ตอนที่ 26 ร้านอัญมณีหลงเฟิ่ง
ในฐานะที่เป็นพนักงานขายคนใหม่ ซูหมิ่นมักถูกสอนมาว่าต้องเคารพผู้อาวุโส เชื่อฟังผู้ที่ตำแหน่งสูงกว่า ดังนั้นเมื่อมีลูกค้าเข้ามาในร้าน เมื่อเห็นว่าเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อก็มักจะถูกเหล่าผู้อาวุโสดึงไปทุกที โดยเฉพาะเวลาผู้ชายที่อายุสามสิบไปจนถึงห้าสิบที่มากับสาวมหา’ลัยอายุประมาณยี่สิบเข้าร้านมา...แต่ถ้าดูแล้วเป็นพวกที่มีเงินในกระเป๋าเพียงน้อยนิด จึงจะถูกแนะนำมาให้เธอต้อนรับ
เมื่อเงินเดือนออก เห็นเหล่าผู้อาวุโสพวกนั้นได้เปอร์เซ็นต์มากกว่า เธอก็ทำได้เพียงกลืนน้ำตาลงท้องอยู่ในใจ
เธอทำงานที่ร้านอัญมณีหลงเฟิ่งมาแล้วสามเดือน ซูหมิ่นไม่เพียงแค่จะเก็บเงินไม่ได้ แต่กลับต้องเพิ่มเข้าไปอีกไม่น้อย
ถึงแม้ที่ร้านจะมีสวัสดิการเรื่องชุดทำงาน แต่เครื่องสำอางและน้ำหอมก็ยังต้องซื้อเอง
ในตอนแรกเธอซื้อเครื่องสำอางและน้ำหอมราคาถูกที่ผลิตในประเทศมา แต่กลับถูกผู้จัดการที่มีประสาทรับกลิ่นไวราวกับสุนัขได้กลิ่นเข้า บังคับให้เธอเปลี่ยนเป็นยี่ห้อที่ใช้
เงินเดือนพื้นฐานหนึ่งพันสองร้อย เบี้ยขยันสองร้อย เบี้ยเลี้ยงเครื่องสำอางหนึ่งร้อย
เงินหนึ่งร้อยหยวนจะซื้อเครื่องสำอางอะไรได้?
ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าค่อนข้างน้อย คู่รักวัยรุ่นคู่หนึ่งที่เดินเข้ามาก่อนหน้านี้ ก็ถูกผู้อาวุโสโหม่วพาไปแล้ว ถึงแม้ว่าคู่รักวัยรุ่นจะมีกำลังซื้อไม่มาก แต่ความต้องการในการซื้อสูงมาก แม้จะเป็นเงินอันน้อยนิดแต่ก็ยังเป็นเงินนี่นา ซูหมิ่นเห็นผู้อาวุโสโหม่วพยายามตีสนิทคนที่เป็นผู้หญิงราวกับเป็นเพื่อนรักคนสนิท กระชับความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว เอ่ยชมผู้หญิงคนนั้นอย่างเอาเป็นเอาตายว่าเธอสวย ผิวก็เนียนขาว ถึงแม้ในสายตาของซูหมิ่นผู้หญิงคนนั้นก็มีหน้าตาสะสวยธรรมดาทั่วไป
คู่รักคู่นี้น่าจะเป็นเด็กมหาวิทยาลัย ใบหน้าที่ยังเด็กมีความอ่อนต่อโลก ไหนเลยจะอดทนต่อปากหวานๆ ของผู้อาวุโสโหม่วได้? ผู้อาวุโสแนะนำแหวนทอง 18K ฝังเพชรราคาสามพันแปดร้อยแปดสิบแปดหยวนให้แก่หญิงสาว แหวนบางมาก เม็ดเพชรก็เล็กมาก แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังคงเป็นแหวนเพชร ถ้าเป็นของปลอมก็สามารถนำมาเปลี่ยนได้
ถ้าการขายครั้งนี้สำเร็จ ผู้อาวุโสโหม่วก็จะได้รับเปอร์เซ็นต์ประมาณหนึ่งร้อยหยวน
