ตอนที่ 4 [4-1]

เหม่ยฉีได้รับเงินคืนในวันถัดมา ถึงแม้ว่านางไม่ต้องการเงินจากท่านแม่ทัพเจี้ยนหยู่แม้สักตำลึงหรอก แต่เขามาถึงเรือนท่านหมอหลวงก็ตรงมาหานาง ยัดถุงเงินใส่มือนาง เอ่ยปากขอผ่อนจ่ายเป็นงวด ๆ ไป เขาติดหนี้นางมากกว่าหนึ่งมื้อ! บางมื้อท่านหมอหลวงก็ตามไปจ่ายให้เขา

นางเก็บถุงเงินสีทองเหน็บเอว ถือโอกาสชักชวนเขาเข้ามานั่งเจรจา นางนั่งห้อยขาอยู่บริเวณระเบียงเรือน แม่ทัพเจี้ยนหยู่นั่งบนตั่งไม้ ระหว่างเขาและนางมีโต๊ะกลมสำหรับวางถ้วยชา บ่าวรับใช้วางขนมต้อนรับแขกแล้วออกไป

“ท่านผู้ตรวจการเป็นผู้มีอำนาจ เขาคุ้มครองเจ้าได้หากวันหนึ่งบิดาของเจ้าไม่อยู่ดูแลเจ้า ลองไตร่ตรองดูให้ดี เจ้าไม่ควรตัดสัมพันธ์กับเขา”

“ไม่รู้ท่านรับหน้าที่เป็นพ่อสื่อตั้งแต่เมื่อไร ไยต้องมายุ่งวุ่นวายเรื่องการเลือกเฟ้นสามีที่เหมาะสมให้ข้าด้วย?”

“ข้าหวังดีกับเจ้า”

“ท่านเป็นแม่ทัพ ส่วนข้าเป็นบุตรีท่านหมอหลวง”

“ใช่ เจ้าเป็น...”

เจี้ยนหยู่ตอบได้ไม่เต็มปากว่าเขาไม่มีสิทธิก้าวก่าย เมื่อเขาปกป้องดูแลเยว่ฉีมาทั้งชีวิต

ใต้เหมันต์ร่วงหล่น สองสายตาสบประสานด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง เจี้ยนหยู่หลุบตามองบาดแผลบนคอเพรียวระหง เหลือเพียงรอยแดงจาง ๆ นางบอกว่าไม่เป็นไร นางมีสมุนไพรดี นางหยิบเสื้อคลุมหนาลายดอกบ๊วยมาคลุมกันหนาว

“ข้าเป็นคนปรุงยา ไม่ว่าภพชาติใดของข้า ปรารถนาจะอยู่กับยาพวกนี้ ข้าอาจมีชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ เพื่อรักษาผู้คน รักษาท่านแม่ทัพเจี้ยนหยู่”

“หมดยุคสมัยของหานหลิงเฟยแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องมาสนใจข้า ครั้งหนึ่งเจ้าเป็นผู้มอบอิสรภาพให้ข้าหลุดพ้นจากฮ่องเต้อำมหิต ข้าไม่อยากติดหนี้เจ้า... มากไปกว่านี้...”

หลังการก่อกบฏของหลานผู้แต่งตั้งตนเป็นฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน บ้านเมืองกลับมาสงบสุข แม่ทัพปีศาจได้รับอิสรภาพจากการไปออกรบเพื่อแลกสมุนไพรที่ทำให้เสพติด สกุลหยางแม้เป็นตระกูลหมอยา กลับมีส่วนร่วมในการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน โดยเฉพาะเยว่ฉี นางให้ความช่วยเหลือซวี่จิงตี้ในการก่อกบฏ

“ฝิ่น... หน้าที่ของข้า ไม่เพียงทำให้ท่านเลิกมัน ท่านจะมีสุขภาพแข็งแรงไปออกรบทำศึก ข้ารับพระบัญชาจากฮ่องเต้ด้วยความเต็มใจ ข้ายินดีรับใช้บ้านเมือง ต้าเหลียงเป็นบ้านของข้า ฮ่องเต้ตรัสอะไร ข้าเชื่อฟัง”

“ใช่แล้วล่ะ... เจ้ารับใช้ต้าเหลียง”

‘อะไรทำให้เจ้าต่อปากต่อคำไม่หยุด จะเอาชนะข้าให้ได้เลยงั้นหรือ?’ เขาไม่ได้เอ่ยออกไป ตั้งใจฟังนางเล่าถึงการเสียสละในฐานะมนุษย์ ในฐานะผู้ช่วยเหลือ นางไม่ใช่เยว่ฉีคนเดิมเพราะนางมีสำนึกรู้ในทางที่ดีกว่า

เกล็ดน้ำแข็งร่วงหล่นพาให้นางหายใจออกมาเป็นไอควัน เจี้ยนหยู่เฝ้ามองนางทอดสายตาไปข้างหน้า หัวคิดถึงถ้อยคำชื่นชมนับร้อยพัน บุรุษในเมืองกล่าวถึงความงามอันเด่นชัดของคุณหนูรองสกุลหยาง ทั้งผิวพรรณขาวผ่อง ริมฝีปากบางกระจับงาม ดั่งบุปผาสีชาดท่ามกลางฤดูเหมันต์

ยามนี้นางสวมผ้าขนสัตว์ฟูฟ่องอย่างคุณหนูผู้สูงศักดิ์ มีแต้มสีชาดเข้ากับต่างหูมุก เจี้ยนหยู่ผายมือไปข้างหน้า ก้อนไฟเล็ก ๆ ในอุ้งมือมอบความอบอุ่นให้แก่นาง แก้มสองข้างของนางยังคงเป็นสีแดงราวลูกตำลึงสุก

