0007 ผู้มีปณิธานอันเด็ดเดี่ยว ย่อมจะประสบผลสำเร็จในชีวิต

บทที่ 7 : ผู้มีปณิธานอันเด็ดเดี่ยว ย่อมจะประสบผลสำเร็จในชีวิต

ตั้งแต่เด็กมาแล้ว อวิ๋นตั่วมีศัตรูอยู่หนึ่งคน นั่นก็คือ สือเหยียน สือเหยียนวาดรูปได้ดีกว่า เล่นเปียโนก็เก่งกว่า เขียนหนังสือก็สวยกว่า และสอบแต่ล่ะครั้ง ก็ยังได้หนึ่งร้อยคะแนนเต็ม

เธอรู้สึกว่าสือเหยียนนั้นน่ากลัว เหมือนกับฝ่ายนั้นจะไม่ใช่คน ก็คนที่ไหนจะสอบได้คะแนนเต็มทุกทีแบบนั้นล่ะ

“ตั่วเอ๋อร์ แม่เข้าไปได้หรือเปล่า” คนเป็นแม่เคาะประตู

อวิ๋นตั่วลุกไปเปิดประตู คนเป็นแม่ก็เดินเข้ามา โดยมีสือเหยียนเดินตามมาด้านหลัง

ชูยินดึงลูกสาวไปอีกทาง แล้วกระซิบเสียงเบา “เมื่อกี้แม่ผิดเอง สำหรับแม่แล้ว ยังไงตั่วเอ๋อร์ก็เป็นของขวัญที่มีค่าที่สุด แม่รักลูกนะ”

ว่าจบแล้วก็ก้มลงจูบแก้มลูกสาวหนึ่งที จากนั้นก็เอ่ยกำชับ “เล่นกับสือเหยียนให้สนุกนะ”

อวิ๋นตั่วรู้สึกว่าคำขอโทษของแม่นั้นดูไม่จริงใจเลยสักนิด อีกอย่าง เธอเองก็ไม่ได้อยากจะเล่นกับสือเหยียนเลยด้วย

แต่แม่ก็เดินออกจากห้องไปแล้ว และยังปิดประตูให้เรียบร้อยเสียด้วย

สือเหยียนผอมและสูงกว่าอวิ๋นตั่วเล็กน้อย ถ้าใช้ไม้บรรทัดมาวัดกันจริงๆ แล้ว ความสูงของทั้งสองก็พอๆ กัน มันน่าโมโหจริงๆ แม้แต่ความสูงก็ยังชนะเธอได้อีก

สือเหยียนนั่งลงบนเตียงของอวิ๋นตั่ว หยิบกรอบรูปที่หัวเตียงขึ้นมาดู “นี่ครูของเธอเหรอ”

อวิ๋นตั่วพยักหน้า เมื่ออยู่ต่อหน้าสือเหยียน เธอมักจะขาดความมั่นใจเสมอ

“เขาเป็นเพื่อนของพี่ชายเธอเหรอ”

อวิ๋นตั่วพยักหน้าอีกครั้ง

“เขามาสอนเธอทุกอาทิตย์เลยเหรอ”

อวิ๋นตั่วพยักหน้าเป็นครั้งที่สาม

สือเหยียนวางกรอบรูปลงที่เดิม เดินไปหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่าง ที่ตรงนั้นมีเต็นท์กางไว้ และในเต็นท์ก็มีตุ๊กตานุ่มนิ่มอยู่หลายตัว

“อวิ๋นตั่ว โตแล้วทำไมเธอถึงเล่นตุ๊กตาอีกล่ะ”

เมื่อถูกถามแบบนั้น ใบหน้าของอวิ๋นตั่วก็เห่อแดง รู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำอะไรผิดไป

สือเหยียนชอบท่าทางก้มหน้ายอมศิโรราบต่อหน้าเธอแบบนี้ของอวิ๋นตั่ว มันทำให้เธอรู้สึกสะใจมากจริงๆ “เอาแต่เล่นตุ๊กตาแบบนี้ เมื่อไหร่จะโตสักทีล่ะ เธออยู่ป.1แล้วนะ เป็นเด็กประถมแล้ว”

น้ำเสียงของสือเหยียนฟังดูเหมือนผู้ใหญ่ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังอยู่ป.1 เหมือนกันแท้ๆ

