ตอนที่ 020

ตอนที่ 20 การล้มลงของโดมิโนกระดานที่หนึ่ง

มีสุภาษิตกล่าวไว้ว่า ทุกๆ เรื่องมักจะยากเมื่อเริ่มต้น แต่หากเริ่มต้นดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง

ในขั้นตอนการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเมื่อสักครู่ บนใบหน้าของจางจื่ออันอาจจะดูผ่อนคลายสบายๆ ไม่ตึงเครียดและพูดอย่างฉะฉาน แต่ที่จริงแล้วภายในใจเขาตื่นเต้นมาก โชคยังดีที่ถือว่ายังจัดการได้อย่างราบรื่น นับว่าเป็นการสร้างประสบการณ์การซื้อของที่ดีให้แก่ลูกค้าอยู่ไม่น้อย

แต่สิ่งที่น่าเสียดายเพียงสิ่งเดียวคือเป็นการชำระเงินผ่านระบบอินเทอร์เน็ต จึงอดเพลิดเพลินกับการนับธนบัตร

"ฮู้!" เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ อยู่สองสามครั้ง เพื่อควบคุมจิตใจให้เย็นลงบ้าง

เพียงแค่หันหน้าไป ก็พบกับซิงไห่ที่นอนม้วนอยู่ในเปลกำลังหลับสนิทอยู่อย่างเงียบๆ การพูดคุยกับลูกค้าเมื่อสักครู่แทบจะไม่รบกวนมันเลย

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดเข้าเกม

"ผู้ชี้แนะ ฉันมีเรื่องอยากจะขอคำแนะนำ"

ผู้ชี้แนะ : พูดมาเลยจ้า ฉันยินดีให้คำแนะนำคุณทุกเมื่อ

"อืม..." เขาคิด "สัตว์เลี้ยงจำพวกภูตสัตว์เลี้ยงนี่ ในเมื่อไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง ก็คงจะไม่สามารถป่วยได้สินะ?”

ผู้ชี้แนะ : ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติก็ไม่

"ยังมีสถานการณ์พิเศษ?”

ผู้ชี้แนะ : ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงเสมือนจริงหรือสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิต เมื่อถูกผู้เล่นจับได้ ก็สามารถใช้ร่างจริงๆ ดำรงอยู่ในสภาพแวดล้อมจริงๆ ของโลกได้ ดังนั้นจึงสามารถได้รับบาดเจ็บ หรือแม้กระทั่งอาจตายได้

อารมณ์ตื่นเต้นดีใจของจางจื่ออันเมื่อสักครู่หายไปจนหมดสิ้น เขามองดูเจ้าซิงไห่ด้วยความเป็นห่วง "งั้นคุณสามารถตรวจดูสภาวะของซิงไห่ได้ไหม? ฉันรู้สึกว่ามันไม่มีแรงอยู่บ่อยๆ ปกติมันไม่เคยหลับลึกขนาดนี้"

ผู้ชี้แนะ : แมวนำโชคของคุณไม่ได้บาดเจ็บ และก็ไม่ได้ป่วยด้วย เพียงแค่เหนื่อยนิดหน่อยเพราะใช้ความสามารถพิเศษ ตอนนี้กำลังพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย

"ความสามารถพิเศษ? คุณกำลังพูดถึงอะไร?”

ผู้ชี้แนะ : มันเพิ่งจะสอดแนมอนาคต ทำให้คลื่นฟังก์ชันของอนาคตหลอมรวมเกิดเป็นไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อตัวคุณ ไม่ต้องเป็นห่วง จากการสอดแนมอนาคตในช่วงเวลาสั้นๆ ขอบเขตของผลกระทบนั้นน้อยมาก ความสมบูรณ์ของร่างกายมันจึงเปลี่ยนเป็นไม่มีแรง แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ

จางจื่ออันกำโทรศัพท์แน่น "มาพูดล้อเล่นอะไรกัน! จะมาบอกไม่ให้ฉันเป็นห่วง? จะมาใช้ความสามารถตามอำเภอใจเพื่อเรื่องเล็กๆ พวกนี้... "

เขาตบขาตัวเองฉาดใหญ่ "หรือว่าฉันจะไร้น้ำยา คิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องให้แมวตัวเล็กๆ มาเป็นกังวลเพราะฉัน!”

เขาตั้งปณิธานแน่วแน่ "ซิงไห่ ฉันจะต้องพิสูจน์ให้เธอเห็นให้ได้ ถึงแม้จะไม่ต้องพึ่งความสามารถพิเศษของเธอ ฉันก็จะทำให้ร้านขายสัตว์เลี้ยงยิ่งใหญ่และมั่นคงให้ได้!”

