ภายในห้องมืดมิดที่มีการตกแต่งหรูหราในคฤหาสน์กองโจรมายา มีร่างอันอ่อนช้อยละลานตาของหญิงสาวในอาภรณ์สีทองกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงงดงาม
เสียงคำรามของการต่อสู้อย่างกะทันหันส่งผลในนางสะดุ้งตัวขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง "เกิดอะไรขึ้น!?"
นางกระโดดลงจากเตียงกางแขนออก กระบี่ยักษ์สีทองก็ปรากฏขึ้นในมืออย่างฉับพลัน
"ปัง!"
เสียงทำลายประตูดังขึ้นอย่างรุนแรง หญิงสาวที่สวมชุดแม่บ้านตะโกนเรียกด้วยความตื่นตระหนก "นายหญิง มีผู้บุกรุกเข้าโจมตีคฤหาสน์ของพวกเรา!"
"ผู้บุกรุก?" หญิงสาวในชุดสีทองแสดงสีหน้างุนงง "ผู้บุกรุกมาจากที่ใดกัน?"
คฤหาสน์กองโจรมายาอยู่อย่างสงบสุขมาหลายปี กองโจรมายารักษากลิ่นอายที่น่าเกรงขามไว้ตลอดเวลา จะมีคนบ้ากล้ากระตุกหนวดเสือพวกเขาจริงๆหรือ?
"ตระกูลหยาง! พวกมันคือตระกูลหยาง! ซ้ำยังนำกองกำลังกว่าแปดในสิบส่วนตามมาด้วย ตอนนี้สมาชิกของพวกเราตายเกลื่อนกลาดเกือบจะร้อยชีวิตแล้ว!"
"อะไร!?" หญิงสาวตัวสั่นสะท้านอย่างตกตะลึง ในวินาทีต่อมานัยน์ตาของนางเปล่งแสงแห่งความเย็นชา พลังปราณระดับปราณลึกลับระเบิดออกก่อเกิดแสงแห่งจิตสังหาร!
"หยางลั่ว!"
ด้วยเสียงคำรามแห่งความโศกเศร้า ร่างของหญิงสาวทะยานผ่านประตูไปด้วยความเร็วสายฟ้าแลบ
.
.
.
เสียงการต่อสู้ขนาดใหญ่ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงฝีเท้ากว่าหลายร้อยกำลังจะก้าวเข้าสู่คฤหาสน์
"ผู้นำกองโจรมายา! โผล่หัวออกมา!" หยางลั่วลงจากหลังม้าและกำลังเดินไปยังคฤหาสน์ด้วยท่วงท่าหยิ่งผยอง สายตาเย็นชามองไปยังชั้นบนสุดด้วยจิตสังหารเดือดพล่าน!
ร่างอ่อนช้อยในอาภรณ์สีทองอ่อนปรากฏขึ้นในชั่วพริบตารัศมีเย็นชาแผ่ซ่านออกมาอย่างรุนแรง ร่างนั้นคือหญิงสาวที่มีผมยาวไสว นัยน์ตาคู่นั้นเป็นสีฟ้าอ่อนแต่กลับแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น
"เจ้าสุนัขเฒ่า! เจ้ากล้าดียังไงมาบุกรุกคฤหาสน์ของข้า!" กระบี่ยักษ์ของหญิงสาวชี้ตรงไป รัศมีปราณอันครอบงำบังเกิดเป็นกระแสพายุขนาดย่อมรอบๆกาย
หยางลั่วขมวดคิ้วครั้นสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายยะเยือก 'หลิงซู ผู้นำของกองโจรมายา ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะมีความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้'
หากจะมองใบหน้าที่งดงามแต่เย็นชาของแล้ว อายุอานามของหลิงซูผู้นี้ยังไม่เข้าใกล้ 25 ด้วยซ้ำ แต่ระดับการบำเพ็ญของนางกลับเทียบเคียงได้กับหยางลั่ว
"เจ้าคือหลิงซู ผู้นำของกองโจรมายา?" หยางลั่วพยายามสงบสติอารมณ์
แต่ร่างเพรียวบางของหลิงซูกลับแผ่ซ่านจิตสังหารอย่างรุนแรงเมื่อนางมองไปรอบๆคฤหาสน์ ขณะนี้กองกำลังกองโจรมายาหายไปกว่าครึ่ง แต่มีร่างของห้าคนที่มีระดับปราณสวรรค์กำลังเข่นฆ่าสมาชิกตระกูลหยางอย่างจงเกลียดจงชัง
เมื่อเห็นผู้คนฝั่งนางที่ค่อยๆล้มตาย อารมณ์ที่กดข่มของนางกลับปะทุขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ จิตสังหารและความกระหายเลือดได้เข้าครอบงำ "หยางลั่ว! ในเมื่อเจ้ากล้าบุกรุกฐานที่มั่นของข้า! ข้าไม่มีความจำเป็นต้องเสวนากับเจ้าอีกต่อไป!"
