0008 หนีออกจากบ้าน

บทที่ 8 : หนีออกจากบ้าน

เมื่อถึงการสอบครั้งต่อมา อวิ๋นตั่วสอบได้ 58 คะแนน และเธอก็ดีใจเป็นอย่างมาก

สือเหยียนมาหา และถามเธอว่า “สอบได้กี่คะแนน”

“58” อวิ๋นตั่วตอบพร้อมกับหัวเราะออกมาคิกคัก

สือเหยียนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนที่สอบได้แค่ 58 แล้วยังจะตื่นเต้นดีใจแบบนี้ได้อยู่อีก

เธอกลับไปบอกจ้าวเยว่ว่า “หนูว่าสมองของอวิ๋นตั่วต้องมีปัญหาแน่ๆ เลยค่ะ เธอสอบได้แค่ 58 คะแนน แต่กลับไม่มีท่าทางเสียใจเลยสักนิด”

“เด็กบ้านอวิ๋นสองคนนั้นติดนิสัยเสียๆ มาจากชูยินหมดแล้ว” จ้าวเยว่พูดกับสือหยวน “คาบกุญแจทองมาเกิด แต่กลับไม่คิดที่จะแสวงหาความก้าวหน้า”

“ความทะเยอทะยานของแต่ละคนน่ะไม่เหมือนกัน เรื่องแบบนี้มันไปดึงดันบังคับกันไม่ได้หรอก”

“เสียดายก็แต่ธุรกิจใหญ่โตของอี้ฟาน จะหวังพึ่งอวิ๋นเฉียวก็คงไม่น่าจะได้เรื่อง”

คำพูดเรื่อยเปื่อยเหล่านี้ถูกแม่บ้านมาได้ยินเข้า และนำไปเล่าต่อกันไปจนรู้ถึงหูของชูยินในที่สุด

แรกเริ่ม ชูยินโมโหที่จ้าวเยว่พูดจาใจร้ายแบบนั้น ต่อมาเธอก็โมโหลูกๆ ของตัวเองที่ไม่เอาไหนเรื่องการเรียน และสุดท้าย ก็พาลโมโหอวี่เจ๋อที่สอนพิเศษได้ไม่ดี

“ฉันว่าอวี่เจ๋อเด็กเกินไป ไม่เหมาะที่จะเป็นครู สอนกันมานานขนาดนี้แล้ว แต่อวิ๋นตั่วก็ยังสอบไม่ผ่านอยู่ดี” ชูยินพูดกับอี้ฟาน

อี้ฟานที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ไม่ได้ตอบรับอะไรกลับมา

ชูยินเดินไปหยุดลงตรงหน้าสามี แย่งหนังสือพิมพ์ในมือของฝ่ายนั้นมา “ฉันกำลังพูดกับคุณอยู่นะคะ ไม่ได้ยินหรือไง”

“หืม?” อี้ฟานไม่ได้ยินจริงๆ นั่นแหละ

“เราหาครูคนใหม่ให้อวิ๋นตั่วเถอะค่ะ”

“อวี่เจ๋อก็สอนดีมากแล้วนะ”

“แต่คราวนี้ตั่วเอ๋อร์สอบได้แค่ 58 คะแนนเองนะคะ”

“จาก 27 เป็น 58 แค่นี้ก็ถือว่าก้าวหน้าไปเยอะแล้ว”

“แต่สือเหยียนสอบได้ 100 เต็มอีกแล้ว”

“ให้เวลาตั่วเอ๋อร์หน่อยสิ เรื่องเรียนมันไม่ใช่เรื่องที่ปุปปัปจะเก่งขึ้นมาได้ทันทีนะคุณ มีใครที่ไหนกลืนมหาสมุทรได้หมดในอึกเดียวกันล่ะ”

“แต่ฉันก็ยังคิดว่าเราน่าจะหาครูคนใหม่ให้ตั่วเอ๋อร์อยู่ดี อวี่เจ๋อเรียนม.ปลาย แค่เรื่องเรียนของตัวเองก็หนักพอแล้ว แบบนี้จะมีเวลามาทุ่มเทสอนตั่วเอ๋อร์ได้ยังไง ลูกเราน่ะยังเด็ก ถ้าเราวางแผนดีๆ ตอนนี้ก็ยังไม่สาย การเติบโตของเด็กมีโอกาสแค่ครั้งเดียว ดูอย่างอวิ๋นเฉียวสิคะ ถ้าอยากจะแก้ปัญหามากมายของเขาตอนนี้ ก็คงไม่รู้แล้วว่าต้องเริ่มจากตรงไหน”

