"ห๊ะ!" นักฆ่าทั้งเก้าสะดุ้งตัวโหยง หลวนซิงเป็นบุคคลแรกที่ตกเก้าจนแทบจะหัวฟาดพื้น
หลิวอี้หลิวอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อสายตา "ปะ-เป็นไปได้อย่างไร!"
ความจริงทุกอย่างถูกเฉลยออกมาบัดเดี๋ยวนั้น ท่านอาจารย์ที่เหล่านักฆ่าให้ความเคารพนับถือกลับกลายเป็นเพียงชายหนุ่ม!
พวกเขาจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มอย่างไม่กระพริบตา ร่างสีดำตรงหน้าของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้าที่กดทับพวกเขาอยู่
แต่ปรากฏว่าร่างนั้นคือไป๋เฉิน!
บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดดุจดั่งป่าช้า ไป๋เฉินวางหน้ากากไหมลงบนโต๊ะอย่างเรียบง่าย พลางแหงนหน้าขึ้นมาเผยให้เห็นนัยน์ตาสีเลือดอย่างเด่นชัด รวมถึงรอยยิ้มสุขุมที่มุมปาก "ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าไป๋เฉิน"
ริมฝีปากของหลวนซิงสั่นเครือ เบ้าตาของเขาแทบจะถลนออกมากลิ้ง "ทะ-ท่านอาจารย์คือ...ไป๋เฉินไร้ประโยชน์ผู้นั้น"
ไป๋เฉินพยักหน้าเบาๆอย่างเรียบง่าย "ถูกต้อง ข้าคือไป๋เฉินผู้ไร้ประโยชน์ที่เจ้ากล่าวถึงนั่นแหละ"
หลิวอี้หลิวรวมถึงนักฆ่าทั้งเจ็ดมองหน้าอย่างมิอาจคิดได้ว่าจะปฏิบัติตัวต่อไป๋เฉินอย่างไร
ก่อนหน้านี้เป้าหมายที่พวกเขาจำต้องสังหารที่ได้รับมาจากฉินฟงก็คือไป๋เฉิน แล้วไป๋เฉินมาเป็นผู้นำและถูกส่งมาโดยฉินฟงตามเนื้อหาในม้วนกระดาษได้อย่างไร?
ต่อให้คิดจนสมองระเบิดก็มิอาจรู้ได้ว่าเหตุการณ์มันจับพลัดจับผลูมาถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?
ซ้ำแล้วไป๋เฉินยังก่อวินาศสันตะโรทำลายล้างตระกูลหยาง! ฆ่าล้างสองกองกำลัง!
ทุกอย่างเกิดจากไป๋เฉินไร้ประโยชน์ที่ผู้คนต่างปรามาสผู้นั้น!
ไป๋เฉินไม่ปล่อยให้พวกเขารอนาน เขาเคาะโต๊ะเป็นจังหวะพลางถาม "เอาล่ะ ถึงเวลาตอบคำถามข้าแล้ว"
"วู้ม!!!"
รัศมีปราณสวรรค์ของฉางเฟิงและลุงเซี่ยแผ่นซ่านอย่างรุนแรง บรรยากาศกลางวันที่แดดจ้ากลับแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นยะเยือกจากก้นบึ้งของหัวใจ
ความหวาดกลัวฉายอยู่บนใบหน้าของทั้งเก้าคน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ภายในคำกล่าวของไป๋เฉินอย่างแจ่มแจ้ง
หากเจ้าเลือกฝ่ายของฉินฟงมีโอกาสสิบในสิบส่วนที่เจ้าจะตาย…
เพราะไป๋เฉินและฉินฟงไม่มีวันที่จะเป็นพันธมิตรต่อกัน หากพวกเขาให้การสนับสนุนฉินฟง พวกเขาคงจะไม่มีชีวิตรอดจากสถานที่แห่งนี้ไปได้...
