สามวันหลังคำเตือนของดวงแก้ว เงาก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
แต่คราวนี้...มันไม่เพียงเลื้อยตามผนัง ไม่เพียงแค่ซ่อนอยู่ในมุมมืด
มันเริ่มกัดกินคน
ชาววังคนหนึ่งถูกพบหมดสติริมกำแพงตะวันตก ใบหน้าเขาซีดเซียวราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง
ดวงตากลวงเปล่า ราวถูกดูดวิญญาณไปจนหมด
---
เว่ยหลงนำคนของเขาล้อมบริเวณไว้ ขณะดวงแก้วสำรวจร่องรอยพลัง
นางวางลูกแก้วจันทราลงบนพื้น และว่าคาถาโบราณจากเผ่าตนเบา ๆ
แสงในลูกแก้วสั่นสะเทือน ก่อนจะปล่อยภาพหนึ่งออกมา
เงาดำรูปมนุษย์ในชุดขุนนาง ยืนอยู่ในควันดำใต้พระราชวัง
เบื้องหลังเงานั้น...คือค่ายกลสลักด้วยหยกดำ ที่ไม่ควรมีในราชวังนี้
---
ดวงแก้วหน้าซีด
“มันอยู่ใต้พระราชวังจริง ๆ…”
“อะไรอยู่?” เว่ยหลงถามเสียงเข้ม
นางหันมา สบตาเขา
“ผู้ผนึกเงาคนแรกในตำนาน…ถูกทรยศและถูกฝังไว้ใต้ดินที่นี่ พร้อมคำสาปที่กลืนกินทุกอย่าง”
---
คืนนั้น ทั้งสองแอบลอบเข้าไปในอุโมงค์ใต้พระราชวัง
ระหว่างทาง พวกเขาพบตราสัญลักษณ์ของตระกูลขุนนางเก่า ที่ถูกลบชื่อจากประวัติศาสตร์เมื่อ 200 ปีก่อน
จนในที่สุดก็ถึงค่ายกลหยกดำ
ที่กลางค่ายกลนั้น มีร่างหนึ่งยืนอยู่—ร่างของชายที่ดูยังไม่ตาย แต่ก็ไม่ใช่คนมีชีวิต
เขามีผ้าคลุมยาว ผิวซีดขาว และดวงตาที่ว่างเปล่า
“เจ้าคือผู้สืบสายจันทรา…” เขากล่าวเสียงแผ่ว
ดวงแก้วก้าวออกมาข้างหน้า
“และข้าจะยุติเจ้า ณ ที่นี่ เพื่อไม่ให้เลือดของเผ่าข้า ต้องไหลอีกต่อไป”
---
การต่อสู้เกิดขึ้นทันที ค่ายกลสั่นสะเทือน พลังเงาปะทะแสงจันทรา เว่ยหลงเข้าช่วยอย่างกล้าหาญ ฟันตัดพลังเงาที่ล้อมรอบ
ดาบในมือดวงแก้วเปล่งแสงสว่างวาบ เมื่อมันเฉือนผ่านหัวใจของอดีตผู้ผนึก
เงาทั้งหลายร้องคำราม ก่อนสลายไปในเสียงเงียบงัน
เมื่อสงบลง...สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในอากาศ
คือความรู้สึกว่า…ศึกนี้ ยังไม่ใช่จุดจบ