จ้าวฉีถือกระเป๋าแมว กลับถึงบ้านด้วยความตื่นเต้นดีใจ

เธอเช่าอพาร์ทเม้นชั้นสูงห้องหนึ่ง มีสองห้องนอน หนึ่งห้องรับแขก

เจ้าแมวบริติชขนสั้นตัวนี้เป็นสีเทาฟ้า ดังนั้นเธอจึงตั้งชื่อให้มันว่า ‘หลานหลาน’ (พ้องเสียงกับคำว่าสีฟ้าในภาษาจีน)

ในขณะที่รอลิฟต์ ที่หน้าประตูลิฟต์นอกจากเธอแล้วยังมีคุณแม่ท่านหนึ่งที่มีลูกมาด้วย ลูกอายุน่าจะประมาณสี่ห้าขวบ มือข้างหนึ่งถูกแม่จูงไว้ ส่วนในมืออีกข้างหนึ่งถือแก้วโยเกิร์ตที่กำลังกินอยู่

จ้าวฉีเคยพบสองแม่ลูกไม่กี่ครั้ง แต่เพียงแค่พยักหน้าทักทายกัน ยังไม่เคยได้พูดคุยกันสักครั้ง ไม่รู้จักชื่อ รู้เพียงแค่ว่าเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ชั้นบนสักห้องหนึ่ง

กระเป๋าแมวและเด็กอยู่สูงในระดับเดียวกัน หลานหลานคงจะได้กลิ่นของโยเกิร์ต จึงเข้ามาใกล้ช่องตาข่ายข้างกระเป๋า ดวงตาสีเหลืองเขียวกำลังจ้องมองแก้วโยเกิร์ตที่อยู่ในมือของเด็กน้อย

เด็กน้อยตะลึงจนลืมกินโยเกิร์ต

"แม่! แม่! แมวน้อย!” เด็กน้อยแกว่งมือของหญิงผู้เป็นแม่

แม่ก้มหน้าลงมองก็เห็นใบหน้ากลมๆ เล็กๆ ที่อยู่หลังช่องตาข่าย

"โอ้ แมวน้อยจริงๆ ด้วย! แมวน้อยน่ารัก! ไม่ส่งเสียงร้องแม้แต่นิดเดียว!” แม่ก็นั่งยองๆ ลงมา โอบกอดลูกน้อยเอาไว้ พูดชมหลานหลานไม่ขาดปาก

จ้าวฉีก็รู้สึกว่าเหมือนตนเองถูกชมไปด้วย เก็บความอิ่มอกอิ่มใจบนใบหน้าไว้ไม่อยู่ เธอรู้สึกว่าเงินที่จ่ายไปเจ็ดพันหยวนคุ้มค่าแล้ว เธอเสียเลือดเสียเนื้อซื้อกระเป๋ากุชชี่ใบละหมื่นกว่าหยวน เมื่ออยู่ในลิฟต์ยังไม่เคยถูกทักว่า "กระเป๋าของคุณใบนี้สวยมาก" แบบนี้เลย อย่างมากก็แค่ได้รับการกดถูกใจเมื่ออวดบนหน้าไทม์ไลน์วีแช็ตเท่านั้น

"คุณคะ นี่คือแมวอะไร? ทำไมสวยขนาดนี้? แถมยังไม่ดื้ออีกด้วย?” คุณแม่ท่านนั้นถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม

"นี่คือแมวบริติชขนสั้นค่ะ แมวตัวนี้ไม่ดื้อเลยจริงๆ ค่ะ" จ้าวฉีพูดราวกับกำลังชมลูกของตน

"อ๋อ เป็นแมวพันธุ์ต่างประเทศเสียด้วย คงจะแพงน่าดูเลยนะคะ?”

"ก็แพงพอตัวค่ะ ซื้อมาหกพันหยวน"

"แหม มิน่าล่ะ คุณภาพตามราคา ต้องไม่เหมือนกับพวกแมวที่กระโดดไปกระโดดมาส่งเสียงร้องวุ่นวายในเขตเล็กๆ อยู่แล้ว คล้ายกับกุลสตรีเสียมากว่า"

"แม่ หนูอยากได้..." เด็กน้อยกัดนิ้วมือทั้งห้า ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังกำลังมองแม่อยู่

"เด็กดี พวกเราไม่ต้องการ" แม่รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ปลอบลูกน้อย

"ไม่นะ ก็หนูอยากได้..." ลูกน้อยเริ่มงอแง

"แหม ลูกคนนี้นี่จริงๆ เลย...เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด...สองวันก่อนก็อยากได้ตุ๊กตาบาร์บี้..." แม่รู้สึกลำบากใจมาก และรู้สึกกลุ้มนิดหน่อย