ซูหมิ่นใจลอยอยู่นาน ความต้องการของเธอก็ไม่มีอะไรมาก ขอแค่สามารถทำเงินได้แบบนั้นทุกวัน ก็จะมีเงินเดือนถึงสี่พันห้าร้อยหยวน อาจจะไม่สูงมาก แต่อยากน้อยก็พอได้เลี้ยงตัวเอง ไม่ต้องแบกหน้ากลับไปขอเงินที่บ้านอีก
พวกผู้อาวุโสได้กินเนื้อ หากเป็นเช่นนี้แม้กระทั่งน้ำซุปก็ไม่เหลือไว้ให้เธอ
สายตาของเด็กหนุ่มมหา’ลัยหันไปมองดูที่ป้ายราคาของแหวน อดไม่ได้ที่จะสีหน้าเปลี่ยน ถึงแม้ว่าปากจะไม่ได้พูดอะไร แต่เหงื่อตรงขมับก็ไหลออกมาทรยศเขาเสียแล้ว แฟนสาวของเขาต้องมนตร์ของผู้อาวุโสโหม่วเข้าเสียเต็มประดา นัยน์ตาเปล่งประกายความแวววาวออกมา ซูหมิ่นมองเห็นในสายตาของเธอถูกเติมเต็มด้วยแหวนเพชรน้อยวงนี้ ไม่สามารถบรรจุสิ่งใดลงไปได้อีก
“อันอัน เค้ารู้สึกว่าแหวนวงนี้ไม่ค่อยสวยนะ ตัวเองคิดว่าเป็นอย่างไร? หรือว่าเราจะไปดูวงอื่นอีกไหม ตัวเองว่าแหวนทองวงนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?” เด็กหนุ่มมีความพยายามสูงมาก แต่ก็คิดที่จะเปลี่ยนความสนใจของแฟนสาวแบบโง่ๆ ดึงแขนเสื้อของเธอไปทางแหวนทองบริสุทธิ์ที่มีเกสรดอกไม้อยู่บนหัวราคาสองพัน หนักไม่ถึงหกกรัม
ปกติแฟนสาวของเขาจะเอาใจใส่เป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับชักสีหน้าใส่เขา “ไม่เอา ทองมันธรรมดาเกินไป!”
ผู้อาวุโสโหม่วพูดขำๆ”ก็ใช่น่ะสิ หนูยังวัยรุ่นอยู่ขนาดนี้ จะมาใส่แหวนทองได้อย่างไร นั่นมันสำหรับป้าแก่ๆ แบบพวกฉันถึงจะใส่”
เพราะราคาของทองคำโปร่งใสมาก ค่ากำเหน็จก็ไม่สูง เปอร์เซ็นต์ที่ได้ของทองเนื้อเรียบๆ พวกนี้จะน้อยมาก แหวนทองวงนี้น่าจะได้เปอร์เซ็นต์อยู่ที่ยี่สิบหยวน หรือบางทีอาจจะไม่ถึง
เหงื่อของเด็กหนุ่มชัดเจนและเห็นได้ง่ายแล้ว เหมือนกับคนที่กระหายน้ำใกล้ตายอยู่กลางทะเลทรายเลียริมฝีปากที่แห้งเหือดอย่างต่อเนื่อง
“อันอัน วันนี้ก่อนออกมาเราตกลงกันไว้แล้วใช่ไหม? ว่าแค่มาเดินเล่นเรื่อยเปื่อย...” เขาพยายามกดเสียงให้ต่ำลง แทบจะอ้อนวอนต่อแฟนสาว
“แต่เค้าชอบวงนี้มาก!” วันนี้แฟนสาวดื้อรั้นเป็นพิเศษ น้ำเสียงค่อนข้างสูง
แฟนหนุ่มใบหน้าแดง แดงไปกระทั่งใบหู บนแว่นตามีหมอกบางๆ คลอขึ้น
“ถ้างั้น เราไปดูหนังกันดีไหม? ตัวเองพูดอยู่ตลอดว่าชอบดูหนังรักโรแมนติกเรื่องนั้นมากไม่ใช่เหรอ? เราไปดูหนัง ซื้อป๊อปคอร์นถังใหญ่ๆ สักถัง ดูหนังเสร็จก็ไปหาข้าวเที่ยงกินกัน ตัวเองว่าดีไหม?”
“เค้ากำลังลดน้ำหนัก” แฟนสาวยื่นริมฝีปากล่างพูด แสดงความไม่พอใจ
แฟนหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไร “อันอัน หุ่นของตัวเองกำลังพอดีแล้ว ไม่เห็นต้องลดน้ำหนักเลยนี่...”
ซูหมิ่นอดทนดูไม่ได้อีกต่อไป
ประตูร้านเปิดแล้ว ผู้อาวุโสหมายเลขสองที่ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกำลังอยู่ในสถานะเตรียมพร้อมรอโอกาสกำลังจะก้าวไปข้างหน้า หลังจากนั้นก็หดเท้ากลับเข้ามาทันที แสร้งทำเป็นไม่เห็น และกลับมาอยู่ในสถานะเตรียมพร้อมอีกครั้ง
หัวหน้าพนักงานขายที่อยู่ด้านหลังจึงผลักซูหมิ่นไปนิดหนึ่ง “ทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบออกไปต้อนรับลูกค้าอีก”
ซูหมิ่นไม่ทันได้ตั้งตัว ก้าวออกไปข้างหน้าทันที อีกนิดหนึ่งก็จะชนกับลูกค้าที่เพิ่งเข้าประตูมา
“ขอโทษนะคะ ขอโทษค่ะ!” เธอตะลีตะลานรีบขอโทษ
ลูกค้าคนใหม่เป็นชายหนุ่มวัยรุ่นผมสั้นคนหนึ่ง ด้านบนสวมเสื้อเชิ้ตลายทแยงของร้านยูนิโคล่ ที่เธอรู้เพราะร้านขายส่งอยู่ร้านถัดไป ด้านล่างสวมกางเกงยีนเป็นยี่ห้อที่ไม่รู้จัก มีเพียงรองเท้าผ้าใบของนิวบาลานซ์ที่แพงนิดหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นของแท้หรือของปลอม ได้ข่าวว่ายี่ห้อนี้มีของปลอมเยอะกว่าของแท้เสียอีก...มือขวาของเขากำลังถือโทรศัพท์เหมือนกับว่ากำลังหาอะไรสักอย่าง ที่หู คอ มือและข้อมือล้วนไม่มีเครื่องประดับใดๆ
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะหน้าตาดีอยู่นิดหนึ่ง ถ้าหากแต่งกายสไตล์สบายๆ เดินอยู่บนถนนคงจะทำให้คนคิดว่าเป็นชายหนุ่มที่มีออร่าคนหนึ่ง แต่ความหล่อและออร่ากินได้ไหม? ซูหมิ่นเองก็ไม่ใช่พืชผักที่อาศัยแสงเพื่อช่วยให้เจริญเติบโต...
สายตาของซูหมิ่นไม่เฉียบแหลมเท่ากับเหล่าผู้อาวุโส แต่เธอเองก็คิดว่ากำลังซื้อและความต้องการซื้อของชายหนุ่มผู้นี้ใกล้เคียงกับศูนย์...
ในฐานะที่เป็นคนโสดคนหนึ่ง ทั้งชีวิตจางจื่ออันไม่เคยเข้าร้านขายเพชรพลอย พอเข้าร้านมาก็เกือบถูกความเหลืองอร่ามแวววาวของทองไทเทเนียม 24K สไตล์การตกแต่งส่องแสงทำให้ตาเกือบบอด ถ้าไม่ใช่เพราะได้อัปเกรดสไตล์ที่แอปเปิลสโตร์มาก่อนแล้ว เกรงว่าจะอดใจไม่ได้จริงๆ!
แสงกะพริบต่อเนื่อง ดวงตาของเขาเพิ่งฟื้นสภาพกลับมาจากแสงทองโชติช่วงของพวกเศรษฐี ทันใดนั้นก็หันไปเห็นคู่รักวัยรุ่นกำลังพะเน้าพะนอกันอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ดวงตาก็กะพริบอีกเป็นครั้งที่สอง!
ท่ามกลางความเจ็บปวดอย่างรุนแรงของดวงตาทั้งสองที่กำลังจะมีน้ำตา เขามองผ่านโทรศัพท์เห็นแมวตัวหนึ่งนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ร้านอัญมณีสไตล์ตกแต่งครบถ้วน ขณะที่เขาคิดที่จะเข้าไปดูให้ละเอียดนั้น ซูหมิ่นก็พรวดพราดเข้ามาทันที เกือบจะชนเข้ากับเขาแล้ว ขณะเดียวกันก็ปิดขวางกล้องโทรศัพท์ของเขาอยู่
“คุณผู้ชาย อยากจะดูอะไรสักหน่อยไหมคะ?” เธอถาม บนใบหน้าของซูหมิ่นมีรอยยิ้มของอาชีพการขายประดับอยู่
“ของที่ผมอยากดูถูกคุณขวางอยู่” จางจื่ออันตอบอย่างจนปัญญา
“เอ๊ะ?” ถึงแม้ซูหมิ่นจะได้รับการฝึกมาให้สามารถรับมือกับปัญหายากๆ ได้ แต่ปัญหานี้ก็ยังทำให้เธอตะลึงได้
จางจื่ออันเห็นว่าหญิงสาวกำลังตกตะลึง จึงย้ายตนเองไปอยู่ข้างๆ
นั่นเป็นภูตสัตว์เลี้ยงจริงๆ ด้วย หากใช้ตาเปล่าจะมองไม่เห็น แต่กลับมองเห็นได้ผ่านเกมไล่ล่า
หากใช้คำนี้มาเปรียบกับแมวตัวนี้คงจะดูแปลกประหลาดอยู่บ้าง แต่เมื่อมองเห็นแมวตัวนี้ คำแรกที่แวบเข้ามาในหัวของจางจื่ออันก็คือ ‘สง่าผ่าเผย’