ลำแสงสีทองพุ่งผ่านในชั่วพริบตา ร่างหลิงซูปรากฏขึ้นตรงหน้าด้วยกระบี่ยักษ์ที่ฟาดฟันด้วยแขนอันบอบบาง
หยางลั่วรีดเค้นปราณอันโออ่ามันฟาดฟันกระบี่สีม่วงเผชิญหน้ากับหลิงซูด้วยกำลังเดรัจฉานอย่างดุเดือด
"ตู้ม!"
"ตู้ม!"
"ตู้ม!"
. . .
ในขณะที่ผู้นำสองตระกูลกำลังห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย กลับมีเงาสีทึบลักลอบเข้าร่วมการต่อสู้โดยยากจะสังเกต เมื่อเงาสีดำพุ่งผ่านร่างของบุคคลตระกูลหยางไป บุคคลนั้นจะล้มลงด้วยคอที่ถูกเชือดเฉือนอย่างไร้ปราณี!
ราวกับว่าเงาสีดำเปรียบดั่งมัจจุราชที่มาจุติในสงคราม!
สายลมอ่อนๆมาพร้อมกับกลิ่นเลือดคละคลุ้ง ร่างสีดำมืดมนพุ่งทะยานด้วยฝีเท้าปราดเปรียวไปทั่วทั้งคฤหาสน์อย่างมิอาจมองทัน
เฒ่าสามที่สังเกตได้ถึงความผิดปกติ มันรีบตั้งสมาธิจับสัมผัสจนเจอะเจอเข้ากับร่างดุจเงาลวงตากำลังไล่ล่าเข่นฆ่าตระกูลหยางอย่างบ้าคลั่ง แต่มันกลับมองเห็นเพียงแค่เงาเลือนรางที่ยากจะบอกตำแหน่ง
"คนผู้นั้นอันตราย!" เฒ่าสามไม่ลังเลใจ หอกสีเขียวอ่อนปรากฏขึ้นด้วยเสียงลมโหยหวน พลันทิ่มแทงเป็นเส้นตรงไปยังเงาที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
เงาที่ตระหนักได้ถึงการจู่โจมอย่างรุนแรง หยุดฝีเท้าชะงักก่อนจะหันหลังกลับหายไปในทิศทางของการต่อสู้ขนาดใหญ่เพื่อเข้าไปแฝงกลุ่มบดบังวิสัยทัศน์
"อย่าคิดหนี!" เฒ่าสามกัดฟันอย่างหงุดหงิด ร่างสีดำนั้นไหลลื่นเสียยิ่งกว่าปลาไหลชุบน้ำมัน ผลสุดท้ายมันจำต้องไล่ล่าร่างนั้นเสียก่อนที่กองกำลังของตระกูลหยางจะสูญสลายไป
แน่นอนเงาสีดำคือไป๋เฉินที่แฝงตัวใช้โอกาสนี้ในการกำจัดตระกูลหยาง หากจะให้อนุมานโดยประมาณการ เขาเชื่อว่าอีกไม่นานกองโจรมายาจะมิอาจต้านทานตระกูลหยางได้อีกต่อไป
ฉะนั้นในระหว่างนี้จำต้องทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองมากที่สุดคือการลอบสังหารซึ่งเป็นแขนงที่เขาเชี่ยวชาญ
เงาสีดำพุ่งทะยานเข้าหากลุ่มตระกูลหยาง เสียงเชือดเฉือนโลหิตกระซ่านกระเซ็นดังขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้แต่เฒ่าสามที่มีระดับปราณสวรรค์ก็มิอาจติดตามการเคลื่อนไหวของร่างนั้นได้ทันการณ์
'มันเป็นใครกัน? บุคคลเช่นนี้ไม่มีอยู่ในข้อมูลของกองโจรมายามิใช่หรือ?' ระหว่างที่กำลังไล่ล่าเฒ่าสามก็อดคิดไม่ได้
ทุกๆหนึ่งวินาทีจะมีสมาชิกของตระกูลหยางตกตายไปหนึ่งคนอันเนื่องมาจากการลอบสังหารของเงาสีดำผู้นั้น หากมันชักช้าไปมากกว่านี้เกรงว่าตระกูลหยางจะสูญเสียกองกำลังไปกว่าเจ็ดในสิบส่วนเป็นแน่!
กระแสลมยังคงโชยอ่อน ร่างของไป๋เฉินแหวกว่ายในกลุ่มฝูงชนอย่างปราดเปรียว ทุกการเคลื่อนไหวของเขาล้วนมาจากสัญชาตญาณการต่อสู้ส่วนบุคคล จนถึงบัดนี้เขายังไม่มีบาดแผลและรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าไป๋เฉินจะไม่ปรากฏตัวเพื่อเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญปราณสวรรค์เพราะนั่นอาจจะทำให้เสียเวลา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเข่นฆ่าตระกูลหยางให้มากที่สุดจนกว่าการเผชิญหน้าระหว่างผู้นำจะสิ้นสุดลง
ทันใดนั้นสายตาของหนึ่งในสามชายชราที่ล้อมรอบหลวนซิงเผอิญมองเห็นร่างสีดำสวมหน้ากากไหม มันชี้ตรงไปพลางตะโกนดังลั่น "มันอยู่ที่นั่น! มันเป็นผู้สังหารผู้อาวุโสหยางเฉิน!"