แต่ไป๋เฉินกลับโบกมือให้แก่ฉางเฟิงและลุงเซี่ย เขากล่าวกับหลวนซิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "หากผู้ใดต้องการจากไปแต่ไม่เข้าร่วมกับฉินฟง ข้าจะไม่รั้งพวกเจ้าคนใดไว้ และข้าจะให้ทุนเจ้าหนึ่งก้อนในการเริ่มต้นชีวิตใหม่"
"พวกเจ้าลองตัดสินใจให้ดี" ไป๋เฉินยกชาเทลงถ้วยและจิบรออย่างใจเย็นราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อย
นักฆ่าทั้งเก้ามองหน้ากันแค่ครู่เดียวเท่านั้นและสามารถมองเห็นความแน่วแน่ที่ฉายผ่านดวงตาของทั้งหมด
พวกเขาเล็งเห็นแล้วว่าหากพวกเขาออกจากกลุ่มไป ชีวิตของพวกเขาจะกลับไปในรูปแบบเดิม
ภายในเวลาแค่สามวัน การสอนสั่งของไป๋เฉินได้เปิดโลกทัศน์ของพวกเขาไม่ว่าจะเป็นทักษะการเคลื่อนไหว รวมถึงการฝึกฝนประสาทสัมผัสเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดสามารถลอกเลียนแบบได้ และไม่เคยมีผู้ใดรับรู้ว่าการฝึกเพียงสามวันจะทำให้ความสามารถที่ซ่อนอยู่ของพวกเขาถูกดึงออกมาใช้งานได้ประสิทธิผลดีถึงเพียงนี้
และพวกเขาได้รับรู้แล้วว่าไป๋เฉินที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นกลับกลายเป็นว่าเขาคือเทพเจ้านักฆ่า!
ตลอดเวลาที่ผ่านพวกเขาคิดไปเองว่าไป๋เฉินเพียงต้องการปกปิดตัวตนเพื่อรอให้ถึงเวลาหนึ่งที่ต้องการ
และขณะนี้คือเวลาที่สุกงอมที่สุดในการเปิดเผยตัวตนเพื่อให้เกิดประโยชน์ในแผนการมากที่สุด
แม้นว่าฉินฟงเป็นเพียงผู้ชักชวนทั้งเก้าคนให้สร้างสมาพันธ์นักฆ่า แต่เงินและสมบัติที่ฉินฟงมอบให้เพียงพอต่อการใช้ชีวิตไปวันต่อวันเท่านั้น
แต่ไป๋เฉินได้ฝึกฝนให้พวกเขาเป็นนักฆ่ามืออาชีพ ได้ทั้งชื่อเสียงและความมั่งคั่ง คงไม่มีใครโง่พอที่จะไปตายพร้อมกันกับฉินฟงเป็นแน่
แม้นพวกเขาจะลังเลใจเล็กน้อย แต่พวกเขาพอจะคาดเดาได้ว่าต่อให้พวกเขาอยู่ฝั่งเดียวกับฉินฟงหรือเข้าไปช่วยเหลือ จุดจบก็คงไม่แตกต่างกัน...
นักฆ่าทั้งเก้าพลันพยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง "ข้าจะขอติดตามท่านอาจารย์ไปทุกหนแห่ง!"
"ยอดเยี่ยม" ไป๋เฉินพยักหน้าอย่างโล่งอกโล่งใจ
เขาได้ตัดสินใจบอกความจริงเกี่ยวกับตัวตนเพื่อที่จะชักจูงนักฆ่าทั้งเก้าหลังจากได้สอนสั่งทักษะมากมาย เพื่อเป็นการเหนี่ยวรั้งและมอบความหวังในชีวิตให้แก่พวกเขาได้พัฒนาในเส้นทางของนักฆ่า
จากความรู้สึกเคารพจะกลับกลายเป็นความผูกพันธ์ของพวกพ้อง แต่หากผู้ใดต้องการจากไป ไป๋เฉินจะไม่รั้งใครไว้แม้แต่ผู้เดียว
"พรึ่บ!"