“ก็ได้ อย่างนั้นเรื่องนี้คุณก็จัดการเลยแล้วกัน” อี้ฟานแสดงความเห็น

“อย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันจะให้คนติดต่อหาครูสอนพิเศษที่มีประสบการณ์มาสักคนก็แล้วกันนะคะ”

“แล้วแต่คุณเลย”

ประตูถูกผลักเปิดออก อวิ๋นตั่วยืนอยู่ตรงนั้น เธอมองพ่อกับแม่ของตัวเองด้วยความไม่พอใจ

“หนูไม่เปลี่ยนครูคนใหม่ ถ้าพ่อกับแม่ให้ครูคนอื่นมาสอน หนูจะหนีออกจากบ้าน!”

“ตั่วเอ๋อร์ อย่าพูดกับพ่อแม่แบบนี้สิลูก” ชูยินเดินเข้าไปกอดลูกสาว “ทุกอย่างที่พ่อกับแม่ทำ ทำเพราะหวังดีกับลูกทั้งนั้นนะ”

อวิ๋นตั่วดันคนเป็นแม่ออก แล้วหมุนตัวเดินเข้าห้องตัวเองไป

เธอนอนไม่หลับ...พลิกตัวไปมา แต่ไม่ว่ายังไงก็หลับตาไม่ลงสักที

เธอตัดสินใจหนีออกจากบ้าน แต่งตัวเรียบร้อย หยิบเป้มาพับเสื้อผ้าสองสามชุดใส่ลงไป เอาเงินไปด้วยอีกนิดหน่อย เพราะถ้าจะนั่งรถ ก็จำเป็นต้องจ่ายเงิน และที่ขาดไม่ได้ น้องกระต่ายตัวน้อย เพราะถ้าไม่มีน้องกระต่าย เธอก็จะนอนไม่หลับ จากนั้นก็ไปเอากล่องโดนัทในห้องครัว เธอต้องเอามันไปด้วย ไม่อย่างนั้น ถ้าหิวขึ้นมาเธอจะทำยังไงล่ะ?

เมื่อเดินผ่านห้องกินข้าวไปก็เป็นระเบียงทางเดิน ฝั่งหนึ่งเป็นผนังกระจก แสงจันทร์เย็นๆ สาดส่องเข้ามาภายในบ้านราวกับเป็นชั้นน้ำค้างแข็ง

ผ่านห้องรับแขกไปที่ประตู เขย่งเท้าเปิดประตูใหญ่ที่หนาหนัก

ในสวนดอกไม้ปกคลุมไปด้วยความมืด ดอกไม้สีสวยกำลังหลับสนิท

ประตูใหญ่ของบ้านเป็นประตูเหล็กสูง เธอเปิดไม่ได้ ทำอย่างไรดีล่ะ ดูเหมือนแผนการหนีออกจากบ้านต้องพังลงแน่ๆ แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าที่กำแพงรั้วมีช่องเล็กๆ สำหรับสุนัขอยู่ หากออกไปจากตรงนั้น ต้องสำเร็จแน่ๆ

อวิ๋นตั่วกะตำแหน่งของช่องที่ว่านั่น มุดผ่านพุ่มดอกไม้ไป ก็พบช่องสำหรับสุนัขตัวน้อยพอดี ไม่รู้ว่าใครเอาหินมาอุดไว้ เพียงแค่ออกแรงนิดหน่อยก็สามารถดันมันออกไปได้ เธอเอากระเป๋าเป๋กับกระต่ายน้อยออกไปก่อน จากนั้นก็ค่อยตามออกไป แต่เพราะความอ้วนของตัวเอง ทำให้ออกไปได้ครึ่งเดียวก็ไปต่อไม่ได้ เด็กน้อยพยายามบิดตัวไปมา จนค่อยๆ ออกมาได้ในที่สุด ถึงได้ถอนหายใจโล่ง

ถนนบนเขาของเขตคฤหาสน์นั้นคดเคี้ยว แต่ก็เป็นถนนลาดยาง ไม่ได้ขรุขระอะไร แต่ด้วยเพราะต้นไม้ที่ขึ้นอยู่สองข้างทาง ที่ราวกับเป็นกำแพงกั้นแสงจันทร์ให้ส่องมาไม่ถึงตัวถนน ทำให้ถนนในมืดอยู่แล้ว ยิ่งมืดมากขึ้นไปอีก แต่ก็ยังโชคดีที่ทุกต้นไม้สองต้น จะมีเสาไฟคั่นไว้อยู่ ถึงไฟจะสลัวเต็มที แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย