ตอนที่ 030

ตอนที่ 30 มาอีกหนึ่งท่าน

เยว่เยว่ลูกสาวของหลิวเหวินอิงเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย มาหลบอยู่ที่ข้างหลังเธอ กอดขาของเธอเอาไว้ โผล่หน้าน้อยๆ ออกมาเพียงครึ่งหน้าด้วยความเขินอาย จ้องมองเจ้าแมวสยามและเจ้าซามอยด์ที่กระโดดร่าเริงไปมา และกัดนิ้วมือของตัวมองเบาๆ

จางจื่ออันได้สังเกตเห็นเยว่เยว่ ถามว่า “เอ่อ นี่คือลูกสาวของคุณ?”

หลิวเหวินอิงทั้งรักทั้งรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาว เจอใครก็ชม เธอไม่รู้ว่าทำไมจางจื่ออันถึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แต่ก็ดึงตัวลูกสาวออกมาจากด้านหลังด้วยความดีใจมาก นั่งลงยองๆ ลูบหัวของลูกสาว พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เยว่เยว่ รีบทัก...ไอ้หยา ควรจะเรียกพี่ชายหรือเรียกคุณลุงนะ...” เธอหัวเราะด้วยความลำบากใจนิดหน่อย

จางจื่ออันก็นั่งยองๆ ลงครึ่งหนึ่ง รักษาระดับสายตาให้อยู่ในระดับเดียวกันกับเยว่เยว่ หัวเราะแล้วพูดว่า “เยว่เยว่ หนูชอบแมวไหม!”

เยว่เยว่เขินอายมาก แต่ว่าก็ยังออกแรงพยักหน้า พูดด้วยเสียงเล็กๆ “อยากได้แมวคะ...”

“อย่างนี้นี่เอง...”

ในตอนนี้เอง ด้านนอกประตูมีเงาคนโยกไหว กระดิ่งที่แขวนอยู่มือจับประตูดังขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มคนหนึ่งผลักประตูและเดินเข้ามา

เอ๋ มาอีกหนึ่งคนแล้ว?

ตามทฤษฎีแล้ว อย่างน้อยที่สุดเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของลูกค้าที่เข้าร้านขายสัตว์เลี้ยงจะเป็นเพศหญิงและเด็ก จำนวนของลูกค้าเพศชายมีน้อยมาก ถ้าหากจะมีปกติแล้วก็จะเป็นคนพาแฟนสาวที่เกลียดทุกสิ่งที่มีชีวิตมาด้วย หรือว่าพาลูกสาวและภรรยามาด้วยหน้าตาที่มีความสุข ชายหนุ่มวัยรุ่นที่มาลำพังเพียงมีค่อนข้างน้อย

ชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่สวมเสื้อร่มพร้อมหมวกที่ไม่สอดคล้องกับกระแสนิยมของกลุ่มเบสบอล ต้องรู้ก่อนว่าสภาพอากาศของข้างนอกตอนนี้เพิ่งจะพ้นจากช่วงเวลาปิดเทอมฤดูร้อน สาวๆ ที่น่ารักยังคงสวมกางเกงขาสั้น กระโปรงสั้นๆ สาวขาเรียวยาวๆ ไล่ตามความทรงจำในฤดูร้อนอยู่เต็มถนน แต่สภาพอากาศแบบนี้ยังสวมเสื้อร่ม ถ้าไม่บ้าก็โง่แล้วล่ะ!

จางจื่ออันตัดสินใจอยู่เงียบๆ ถึงแม้ว่านายจะร้อนจนตับแลบ ฉันก็จะไม่เปิดแอร์ให้หรอก ให้นายเป็นบ้าถูกฟ้าผ่าไปเลย!

หมวกเบสบอลทั้งสี่ด้านของชายหนุ่มกดลงต่ำมาก ราวกับว่าจะตั้งใจหลบสายตาจากจางจื่ออัน หลังจากที่เดินเข้าประตูมากวาดสายตาเพียงนิด ก็เดินไปที่ส่วนของเครื่องใช้สัตว์เลี้ยง หันหลังให้คนอื่น

จางจื่ออันชูนิ้วกลางอยู่ในใจอย่างเงียบๆ ที่นี่ก็ไม่ใช่กลุ่มของพวกใต้ดินในภาพยนตร์สงครามโจรกรรมอะไร จะต้องทำตัวโอเว่อร์ขนาดนี้เพื่อ?

"เถ้าแก่?” หลิวเหวินอิงเขาเหม่อลอย จึงอดไม่ได้ที่จะเรียกสติ

จางจื่ออันหลุดจากภวังค์ ไม่สนใจชายหนุ่มแปลกประหลาดคนนั้นชั่วคราว พูดกับหลิวเหวินอิงว่า "ถ้าหากว่าคุณอยากจะซื้อแมว ผมขอแนะนำ เจ้าแมวสยามตัวนี้"

เขาเชียร์ขายเจ้าแมวสยามของตนอย่างสุดพลัง

หลิวเหวินอิงไม่เข้าใจและไม่ยินดีเล็กน้อย เธอได้ยินมาว่าบางร้านก็เป็นเช่นนี้ คุณบอกสินค้าอย่างหนึ่งไป ผลก็คือทางร้านกลับมีเล่ห์เหลี่ยมให้คุณซื้อสินค้าอีกอย่างหนึ่งที่ราคาสูงกว่า เธอย่นคิ้วถาม "แมวสยามเท่าไหร่คะ?”

"สี่พัน"

เธอยิ่งไม่เข้าใจมากกว่าเดิม เถ้าแก่คนอื่นมักจะขายในราคาแพงอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำไมเด็กหนุ่มคนนี้กลับเสนอขายในราคาที่ถูก? หรือว่าแมวสยามตัวนี้จะมีโรคซ่อนอยู่ ดังนั้นเถ้าแก่จึงต้องรีบขายออก?

ไม่แปลกเลยที่เธอจะมองโลกในแง่ร้าย การตลาดในปัจจุบันก็เป็นเช่นนี้ ร้านค้าน้อยใหญ่มักจะปลอมแปลงและหลอกลวงอยู่ตลอด ผู้คนฝังใจแล้ว จึงไม่กลัวที่จะนำเจตนาที่ร้ายที่สุดมาคาดคะเนร้านค้าเหล่านี้

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอยิ่งมั่นใจในความคิดของเธอ สีหน้าปฏิเสธอย่างแน่วแน่ "ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันอยากได้แมวบริติชขนสั้น"

จางจื่ออันไม่ได้สนใจต่อการเปลี่ยนใจของเธอ พูดด้วยอารมณ์สงบเยือกเย็น "คุณอยากได้แมวบริติชขนสั้นก็ย่อมได้ แต่ผมพิจารณาถึงลูกสาวของคุณถึงได้เสนอแมวสยามให้ครับ"

หลิวเหวินอิงกอดลูกสาวเอาไว้โดยสัญชาตญาณ ราวกับกลัวว่าจะมีใครมาทำร้ายลูกของตน น้ำเสียงยิ่งเพิ่มความไม่เกรงใจเข้าไปทุกที "คุณหมายความว่าอย่างไร?”

จางจื่ออันอธิบาย "ผมไม่รู้ว่าคุณมีความเข้าใจต่อแมว สองสายพันธุ์นี้มากเท่าไหร่ พวกมันล้วนเป็นแมวบ้านที่ดีมากเลยทีเดียว มีความเป็นตัวเองมาก จึงมีคนชอบมันมาก แต่ว่า..." เขาหยุดชั่วคราว "แมวสายพันธุ์นี้ยังมีข้อแตกต่างกันนิดหน่อย"

หลิวเหวินอิงระงับอารมณ์โกรธไว้ไม่ให้กำเริบ คำพวกนี้ไม่ดูไร้สาระไปหน่อยหรือ แมวบริติชขนสั้นและแมวสยามก็ต้องมีข้อแตกต่างกันอยู่แล้ว ลักษณะภายนอกก็ไม่มีตรงไหนที่เหมือนกันสักอย่าง เรื่องพวกนี้ยังต้องพูด? เธอคิดในใจ

จางจื่ออันกล่าวว่า "ถ้าหากคุณเป็นคนเลี้ยงผมก็จะแนะนำแมวบริติชขนสั้น แต่ว่าเมื่อมีลูกสาวของคุณอยู่ แมวสยามน่าจะเหมาะสมมากกว่า ถ้าจะพูดถึงเหตุผลแล้ว ก็ง่ายมาก ก็เพราะว่าเจ้าแมวสยามเหมาะที่จะกลายเป็นคู่หูของลูกน้อยมากกว่า"

"แต่ฉันเห็นแมวบริติชขนสั้นก็เชื่องดีนะคะ?” หลิวเหวินอิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