ทันใดนั้นสายลมอ่อนๆโชยพัดมาเผยให้เห็นร่างในอาภรณ์สีชมพูยาวพริ้วไหวปรากฏขึ้นด้านหลังไป๋เฉิน กลิ่นหอมหวลราวกับบุปผานานาพันธุ์เข้าปกคลุมภายในห้องโถง
ร่างเพรียวบางสวมหน้ากากจิ้งจอกสีแดง ค่อยๆย่างกราย นางเข้าสวมกอดโอบรอบคอด้านหลังไป๋เฉินอย่างสนิทสนม "ไป๋เฉิน ข้ามาแล้ว"
"โอ้?" ฉางเฟิงและลุงเซี่ยรีบถอยออกไป ทั้งสองขยิบตาราวกับเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง
ไป๋เฉินอดไม่ได้ที่จะกลอกตา
ก่อนที่เขาจะหันกลับไปหานางด้วยรอยยิ้ม "ฉางเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ทุกอย่างเรียบร้อยดี พร้อมสำหรับการออกเดินทางได้ทุกเมื่อ" ฉางเอ๋อร์ยิ้มอย่างอ่อนหวาน นางค่อยๆนวดไหล่ผ่อนคลายให้แก่ไป๋เฉินราวกับเป็นศรีภรรยาที่ดี
"จิ้งจอกแดง!" หลวนซิงและหลิวอี้หลิวอุทานอย่างไม่เชื่อจนแทบจะล้มหัวฟาดพื้นไปอีกรอบ
นักฆ่าจิ้งจอกแดงที่แข็งแกร่งเช่นนั้นมีความสนิทสนมกับไป๋เฉินได้อย่างไร? วันนั้นไป๋เฉินยังถูกจิ้งจอกแดงผู้นี้ตามล่าอยู่เลยมิใช่หรือ?
สายตาของไป๋เฉินหันเหกลับมาเผยให้เห็นนัยน์ตาสีเลือด "ข้าจะไม่อธิบายเหตุการณ์ตั้งแต่แรกเริ่มเพราะมันเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ในเมื่อพวกเจ้าต้องการอยู่กับข้า เช่นนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเข่นฆ่า!"
นักฆ่าทั้งเก้าพยักหน้าอย่างหนักหน่วง
ไป๋เฉินอธิบายแผนการและการเคลื่อนไหวทั้งหมดให้แก่นักฆ่าทั้งเก้าอย่างละเอียดภายในเวลาไม่นาน
เขายืนขึ้นในท่วงท่าสง่างาม ในขณะเดียวกันหน้ากากไหมสีดำพลันสวมกลับคืนด้วยรอยยิ้มไม่แยแส "ไปกันเถอะ! ถึงเวลาชำระหนี้แล้ว!"
หลวนซิง หลิวอี้หลิวและนักฆ่าที่เหลือพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาพลันสวมอาภรณ์สีดำปกปิดร่างกายอย่างมิดชิด
.
.
.
~ ตระกูลหยาง ~
ร่างของฉินฟงนั่งอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ เบื้องหน้าของมันคือหยางลั่วที่กำลังขมวดคิ้วและทุบโต๊ะอย่างโกรธจัด "ไป๋เฉิน! ไอ้สารเลวนั่นอีกแล้ว!"
