บทที่ 42 ไม่ใช่หมูแล้วตัวอะไร?
จูจูพยักหน้าเป็นการตอบรับ เรื่องนี้นางแน่ใจว่าไม่ได้จินตนาการขึ้นมาเอง รอยเสื้อที่ขาดตรงกลางหน้าอกและยังมีความเจ็บปวดที่นางจำได้ดี
เจิ้งฉวนพูดพึมพำว่า “แร้งเทพห้ากรงเล็บ ทำลายเขตแดนป้องกันเข้ามา…มิน่าละ หรือจะเป็นลิขิตฟ้า?”
เขาจ้องไปที่เจ้าหมูที่อยู่ในอ้อมอกของจูจูแล้ว สีหน้าก็ดูยุ่งเหยิงอีกครั้ง “แต่ว่า…ทำไมถึงเป็นหมูตัวนึง?”
อิ๋นจื่อจางและจูจูสบตากันรอบหนึ่งพลางถามว่า “ความหมายของท่านอาจารย์คือ การที่เจ้าหมูปรากฏตัวออกมาเกี่ยวข้องกับแร้งเทพห้ากรงเล็บหรือ?”
เจิ้งฉวนส่งเสียงอืมออกมาคำนึง แล้วพูดกับจูจูว่า “อุ้มมันมาให้ข้าดูหน่อย”
ถึงแม้ว่าจูจูจะเห็นว่าเขามีท่าทางแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทางเหมือนอยากจะสังหารเจ้าหมูน้อย ดังนั้นจึงเดินออกไปสองก้าวนำเจ้าหมูวางไว้ด้านหน้าของเขา
เจิ้งฉวนยื่นมืออกมาลูบมัน แล้วเบิกตาเรียวเล็กของมันดู ใบหน้าดูไม่อยากจะเชื่อ “บันทึกของชนเผ่า ไม่เคยมี…ที่เปลี่ยนกลายเป็นหมูเลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”
จูจูถามอย่างระมัดระวังว่า “หมูน้อยไม่ควรจะกลายเป็นหมู แล้วควรเป็นอะไรหรือ?”
เจิ้งฉวนไม่ได้สนใจ เขาไม่ได้ตอบคำถามของนาง ด้านนอกห้องสมาธิก็มีเสียงของฝูกุยดังเข้ามา เจิ้งฉวนให้จูจูอุ้มเจ้าหมูน้อยกลับไป และบอกให้ฝูกุยเข้ามาได้
ฝูกุยคำนับเจิ้งฉวนเป็นการทำความเคารพ แววตาของเขามองเห็นเจ้าหมูน้อย ชั่วขณะหนึ่งในใจก็รู้สึกโมโหขึ้นมา พูดด้วยเสียงแข็งๆ ว่า “ห้องเก็บเชื้อเพลิงเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วขอรับ ยันต์ที่เก็บเชื้อเพลิง อาวุธต่างอยู่ครบ แต่ผลึกไฟจากสัตว์ที่มีสามสิบสองก้อนเหลือเพียงสี่ก้อน ทั้งหมดนี้เป็นวัตถุดิบระดับห้า ยาไฟวิญญาณที่เดิมมีทั้งหมดสิบเก้าขวด ตอนนี้เหลือเพียงสองขวด ต่างเป็นวัตถุดิบระดับห้าเช่นกัน”
จูจูท่องหนังสือเกี่ยวกับยาพวกนี้ทุกวันกับอิ๋นจื่อจาง ทั้งสองได้ยินเข้าก็รู้ว่าซวยแล้ว
ผลึกไฟจากสัตว์นั้นก็หมายถึงผลึกจากสัตว์ร้ายที่มีธาตุไฟระดับห้าขึ้นไป ในนั้นมีไฟจากสัตว์ที่พวกปีศาจบำเพ็ญตนรวมรวมไว้ และยาไฟวิญญาณนั้น ก็คือการนำเอายารากวิญญาณที่มีพลังไฟระดับห้ามาหลอมรวมกันกลายเป็นไฟวิญญาณที่ดีที่สุด ทั้งสองเป็นของที่มีค่ามากสำหรับผู้ปรุงยา ตอนนี้ในห้องเก็บเชื้อเพลิงก็เหลือเพียงของระดับพื้นฐาน ก็หมายความว่าส่วนใหญ่ของมันถูกเจ้าหมูน้อยกินไปหมดแล้ว!
