“สิ่งที่เห็นด้วยตาอาจไม่ใช่ความจริงเสมอไป ตอนนี้ดวงตาข้ามองเห็นชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร หากอาวุโสบังคับข้าให้แต่งงานกับชายที่ข้าไม่ได้รัก ข้าจะขึ้นเขาเทียนซานไปบวชชี สร้างโรงปรุงยาเล็ก ๆ ห่างไกลเมือง เมื่อไรเป็นแม่ชี ข้าจะเปิดโรงหมอคอยช่วยเหลือผู้ยากไร้”
“เจ้าฝันเลอะเทอะ เยว่ฉี ฮ่องเต้คงยอมให้เจ้าไปหรอก”
“ว่าแต่ข้าเลอะเทอะ ท่านเองก็เมาแล้วสมองเลอะเลือนเจ้าค่ะใต้เท้า วันนี้ข้าจัดยาบำรุงกำลัง ยาสมานบาดแผล ยาพวกนี้หากใช้ไม่หมด แบ่งทหารของท่านไปบางส่วนได้ ท่านกินข้าวกินยาให้ครบมื้อด้วย”
“รู้ไหมว่าข้าแสนเบื่อหน่าย... มนุษย์หมออย่างพวกเจ้า”
เจี้ยนหยู่มองค้อนนาง กลับทำเป็นไม่สนใจ นางก้มหน้าจัดยา แจงรายละเอียดเรื่องการกินอาหารเป็นยาอย่างเคร่งครัด ยาต้มสมุนไพรกลิ่นขมคอโชยมาแตะปลายจมูก เขาหน้าตาไม่พอใจเป็นเด็กเล็ก
นับร้อยปีในต้าเหลียง หาได้มีใครกล้าออกคำสั่งกับเขาไม่ เห็นจะมีแต่พวกหมอ... สกุลหยาง
ไม่บิดาก็บุตรสาว ไม่บุตรสาว ก็หมอสักคนในโรงปรุงยานั่น! มันน่าโมโห!
เหม่ยฉียั่วโทสะใต้เท้าแล้วหัวเราะ แม่ทัพขี้เมาเลยหันมาเอาเรื่องนาง ข่าวลือดังกระฉ่อนไปทั่วเมืองในชั่วข้ามคืน ชาวบ้านนินทากันอย่างได้อรรถรส แม่ทัพปีศาจกับบุตรีท่านหมอหลวงกอดกันตัวกลมประหนึ่งสามีภรรยาที่พรากจากระหว่างสงคราม นางมีใจให้แม่ทัพเจี้ยนหยู่จึงทอดทิ้งผู้ตรวจการหนุ่มอย่างไร้เยื่อใย ไม่แม้จะไปรอรับรถม้าของเขากลับเข้าเมือง ผู้ตรวจการก็คงจะไปเมาสุราในโรงเตี๊ยมเช่นเคย
แม่ทัพเจี้ยนหยู่ถามนางซ้ำซากเรื่องแต่งงาน ทำไมนางไม่มีสามีไปเสียที ใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนในวัง ขอเพียงเป็นบุรุษที่ดี ดูแลนางได้ เมื่อไรนางมีความสุข มีทายาท เขาจะได้จากไปโดยไร้กังวล
“บนภูเขามีป่าไม้สวยงาม ธรรมชาติอันเงียบสงบ ควรค่าแก่การเป็นยายชี ข้าจะโปรยทานช่วยเหลือผู้ยากไร้บนภูเขาในวัดเทียนซาน เป็นไปได้ว่าข้าอาจบำเพ็ญเพียรเป็นเซียน มิฉะนั้นก็เดินสายมาร โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน”
“ใครจะอยากบวชชีจนแก่ตายบนเขา ไม่เข้าท่า แล้วเจ้าจะเป็นเซียนหรือมาร เอาให้แน่ เจ้าเสียสติไปแล้วรึไง?”
เหม่ยฉียกมือป้องปากหัวเราะ ไม่เถียงใต้เท้าสักคำ ยิ่งเขาพูดจาด้วยอารมณ์อย่างมีอรรถรสยิ่งเสียกว่าชาวบ้านนินทาเรื่องผู้อื่นเสียอีก
แม่ทัพเจี้ยนกล่าวว่าถึงไม่ใช่มนุษย์อย่างไรเขาก็กล้าเอ่ยเต็มปาก นั่นไม่ควรเป็นความฝันของหญิงสาว สำหรับชนชาวเมืองแล้วการบวชชีเป็นหนทางสุดท้ายของผู้กระทำผิดจนครอบครัวตัดขาด นางสนมที่ไม่มีโอรส-ธิดาถูกขับไล่ให้ไปบวชชี นางสนมที่องค์ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ ให้เลือกตายหรือบวชชีเพื่อสวดมนต์ให้ฮ่องเต้องค์ใหม่ พวกนางจำใจขึ้นเขาไปบวชชี ลูกผู้ดีมีสกุลรุนชาติเช่นนางควรแต่งงานกับบุรุษในชนชั้นเดียวกัน สืบทอดทายาทให้วงศ์ตระกูล
“โธ่... ใต้เท้าเจ้าขา เหม่ยฉีขอความกรุณา หยุดยุ่งเรื่องของข้าเถิด หน้าที่ของคนไข้คือกินยาตามแพทย์สั่ง นัดหมายของท่านเป็นอาทิตย์หน้า”
“เจ้า... จะไปไหน ทำไมจึงต้องเป็นอาทิตย์หน้า?” น้ำเสียงสั่นเทาเจือความหวาดกลัว บุรุษที่กอดไหสุราแน่นแม้สติไม่ครบถ้วนกลับสังหรณ์ใจไม่ดี คะยั้นคะยอถามนางจะไปที่ไหน นางเพียงลุกขึ้นเดินไปยกถ้วยยามาบังคับให้เขาดื่ม
“ข้าถามเจ้า เหม่ยฉี ทำไมเจ้าไม่ตอบข้าสักเรื่อง!?” ใต้เท้ายกไหสุราขึ้นกระดก น้ำข้าวฟ่างไหลผ่านคางไปถึงอก หญิงสาวที่นั่งข้างกันถลึงตามองลูกกระเดือก ขยับทีหนึ่ง หัวใจดวงน้อยพาลเต้นระรัวแรง นางยกมือลูบแก้มร้อนผ่าวทั้งสองข้าง แม้ไม่ได้แตะต้องสุราสักหยด!