หยางเหวินโจวที่พะว้าพะวงอยู่กับผู้บำเพ็ญปราณสวรรค์กลับต้องหยุดชะงัก มันถอยร่นออกจากวงล้อมพร้อมทั้งมองไปยังทิศทางที่ชายชราชี้ไปด้วยแววตาเย็นยะเยือก
มันกลับหันร่างกระทืบเท้าเปลี่ยนเป้าหมายพุ่งตรงไปยังไป๋เฉินที่กำลังเข่นฆ่าอย่างสนุกสนานราวกับว่าเป็นงานเลี้ยงของราชานรก!
"ตาย!"
หยางเหวินโจวคำรามกู่ก้องอย่างบ้าคลั่ง มือสองข้างจับมีดสั้นพุ่งทะยานด้วยปราณบังเกิดเป็นลำแสงดุจสายฟ้าฟาดแทงตรงไปยังตำแหน่งศีรษะอย่างไร้ปราณี
ไป๋เฉินกลับสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตที่พุ่งตรงมาทางด้านหลัง เขาพลันก้มตัวลงโดยที่ไม่หันกลับไปมอง และการจู่โจมของหยางเหวินโจวก็พลาดเป้าไปอย่างฉิวเฉียด
เมื่อเห็นท่าไม่ดีไป๋เฉินพลิกตัวเป็นครึ่งวงกลมกับผืนหญ้าขจีก่อนจะพุ่งผ่านไปยังทิศทางของชายร่างกำยำซึ่งผู้บำเพ็ญปราณสวรรค์ของกองโจรมายาอย่างไม่ลังเล
ในเมื่อมิอาจต่อกรด้วยตนเองได้ ก็คงต้องยืมมือผู้อื่น
แน่นอนว่าชายร่างกำยำที่เห็นว่าหยางเหวินโจวกำลังไล่ล่าบุคคลหนึ่งมันพลันปรากฏขึ้นปิดกั้นเส้นทางไว้ด้วยขวานสีเงินขนาดใหญ่เหวี่ยงลงด้วยพละกำลังมหาศาล เพราะมันคาดเดาไปเองว่าคนผู้นั้นคือหนึ่งในสมาชิกของกองโจรมายาเฉกเช่นเดียวกับมัน
หยางเหวินโจวกัดฟันอย่างหงุดหงิดเมื่อเขาคลาดสายตาจากร่างของไป๋เฉินไปภายในเสี้ยวลมหายใจ
หยางเหวินโจวฟาดฟันมีดสั้นไปยังทิศทางชายกำยำที่ปิดกั้นเส้นทางไว้ "ไสหัวไป!"
แต่ชายร่างกำยำกลับแสดงสีหน้าเย้ยหยันอย่างไร้ความกลัว "คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!"
"ตู้ม!"
"ตู้ม!"
ร่างทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่าอย่างดุเดือดราวกับเป็นเจ้ากรรมนายเวรแต่ชาติปางก่อน
ในขณะที่ชายร่างกำยำรับมืออยู่กับหยางเหวินโจวแทน ไป๋เฉินยังคงพุ่งผ่านด้วยความเร็วดุจเงาเข้าสู่กลุ่มของตระกูลหยางและเข่นฆ่าต่อไปอย่างไม่จบไม่สิ้น!
หากมีใครบางคนมองเห็นสถานการณ์จากด้านบนจะรับรู้ได้ว่า ทหารตระกูลหยางกว่าสองร้อยนายกลับถูกสังหารโดยไป๋เฉินแค่เพียงผู้เดียวภายในไม่ถึงสามนาที!
ทักษะการลอบสังหารมิได้มีเพียงแค่การเคลื่อนไหวอย่างหาตัวจับยากเท่านั้น แต่จำต้องสังหารเป้าหมายลงภายในหนึ่งกระบวนท่าถึงจะนับได้ว่าคนผู้นั้นคือนักฆ่ามือฉมังที่แท้จริง
และไป๋เฉินได้สังหารหมู่กว่าสองร้อยนายด้วยการลอบโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว ซ้ำยังเป็นจุดตายที่จะไม่มีการทุกข์ทรมานแม้แต่น้อย การลอบสังหารในครั้งนี้นับว่าอยู่เหนือกว่าเหตุผลทางตรรกะวิทยาไปโดยสิ้นเชิง
หากเป็นมฤตยูสีขาวแน่นอนว่าคงมิอาจทำเช่นนี้ได้ในชีวิตที่แล้ว แต่โลกนี้กลับมีสิ่งที่เรียกว่าพลังปราณ จึงสามารถรีดเค้นความสามารถที่ซ่อนอยู่ของมนุษย์ออกมาได้จนถึงขีดสุด