ว

"อี้หลิว ข้าจะแนะนำสหายอีกสองคนให้พวกเจ้าได้รู้จัก" หลังจากนั้นไม่นานไป๋เฉินกวักมือเรียกฉางเฟิงและลุงเซี่ยที่รออยู่ด้านนอก

ร่างสีเทาในหน้ากากสีขาวของฉางเฟิงปรากฏขึ้น พร้อมกับลุงเซี่ยที่สวมหน้ากากเฉกเช่นเดียวกัน ทั้งสองคนวางถุงผ้าที่หอบหยกไว้กับพื้น พลันรีบประสานมือโค้งคำนับต่อหน้าไป๋เฉินด้วยความเคารพ "นายน้อย"

"เอ๊ะ!" หลิวอี้หลิวอุทานเบาๆ คำสรรพนามที่ทั้งสองใช้เรียกไป๋เฉินนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในสายตาของนาง

'นายน้อย?'

หากจะให้ฟังเสียงของไป๋เฉินแล้ว เขาคงจะมีอายุอานามประมาณชายวัยกลางคนมิใช่หรอกหรือ?

แต่สิ่งที่นางประหลาดใจยิ่งกว่าคือระดับการบำเพ็ญปราณของทั้งสองนั้นคือปราณสวรรค์

และเป็นระดับปราณสวรรค์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าหลวนซิงและนางถึง 6 ขั้น!

ไป๋เฉินพยักหน้าเบาๆพลางกล่าวแก่หลิวอี้หลิวด้วยรอยยิ้ม "นี่คือพี่ฉางและลุงเซี่ย นับจากนี้พวกเขาทั้งสองจะเป็นสมาชิกของศาลาปีกสวรรค์อย่างเป็นทางการ"

ทั้งสามจึงได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นมิตร แต่เมื่อสังเกตเห็นหยกสีม่วงมากมายที่กองอยู่ หลิวอี้หลิวอดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยแววตาเป็นประกาย "ท่านอาจารย์ หยกทั้งหมดนี้สามารถทำให้พวกเราเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืนเสียด้วยซ้ำ"

ไป๋เฉินอดไม่ได้ที่จะกลอกตา "เรื่องหยกค่อยว่ากันในภายหลัง ตอนนี้ข้าเชื่อว่าหยางลั่วกำลังจะบุกถล่มกองโจรมายาแล้ว"

หลิวอี้หลิวตกตะลึง นางไม่คาดคิดว่าแผนการของไป๋เฉินจะประสบความสำเร็จจริงๆ

แม้นจะมีเหตุผิดพลาดเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์กลับดีกว่าที่คาดไว้

ฉางเฟิงที่เงียบงันมานานก็กล่าวถามไป๋เฉินอย่างฉงน "นายน้อย เหตุใดท่านถึงต้องขโมยหยกมามากมายถึงเพียงนี้? เป็นไปได้ไหมว่าท่านกำลังขาดแคลนทุนทรัพย์?"

หลิวอี้หลิวก็จ้องมองตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ

ไป๋เฉินเพียงแค่ยิ้มจางๆที่มุมปากก่อนจะกล่าวอธิบาย "มิใช่ว่าข้าโลภมากอยากจะได้ของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุไม่มีผล ข้าแค่ต้องการขโมยหยกเพียงเพื่อให้เกิดผลกระทบในขั้นตอนต่อไปเท่านั้น"

แต่ทั้งสามมองหน้ากันด้วยความสับสนไม่เข้าใจราวกับมีเซลล์สมองไม่เพียงพอ

ไป๋เฉินยกนิ้วขึ้นมาสองนิ้วและกล่าวต่อ "แผนการนี้มีจุดประสงค์เพียงสองประการ หนึ่งคือการบั่นทอนกองกำลังตระกูลหยางเป็นปัจจัยหลัก และสองคือการตรวจสอบกองกำลังที่แท้จริงของตระกูลหยาง แน่นอนว่ากองโจรที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเทียนหยุนเป็นเป้าล่อชั้นดีที่จะทำให้พวกมันเปิดเผยกองกำลังซ่อนเร้นออกมา"

"ทว่าการสังหารหยางเหมินมิได้อยู่ในแผนการของข้าตั้งแต่แรกเริ่ม แต่สถานการณ์บีบบังคับให้ข้าต้องกระทำเช่นนั้นเพื่อช่วยชีวิตของหลวนซิงไว้"