อวิ๋นตั่วแก้ต่างให้ตัวเอง “ตุ๊กตาพวกนี้เป็นของขวัญที่ซานตาคลอสให้ฉันมา”

สือเหยียนมองคนพูดด้วยสายตาเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อ “เธอยังเชื่อเรื่องซานตาคลอสอยู่อีกเหรอ โลกนี้ไม่มีซานตาคลอสสักหน่อย ของขวัญพวกนั้นน่ะ พ่อกับแม่เธอซื้อมาให้ชัดๆ”

“ไม่ใช่สักหน่อย ฉันได้ของขวัญทุกปี จะไม่มีซานตาคลอสได้ยังไง” เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นตั่วพยายามใช้เหตุผลเข้าเถียง “ซานตาคลอสขี่กวางมา แล้วก็เอาของขวัญมาด้วย ถ้าฉันเป็นเด็กดี ฉันก็จะสมหวัง ซานตาคลอสก็จะให้ของขวัญคริสต์มาส”

สายตาที่สือเหยียนใช้ยามมองไปที่อวิ๋นตั่วนั้น ราวกับสายตายามมองคนโง่เขลาคนหนึ่ง มันเต็มไปด้วยความเวทนาและเหยียดหยาม ซึ่งมันทำให้อวิ๋นตั่วรู้สึกเสียใจมาก

ตอนที่อวี่เจ๋อมาที่บ้านอีกครั้ง อวิ๋นตั่วจึงถามเขาเพื่อเป็นการยืนยัน “ครูหลิวคะ ครูว่าซานตาคลอสมีจริงไหมคะ”

“มีสิ” อวี่เจ๋อตอบอย่างสบายๆ

“แต่สือเหยียนบอกว่าไม่มี เธอบอกว่าของขวัญวันคริสต์มาสที่หนูได้เป็นของขวัญที่พ่อกับแม่ซื้อให้”

“แต่ละคนมีความคิดที่แตกต่างกัน เราเปลี่ยนความคิดคนอื่นไม่ได้ และก็อย่าให้คนอื่นมาเปลี่ยนความคิดเราได้ง่ายๆ ด้วยเหมือนกัน”

“งั้น หนูเรียกครูว่าพี่ได้ไหมคะ”

อวี่เจ๋อไม่เข้าใจว่าอวิ๋นตั่วกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ จู่ๆ จากเรื่องซานตาคลอสถึงได้เปลี่ยนมาเป็นเรื่องของเขาซะเฉยๆ

“ไม่ได้”

อวิ๋นตั่วดูผิดหวังมาก

“ทำไมถึงอยากให้ครูเป็นพี่นักล่ะ”

“หนูอยากชนะสือเหยียนสักครั้ง”

“เธอมีพี่ชายแล้ว”

“แต่พี่ไม่เคยสอบได้หนึ่งร้อยคะแนนนี่คะ สือเหยียนน่ะ สอบได้หนึ่งร้อยเต็มทุกครั้งเลย หนูได้ยินมาว่าครูก็สอบได้หนึ่งร้อยคะแนนเหมือนกัน และถ้าครูมาเป็นพี่ของหนู หนูก็จะชนะสือเหยียน”

“คนคนหนึ่งจะเก่งหรือไม่ มันไม่สามารถพิสูจน์กันได้ด้วยคะแนนสอบหนึ่งร้อยคะแนนหรอกนะ”

“แต่ทุกคนชมว่าสือเหยียนฉลาด ไม่เคยมีใครชมหนูเลยนี่นา”

“เธอฉลาดมาก อวิ๋นตั่ว”

“ก็มีแค่ครูคนเดียวที่พูดแบบนี้” แววตาของอวิ๋นตั่วดูห่อเหี่ยว

อวี่เจ๋อยกมือขึ้นลูบหัวเธอ “ฉันคิดว่าเธอชนะสือเหยียนแล้ว ในใจของเธอมีนิทานเรื่องเล่า แต่สือเหยียนไม่มี”

อวิ๋นตั่วยิ้มออกมา แต่ก็ยังดูไม่พอใจอยู่ดี “หนูเรียกครูว่าพี่ได้ไหมคะ”

อวี่เจ๋อนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ได้”

อวิ๋นตั่วยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดเธอก็เข้าใจคำว่า ‘ผู้มีปณิธานอันเด็ดเดี่ยว ย่อมจะประสผลสำเร็จในชีวิต’ แล้ว