"ไม่เอาบาร์บี้...หนูอยากได้แมว..." เด็กน้อยพยายามแสดง

การโกหก

ที่เป็นความสามารถพิเศษของตนออกมาอย่างเต็มที่

จ้าวฉียิ้มกว้างพูดว่า "ฉันซื้อจากร้านบนถนนจงหัว อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เจ้าของร้านก็เป็นมิตรมาก ถ้าคุณมีเวลาก็พาลูกแวะไปดูได้นะคะ"

แม่พยายามหัวเราะแล้วพูดว่า "พูดแบบไม่ปิดบังเลยนะคะ เมื่อก่อนไม่เคยเลี้ยง เลยกลัวว่าจะเลี้ยงได้ไม่ดี"

จ้าวฉีกล่าว "ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันก็เพิ่งเคยเลี้ยงครั้งแรก ถ้าคุณอยากจะซื้อจริงๆ พวกเราอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงเมื่อมีเวลาว่างก็สามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเลี้ยงแมวได้ค่ะ"

คุณแม่ก็เกิดความคิดจะเปลี่ยนใจขึ้นมาบ้างแล้ว ปกติแล้วเธอก็อยู่กับลูก พ่อของเขางานยุ่ง เวลาที่จะเล่นด้วยกันกับลูกก็มีไม่มาก ลูกน้อยอาจจะเหงาบ้าง เธอครุ่นคิด หากซื้อแท็บเล็ตให้ลูกเล่นเกมราคาก็ประมาณสามสี่พันหยวน และอาจจะส่งผลกระทบต่อสายตาได้ คงไม่สู้ซื้อลูกแมวหรือลูกสุนัขไว้เล่นกับลูกน้อย

"งั้นคุณบอกที่อยู่กับฉันได้ไหมคะ ถ้าฉันมีเวลาจะพาลูกแวะไปดูสักหน่อย" ในที่สุดแม่ก็พูดออกมาแล้ว

เด็กน้อยส่งเสียงร้องแสดงความดีใจ "เย้! ซื้อแมวเหมียว! ซื้อแมวเหมียว!”

จ้าวฉีกล่าว "เอาอย่างงี้ คุณเพิ่มวีแช็ตฉัน หากมีอะไรสงสัยถามฉันได้เสมอค่ะ"

"อ้อ งั้นก็ขอบคุณคุณมากๆ เลยนะคะ"

"ไม่เป็นไรค่ะ คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ก็เราเป็นเพื่อนบ้านกันนี่นา" จ้าวฉีรู้สึกสบายใจมาก อารมณ์โกรธที่ทะเลาะกับผู้ช่วยเปี่ยวก็หายไปไกลจนสุดขอบฟ้า ถ้าหากไม่ได้ซื้อแมวตัวนี้มา เมื่อพบกับสองแม่ลูกในวันนี้ ก็คงยังพยักหน้าทักทายกันอยู่เป็นแน่ ตลอดชีวิตนี้อาจจะไม่ได้คุยกันเลยก็เป็นได้

เธอรีบส่งข้อความวีแช็ตไปหาจางจื่ออัน "ฉันได้แนะนำลูกค้าให้คุณไป ไม่ต้องเก็บค่าจัดส่งปลายทางแล้วนะคะ"

จางจื่ออัน "...ค่าจัดส่งยังต้องจัดเก็บปลายทาง ถ้าหากขายได้สำเร็จผมจะส่งอั่งเปากลับไปให้คุณ"

จ้าวฉีขำหนักมาก เถ้าแก่คนนี้ดูน่าสนใจมาก

ลิฟต์มาแล้ว เธอและสองแม่ลูกก็ขึ้นลิฟต์ไปด้วยกัน ถึงชั้นที่เธอพักอยู่แล้ว ประตูลิฟต์เปิดออก เธอและสองแม่ลูกต่างก็บอกลากัน

ล้วงกุญแจ เปิดประตู เข้าห้อง

ก็เหมือนกับหญิงสาวโสดทั่วไป ภายในบ้านของเธอไม่ถือว่ารกมาก แต่ยังห่างไกลจากมาตรฐานของคำว่าสะอาดเรียบร้อยอยู่ ถึงอย่างไรก็เป็นห้องเช่า อีกทั้งยังไม่ใช่ห้องที่ตนซื้อเอง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บจนสะอาดขนาดนั้น

เธอเอากระเป๋าแมววางไว้บนพื้น ถอดเสื้อคลุมออก เปลี่ยนไปสวมรองเท้าแตะ

"หลานหลาน นี่คือบ้านของเราชอบไหม?” เธอเปิดกระเป๋าแมวออก เอาเจ้าแมวบริติชขนสั้นเข้ามากอดไว้ในอ้อมอกเบาๆ

คล้ายกับกลุ่มก้อนขนเล็กๆ อุ่นมากจริงๆ