เจ้าหมูน้อยกินมากเกินไปแล้ว!
จูจูมองใบหน้าของเจิ้งฉวนที่กระตุกเล็กน้อย ก็กลัวจนตัวหดเหลือเล็กนิดเดียว ถ้านำเจ้าหมูน้อยไปขายก็ยังไม่สามารถแลกผลึกไฟจากสัตว์สามสิบสองก้อน และยารากวิญญาณไฟอีกสิบเจ็ดขวดได้เลย!
เจิ้งฉวนรู้สึกเจ็บปวดใจจนอยากจะกระอักเลือด เจ้าหมูตัวนี้ไม่ทันไรก็กินของของเขาไปเกือบครึ่ง นี่มันไม่ใช่ความหิวธรรมดาแล้ว!
เจ้าหมูน้อยรู้สึกได้ว่าจูจูรู้สึกกลัว ก็เหมือนจะรู้ว่าตัวเองก่อเรื่อง มันพยายามหดตัวเองให้เล็กลง แล้วพยายามแอบเข้าไปในเสื้อผ้าของนาง
โชคดีที่เจิ้งฉวนเพียงแค่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในที่สุดก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าซับซ้อนยิ้มเหยเกว่า “ช่างเถอะ ของพวกนี้ข้าเองก็ไม่รู้ว่าวันไหนถึงจะได้ใช้ ก็ถือว่าให้มันก็แล้วกัน…”
จูจูรู้สึกแปลกๆ คำพูดของอาจารย์ดูเหมือนจะสิ้นหวังมาก มีความเศร้าโศกจนถึงขั้นท้อแท้
ทุกคนในนั้นต่างไม่มีใครคิดว่าเจิ้งฉวนจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ
อิ๋นจื่อจางส่งสายตาเป็นนัยให้จูจูลุกขึ้นบอกลาเจิ้งฉวน เพื่อไม่ให้เขาเปลี่ยนใจทำให้นางลำบาก ทั้งสองเดินมาถึงหน้าประตูห้อง เจิ้งฉวนก็พูดขึ้นมาในทันทีว่า “ช้าก่อน!”
อิ๋นจื่อจางหันกลับไปตัวแข็งๆ แอบกำแขนของจูจูเอาไว้ ตอนที่หมุนตัวก็ดึงจูจูมาไว้ด้านหลังของตัวเอง
ใบหน้าของเจิ้งฉวนยังคงห่อเหี่ยว พูดกับฝูกุยว่า “ถ้าหากว่าเฉิงขุยเปิ่นกลับมา ก็พาเขาไปส่งให้อาวุโสเฉิงที่หุบเขากังปี่ บอกว่าคนคนนี้จิตใจคับแคบ ลงมือทำร้ายศิษย์ร่วมสำนักเพราะความอิจฉา ให้พวกเขาจัดการตามกฎของที่นี่”
ผู้อาวุโสของหุบเขากังปี่ในเวลาเดียวกันยังรับผิดชอบเกี่ยวกับการลงโทษคนที่อยู่ในภูเขาญาณศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นคนที่เที่ยงตรงและมีคุณธรรม ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ในภูเขาญาณศักดิ์สิทธิ์ต่างทั้งเคารพและเกรงใจเขา เฉิงขุยเปิ่นตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเขา คงถูกกำจัดพลังแล้วให้ออกไปจากภูเขาญาณศักดิ์สิทธิ์แน่นอน
สำหรับเรื่องนี้ฝูกุยไม่ได้คัดค้าน พลางถามว่า “แล้วเรื่องที่เฉิงขุยเปิ่นเป็นคนจัดการดูแลห้องปรุงยา ใครจะมารับหน้าที่ต่อหรือขอรับ?”
เจิ้งฉวนชี้ไปที่จูจูพลางพูดว่า “ให้นางจัดการก็แล้วกัน ต้องทำอย่างไรบ้างก็ให้เจ้าอธิบายให้นางฟังก็พอแล้ว”
จูจูชี้ที่ตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อเลยพลางยืนงงงัน
ฝูกุยกับอิ๋นจื่อจางต่างสงสัยว่าหูของพวกเขามีปัญหาหรือไม่ จูจูผู้เซ่อซ่า เพิ่งจะท่องหนังสือได้แค่สามเดือนแล้วยังไม่มีพลังอะไรเลยจะให้ไปดูแลห้องปรุงยา? นี่ล้อเล่นหรือเปล่า?