“ต่อไปนี้ข้าจะไม่กินยาของเจ้า บอกความจริงข้ามา…”
“งั้นเอาแบบนี้ดีหรือไม่? ท่านดื่มยาหมดหนึ่งถ้วย ข้าตอบท่านหนึ่งคำถาม” พูดแล้วนางวางถ้วยยาบนหางสะอาด สบนัยน์ตาสีชาดด้วยแววตาที่ยื่นเงื่อนไข “หาไม่แล้วก็ไม่ต้องเจรจา ข้าจะไปตามทางของข้า”
“เยว่ฉี!”
แม่ทัพเจี้ยนหยู่ดื่มสุราจนหมดไห โวยวายเรียกหาตงฟางให้ยกสุราชั้นดีเข้ามาไม่ทันไร ช้อนยาจากมือเรียวมาเลื่อนมาถึงปาก นางนับ ‘หนึ่ง... สอง...’ เท่านั้น ริมฝีปากหนาก็ครอบช้อน แม่ทัพในคราบอาชาพยศกลายเป็นเด็กน้อยว่านอนสอนง่าย เขาจ้องนางด้วยนัยน์ตาสีชาด
“เหม่ยฉี... บ้านเดิมของเจ้า เคยบอกข้าว่าเจ้าจากมาจากที่ไหน... เจ้าหมายถึงอะไร?”
“เป็นสถานที่แสนไกล ในอนาคตข้างหน้า บ้านเมืองสงบสุข ทว่าลำบากยากเข็ญ เงินสำคัญกว่าการมีชีวิต หากไม่มีเงิน จังหวะก้าวเดินก็ยากเย็น”
“เจ้ามีครอบครัวหรือไม่?”
สีหน้าจริงจังของแม่ทัพใหญ่ทำให้นางไตร่ตรองว่าควรพูดกับเขาดีหรือไม่ นางถอนหายใจ ยื่นช้อนยาให้เขาอีกคำ ในเมื่อนางรับปากไปแล้ว...
“ข้าเป็นเด็กกำพร้าผู้ชื่นชอบวิชาแพทย์ ทั้งแผนโบราณ แผนปัจจุบัน ข้าเสียบิดามารดาไปตั้งแต่ยังเล็กนัก จึงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเพื่อเป็นผู้ปรุงยา เพื่อเอาชนะความยากจน ข้าเป็นคนธรรมดาที่อยากมีชีวิตดี ๆ ข้าเคยมีบิดาเป็นศัลยแพทย์ วันหนึ่งเขาก็พาข้ากลับมา...”
“ไท่ซือจิ่วพาเจ้ามา… จากที่นั่นหรือ?”
“เจ้าค่ะ เขาเป็นบิดาที่เสียชีวิตไปของข้า ที่นี่ควรเป็นบ้านข้าในทีแรก”
“เจ้า... ไม่ใช่เยว่ฉี?”
ทั้งสีหน้าและแววตาผิดหวังของแม่ทัพเจี้ยนหยู่ทำร้ายนางยิ่งนัก นางกัดริมฝีปากจนเป็นห้อเลือด จะว่าเอามีดกรีดกลางอกทั้งที่หัวใจยังเต้น ก็ว่าได้...
ความเงียบงันเข้าปกคลุมชั่วขณะ นัยน์ตาสีชาดประกายก้าวร้าวพลันปิดลง
เหม่ยฉีรีบคว้าไหสุราจากอ้อมแขนแข็งแรง ไม่ให้มันกลิ้งหล่นลงพื้น ค่อยขยับเข้าไปหาใบหน้าหล่อเหลาที่หลับใหลในนิทรา กวาดสายตาดูให้แน่ใจว่ายานอนหลับในปริมาณขนาดใช้ล้มม้าทั้งตัวใช้ได้ผลกับแม่ทัพปีศาจ นางเอามือวางล้อมรอบกรามแกร่ง เรือนผมยุ่งเหยิงสีเงินพัวพันในซอกนิ้วของนาง “คราวนี้ข้าจะวางเดิมพันทั้งหมดที่มี ใต้เท้าของข้า... ได้โปรดรักษาตัวด้วย”