"ในธุรกิจขายสัตว์เลี้ยงมีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่า 'จะเลือกแมวให้ดูจากลักษณะนิสัย จะเลือกสุนัขให้ดูจากลักษณะภายนอก' ความหมายของคำพูดนี้ก็คือ ลักษณะภายนอกและรูปร่างของสุนัขแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกันสุดๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นลักษณะนิสัยของสุนัขสายพันธุ์ใดก็จะมีลักษณะนิสัยที่คล้ายกันมาก ล้วนแต่จงรักภักดีต่อเจ้าของ มีความกระฉับกระเฉงมีพละกำลัง ต้องการให้เจ้าของเล่นกับมันบ่อยๆ ดังนั้นจึงเลือกจากลักษณะที่คุณชอบก็พอแล้ว แล้วแมวล่ะ กลับตรงกันข้าม ลักษณะภายนอกของแมวไม่ว่าจะสายพันธุ์ใด ล้วนแล้วแต่น่ารักแอ๊บแบ๊ว แต่นิสัยกลับแตกต่างหลากหลายเหมือนกับมนุษย์ แมวบางตัวก็ชอบเล่นกับเจ้าของ บางตัวก็จะเย็นชามาก ถึงแม้ว่า ลักษณะที่ไม่เหมือนกันในแมวสายพันธุ์เดียวกัน นิสัยก็มีความแตกต่างกัน ดังนั้นหากจะเลือกแมวต้องคิดให้ดีก่อนว่าคุณอยากจะได้แนวที่มีลักษณะนิสัยแบบใด"

"แมวบริติชขนสั้นเชื่องมากก็จริง แต่ถ้าพูดถึงความแรงกระฉับกระเฉงของเด็กแล้ว แมวบริติชขนสั้นจะเชื่องเกินไป นิ่งมากเกินไป ไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องพละกำลังและความอยากรู้ได้ นิสัยของแมวสยามจะอ่อนโยนมาก จงรักภักดีต่อเจ้าของ มีความกระปรี้กระเปร่า มีฉายา 'สุนัขในหมู่แมว' สามารถเป็นเพื่อนเล่นกับลูกน้อยได้"

จางจื่ออันพูดต่อ " 'เชื่อง' เป็นความคาดหวังของคุณ แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นความคาดหวังของเด็กๆ ระดับความอดทนและสมาธิของเด็กไม่ได้สูงขนาดนั้น แมวที่เชื่องเกินไปนิ่งเกินไปจะทำให้พวกเขาหมดความสนใจในเวลาอันรวดเร็ว ในเมื่อคุณตัดสินใจที่จะซื้อแมว ผมจึงแนะนำเจ้าแมวสยาม สำหรับเด็กเล็ก หากโตไปด้วยกันกับแมวสยามแล้วก็จะมีความสุขมากกว่า"

ไม่รู้ว่าจะเป็นภาพหลอนหรือไม่ หางตาของจางจื่ออันเหมือนจะชำเลืองเห็นหมวกทั้งสี่ด้านของชายหนุ่มลึกลับเลื่อนขึ้นเลื่อนลงเบาๆ เหมือนกับว่าเห็นด้วยกับคำอธิบายของเขา

"ขอบคุณมากนะคะเถ้าแก่ ขอบคุณจริงๆ! นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเจ้าของร้านที่มีความรับผิดชอบขนาดนี้!" ตาของเธอแดงเล็กน้อย พูดจากใจจริง

เติ้งเจี๋ยยืนดูอยู่ข้างๆ ที่ไม่เอ่ยคำพูดใดก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก พูดตามความจริง สัตว์เลี้ยงของที่นี่มีน้อยมาก ถ้าหากไม่ได้เข้ามากับหลิวเหวินอิง เธอคงจะไม่เกรงใจ ไม่ทักทายแล้วก็ออกจากร้านไปเลย เธอคงจะหันหน้ากลับไปนานแล้ว ตอนนี้เธอรู้สึกยินดีกับตัวเองมากที่ยังไม่ไป เพราะว่าวันนี้เธอเดินดูร้านขายสัตว์เลี้ยงมาหลายร้าน รวมถึงร้านขายสัตว์เลี้ยงฝานซิงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง พนักงานของร้านค้าเหล่านั้นเสนอขายสัตว์เลี้ยงให้เธออย่างเอาเป็นเอาตาย คุยโม้ว่าสัตว์เลี้ยงของตนอยู่สวรรค์ยังหาได้ยาก บนโลกก็อย่าหวังเลย เหลือก็แต่จะควักหัวใจออกมาให้เธอดูแล้ว...

แต่ทว่า ไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ ทันทีที่เปรียบเทียบทัศนคติของพนักงานเหล่านั้นกับจางจื่ออัน ใครพูดความจริง ใครกำลังพูดโกหก มองปราดเดียวก็แทบจะรู้ทันที จางจื่ออันแสดงความคิดเห็นอย่างจริงใจเปิดเผย สมเหตุสมผล ทำให้ผู้คนเชื่อถือและศรัทธา ทั้งยังไม่พูดเลี่ยงข้อเสียของแมวบริติชขนสั้น...ที่จริงก็ไม่ถือว่าเป็นข้อเสีย เพียงแค่แมวบริติชขนสั้นเหมาะกับผู้ที่บรรลุนิติภาวะที่มีความสามารถในการจัดการตนเองเลี้ยงก็เท่านั้นเอง

ความซื่อสัตย์จริงใจ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดล้วนคุ้มค่าที่จะให้เกียรติและนับถือ