เห็นได้ชัดว่าฉินฟงมาเพื่อส่งข่าวเกี่ยวกับการตัดสินใจนิ่งดูดายของไป๋เฉินให้แก่หยางลั่ว
บัดนี้สถานการณ์สิ้นหวังของตระกูลหยางกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเชื่องช้า หากข่าวคราวเกี่ยวกับการตัดสินของไป๋เฉินแพร่งพรายออกไปว่าตระกูลฉินจะไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือตระกูลหยาง กองกำลังที่เป็นศัตรูทั้งหมดของตระกูลหยางไม่ลังเลเลยที่จะเคลื่อนทัพจู่โจมในยามที่อ่อนแอ
และขณะนี้ข่าวเกี่ยวกับการตัดสินใจของไป๋เฉินได้ถูกแพร่งพรายโดยใครบางคนอย่างสมบูรณ์ และฉินฟงจึงได้รีบนำข่าวนี้มาส่งต่อให้แก่หยางลั่วด้วยตัวของมันเองเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจครั้งสำคัญ
การตัดสินใจครั้งนี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์เพียงแค่สองแบบนั่นคือตระกูลหยางล่มสลายและฉินฟงต้องตาย!
หรืออีกประการคือตระกูลหยางรอดชีวิตและฉินฟงเข้าควบคุมตระกูลฉินแทนที่ไป๋เฉินโดยการก่อกบฏ!
เมื่อได้ฟังรายละเอียดทั้งหมดจากปากฉินฟง หยางลั่วโพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้ามืดมน "รอช้าไม่ได้แล้ว! ฉินเหยียนมีอาการป่วยเฉียบพลัน ฉินเฉิงออกจากตระกูลไปในเวลานี้ ไป๋เฉินขยะไร้ประโยชน์รับตำแหน่งผู้นำในยามที่การป้องกันของตระกูลฉินอ่อนแอที่สุด หากเราไม่ฉาบฉวยโอกาสนี้ หลังจากนี้คงจะไม่มีโอกาสในการดำเนินแผนการอีกต่อไป"
"เช่นนั้นเจ้าหมายความว่า?" ฉินฟงกล่าวถามด้วยแววตาสว่างวาบ
หยางลั่วพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม "หากรอช้าไปมากกว่านี้ตระกูลหยางจะไม่มีโอกาสในการตั้งตระหง่านภายในเมืองเทียนหยุนอีกเป็นครั้งที่สอง เพราะฉะนั้นหากเจ้าสามารถยึดครองตระกูลฉินและเข้ารับตำแหน่งผู้นำแทนฉินเหยียนได้ ตระกูลหยางของข้าจะได้อยู่รอดปลอดภัยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น"
"ข้าเชื่อว่าเหล่าผู้อาวุโสจำต้องฟังคำสั่งของเจ้าอย่างไม่มีทางเลือก เพราะฉินเหยียนอ่อนแอเกินกว่าจะเอาชนะทั้งเจ้าและข้า ซ้ำแล้วอีกสองสัปดาห์กว่าฉินเฉิงจะกลับมา! ไม่มีโอกาสใดที่เหมาะเหม็งเท่าตอนนี้อีกแล้ว"
ฉินฟงปรบมือด้วยสีหน้ายินดี "ถูกต้อง ก่อนที่ศัตรูของตระกูลหยางของเจ้าจะเข้ามาบุกรุกที่นี่ พวกเราจะฉวยโอกาสนี้ในการยึดครองตระกูลฉินเสียก่อน และหลังจากนั้นหากเจ้าและข้าได้ยึดครองตระกูลฉินได้แล้ว ศัตรูของเจ้าทั้งหลายคงไม่มีความกล้าอีกต่อไป"
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! นี่คือเนื้อที่ตกลงมาจากสวรรค์ชัดๆ" หยางลั่วหัวเสียงเสียงดังด้วยรอยยิ้มแสยะ
หยางลั่วลุกขึ้นพรวดด้วยสีหน้าเย็นชา พลันเป่าแตรสังข์ก้องกังวานไปทั่วอาณาบริเวณเป็นการเรียกรวมพลกองกำลังทั้งหมด
ฉินฟงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมก่อนจะส่งนกพิราบสื่อสารสามฉบับไปยังมุมต่างๆของเมืองเทียนหยุน ด้านในนั้นมีเพียงคำสั่งแค่สองประโยคเท่านั้น
"รวบรวมกองกำลัง! บุกยึดตระกูลฉิน!"