“ชีวิตมนุษย์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรักระหว่างหนุ่มสาวเพียงอย่างเดียว สิ่งเหล่านั้นเป็นความคิดของสตรีในอดีต หลายคนไร้วาสนาต่างจากข้า เป็นบุตรีท่านหมอหลวง เกิดบนกองเงินกองทอง กองตำรา สรรพวิชาแห่งความรู้ ข้าเองก็ไม่อยากต่อว่าพวกนางที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เป็นสตรีมีหน้าที่แต่งงาน สืบทอดทายาท สตรีมีหน้าที่เป็นแม่พันธุ์ เกิดมาเพื่อการสืบพันธุ์เท่านั้นหรือ?” อยู่ดี ๆ นางก็เอ่ยเสียงแข็ง เบือนหน้าหนีไป ไม่สนใจความเอาใจใส่เล็กน้อย ในเมื่อนางรู้แก่ใจดี แม่ทัพครึ่งอสรพิษผู้นี้คอยปกป้องนางอยู่ห่าง ๆ ต่อให้ไม่มีคำสั่งจากเบื้องบน เขาจะอยู่เคียงข้างนาง ปรารถนาให้นางเป็นสุขในที่ใดสักแห่ง ความหวังดีของเขานั้นอาจมากกว่าท่านผู้ตรวจการหลายเท่านัก

“ข้าเบื่อจะต่อคารมกับเจ้าแล้วเยว่ฉี บอกความจริงข้ามาเถอะ เจ้าไปทำอะไรมา เจ้าจำได้ไหม? เจ้าพูดกับข้าว่าเจ้าจะแต่งงานกับคุณชายหลิว”

“ข้าจำได้” นางย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ‘แล้วข้าก็อยากตบปากตัวเองด้วย!’

สีหน้าร้ายกาจของนางเสมือนคนสำนึกผิด นางนึกถึงข้อความในนิยาย เยว่ฉีวิ่งจากบ้านไปถึงกระโจมท่านแม่ทัพเพื่อทำร้ายน้ำใจเขา...

คืนนั้นเหมันต์ไม่หยุดลงสักชั่วขณะหนึ่ง ทั่วทั้งเมืองต้าเหลียงปกคลุมด้วยสีขาวโพลน เหน็บหนาวถึงขั้วกระดูก

เยว่ฉีเข้าไปในกระโจมแม่ทัพทั้งลมหายใจหอบเหนื่อย นางถอดผ้าคลุมขนสัตว์วางไว้บนโต๊ะไม้กลม ตะโกนอย่างดีใจ ‘ข้ากำลังจะแต่งงานกับท่านผู้ตรวจการ คุณชายสามสกุลจาง!’

นัยน์ตาสีดำสนิทแปรเปลี่ยนเป็นสีชาด ใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่เคยนิ่งเฉยเย็นชาปรากฏความผิดหวัง แต่ก็เพียงไม่นาน เจี้ยนหยู่เสแสร้งยิ้ม มองความสดใสภายในดวงตาของนางด้วยหัวใจที่เจ็บปวด เค้นน้ำเสียงสั่นเทาออกมา ‘ข้ายินดีกับเจ้าด้วย เยว่ฉี’

เหม่ยฉีคิดมาถึงตรงนั้น นางถอนหายใจ “เฮ้อ... เอาเป็นว่าข้าจะทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ดีกว่าไปรับใช้คนคนเดียว ท่านลืมเรื่องคุณชายหลิวไปได้ละ”

“เจ้าแต่งงานไป เจ้าก็ปรุงยาได้ เรือนท่านผู้ตรวจการกว้างขวางใหญ่โต บ่าวรับใช้มากมาย เจ้าจะได้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ”

“ท่านรู้หรือว่าข้าต้องการอะไร?” นางท้าทายบุรุษข้างกายด้วยรอยยิ้ม แต่นางเอาแน่เอานอนไม่ได้ อาทิตย์ก่อนนางกล่าวว่านางปรารถนาจะแต่งงานกับชายผู้เป็นที่รัก ตอนนี้นางกลับกลายเป็นอีกอย่าง นางลุกขึ้นทำท่าเข้มแข็งอย่างนักแสดง “แม่ทัพตายในสนามรบเช่นไร ลมหายใจสุดท้ายของข้า ขออยู่กับกองยาสมุนไพร ข้าจะอยู่เคียงข้างบิดาและท่านแม่ทัพเจี้ยนหยู่ ผู้อื่นไม่อยู่ในสายตาของข้าอีกต่อไป!”

“พูดเรื่องไร้สาระอะไรของเจ้า?”

“ไม่ใช่ปัญหาของท่าน เป็นการตัดสินใจของข้า ไม่มีสิทธิมาบังคับจิตใจข้า ท่านอย่าเสียเวลาเลย คราวนี้ข้าไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด นี่ก็ดึกมากแล้ว...” เหม่ยฉีประสานมือไว้ด้านหน้าอย่างนอบน้อม นางยังคงเป็นคุณหนูรองที่ดุดันเด็ดขาด ไม่โอนอ่อนตาม นางเชิดหน้าใส่แม่ทัพใหญ่ “พบหน้ากันไม่พูดเรื่องคนรัก หัวใจข้าเลือกเอง อาฮั่น อาจู่ ส่งแขก” ไม่ทันที่นางจะเรียกบ่าวรับใช้ชายสองคน แม่ทัพเจี้ยนหยู่ลุกขึ้นยืนสุดความสูง หน้าตาของเขาดุดันไม่แพ้นาง

“ไม่ต้องส่ง ข้ากลับเอง”

“เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะใต้เท้าเจี้ยน”