"และหากเพียงแค่ขโมยหยกและถล่มเหมืองเพียงอย่างเดียว ตระกูลหยางจะไม่ผลีผลามถึงเพียงนี้ แต่ทว่าการสังหารหยางเหมินได้จุดชนวนความบ้าคลั่งในตัวของมันขึ้นมาจนจำต้องเลือดขึ้นหน้า และแน่นอนว่าบุตรชายสุดที่รักของมันตกตายไปมันจะนั่งนอนเฉยๆโดยไม่ตอบโต้ได้อย่างไรเมื่อรู้ว่าเป็นฝีมือของกองโจรมายา"

"ข้าเองก็ไม่คาดคิดว่ามันจะรวบรวมกองกำลังและกำลังจะบุกถล่มกองโจรเงามายาในค่ำคืนนี้ หากเป็นไปตามแผนเดิมบางทีอาจจะใช้เวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์กว่าที่ตระกูลหยางจะตัดสินใจถล่มกองโจรมายา...ทว่าคืนนี้ฤกษ์งามยามดีที่จะทำลายล้างตระกูลหยางในภายภาคหน้า" ไป๋เฉินเองก็ไม่คาดคิดว่าแผนการจะเห็นผลทันตาเห็นเช่นนี้

แต่ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่เขามิได้กล่าวออกไปต่อหน้าหลิวอี้หลิว เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกันกับฉินฟงเต็มๆ

"โอ้?" ฉางเฟิงและลุงเซี่ยอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในสติปัญญาและการวางแผนการอย่างละเอียดราวกับจิ้งจอกเฒ่าของไป๋เฉิน จนเขาแทบจะเทิดทูนและบูชาเสียด้วยซ้ำ

และการที่ไป๋เฉินสังหารหยางเหมินก็เป็นหนึ่งในกระบวนการสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ภายในเมืองเทียนหยุนในค่ำคืนนี้!

จากนั้นไป๋เฉินกล่าวกับหลิวอี้หลิวและมองไปยังสมาชิกทั้งเจ็ดและมอบหน้าที่ให้แก่พวกเขา "อี้หลิวเจ้ามากับข้า ปล่อยให้คนอื่นๆเฝ้าหลวนซิงเอาไว้อย่าให้เขาขยับตัว"

หลิวอี้หลิวและนักฆ่าทั้งเจ็ดพยักหน้าด้วยความเคารพ แน่นอนว่านางมีหน้าที่เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับกองกำลังของตระกูลหยางตามคำสั่งของไป๋เฉินตั้งแต่แรกเริ่ม

.

.

.

เสียงฝีเท้าม้ากว่า 50 ตัวสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมืองเทียนหยุนปิดกั้นเส้นทางสัญจรภายในเมืองจนสิ้น ตามมาด้วยเงาตะคุ่มๆเลือนรางในคืนเดือนคว่ำที่มืดมิด

ตระกูลหยางเคลื่อนกำลังพลกว่า 500 นายบุกจู่โจมที่กบดานของกองโจรเงามายา บัดนี้ภายในเมืองเทียนหยุนเกิดเสียงดังกึกก้องชุลมุนจนฝูงชนที่กำลังหลับอยู่ตื่นออกมาและเปิดประตูออกดูว่าเกิดเหตุใดขึ้น

แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่ากองกำลังมีธงสีแดงของตระกูลหยางตามมาด้วยม้าเคลื่อนขบวนหลายตัว พวกเขาที่ออกมาก็ตัวสั่นงันงกและรีบกลับเข้าที่พักไป

ในเส้นทางสัญจรสายหลัก หยางลั่วในชุดเกราะพร้อมรบนั่งอยู่บนหลังม้าอย่างเกรียงไกร แม้นสีหน้าจะมีความลังเลใจแต่ส่วนลึกกลับมีความอาฆาตแค้นที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่

หากเดินทัพอีกประมาณ 500 เมตรก็จะถึงที่มั่นของกองโจรมายาแล้ว

แต่จู่ๆหยางเหวินโจวที่นำทัพสังเกตเห็นบางสิ่งส่องประกายระยิบระยับในพุ่มหญ้าของเส้นทางที่ม้ากำลังจะเคลื่อนขบวน มันจึงรีบโบกมือให้สัญญาณหยุดการเคลื่อนขบวนชั่วครู่

เมื่อมันลงไปตรวจสอบก็กลับพบว่าสิ่งที่ตกอยู่ข้างทางในพุ่มไม้คือหยกสีม่วงที่ผ่านการคัดแยกมาอย่างดี

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหยกทั้งสามก้อนนี้มีที่มาจากตระกูลหยางของพวกมัน!