“เรื่องนี้…” ฝูกุยรู้สึกว่าเขาควรจะเตือนเขาเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระนี้
“ออกไป! อย่ามารบกวนข้า” เจิ้งฉวนโมโหออกมาในทันที พลังแรงกดดันแผ่ออกมาในทันที พลังมหาศาลที่ยากจะต่อต้าน ทำให้ทั้งสามคนและหมูหนึ่งตัวถูกไล่ออกมาจากห้อง หลังจากเสียงดังสนั่นดังขึ้น ประตูห้องสมาธิก็ปิดลง ปิดกั้นทั้งสองฝ่ายออกจากกัน
ฝูกุยนับวันเวลา ดูเหมือนว่าเย็นนี้จะเป็นวันที่เจิ้งฉวนต้องลงเขา มิน่าล่ะอารมณ์ถึงได้รุนแรงขนาดนี้ แต่ว่าทำไมตอนที่เจ้าหมูตัวนั้นกินของไปเกือบครึ่งถึงไม่โกรธ ตอนนี้ถึงเพิ่งจะมาโกรธ?
ทั้งสามที่อยู่ด้านนอกของห้องสมาธิมองหน้ากัน ฝูกุยคิดทบทวนก็คิดว่าต้องทำตามคำสั่งของเจิ้งฉวน ดังนั้นจึงพูดกับจูจูอย่างสุภาพว่า “ในเมื่อท่านเจิ้งฉวนกำชับมาแล้ว เจ้าก็ตามข้ามาดูห้องปรุงยาเถิด ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังทีละเรื่องก็แล้วกัน”
จูจูมองอิ๋นจื่อจางอย่างขี้ขลาด ทุกวันนางต้องท่องหนังสือและยังต้องดูแลคุณชายใหญ่ผู้นี้ก็โหดร้ายพอแล้ว แล้วยังต้องไปทำงานที่ห้องปรุงยาอีก นางไม่ต้องเหนื่อยเหมือนกับลาเลยหรือ?
อิ๋นจื่อจางรู้สึกว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ว่าสาเหตุที่เจิ้งฉวนให้จูจูไปดูแลห้องปรุงยาจะคืออะไร แต่ให้นางไปฝึกฝนไม่แน่ว่าอาจจะช่วยให้นางคิดอะไรออกมากขึ้น อย่างไรก็ตามในใจของเขา จูจูเป็นพวกที่ต้องสะกิดนิดนึงถึงจะยอมทำอะไร
ในเมื่อตอนนี้อาจารย์ก็มอบหน้าที่ให้นาง ก็ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีที่จะให้นางทำงานหนักเสียหน่อย จะได้ไม่แอบไปนอนพักผ่อนตกปลาอยู่ที่บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์อีก เขามองแล้วก็ทำให้รู้สึกอิจฉาและเกะกะลูกตา
“งั้นเจ้าก็ไปเถอะ!” อิ๋นจื่อจางยื่นคำขาด จูจูคอตกพลางอุ้มเจ้าหมูน้อยอย่างหมดอาลัยตายอยากเดินไปทางห้องปรุงยา
เฉิงขุยเปิ่นได้รับหน้าที่ในการดูแลห้องปรุงยา ก็ไม่รู้ว่ามีลูกศิษย์ขั้นฝึกพลังและขั้นจู้จีกี่คนที่อิจฉา แต่ท่าทางของจูจูที่เป็นแบบนี้ หากคนอื่นเห็นเข้า คงคิดว่านางถูกส่งให้ไปทำงานน่าเบื่อหน่ายแน่ๆ ใครจะคิดว่าให้ไปทำเรื่องที่ทุกคนอยากทำแบบนี้
เจิ้งฉวนนั่งอยู่ในห้องสมาธิ จ้องไปที่ช้อนยาที่แขวนอยู่บนผนังพลางยิ้มอย่างขมขื่น เสียงหัวเราะของเขาค่อยๆ กลายเป็นเสียงร้องไห้ เสียงร้องไห้ที่โศกเศร้า เต็มไปด้วยความเศร้าที่นับไม่ถ้วน เสียใจและผิดหวัง
“เจ้าเคยบอกไว้นานแล้วว่าข้าสู้นางไม่ได้ พวกเราทะเลาะกันเรื่องนี้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ? ข้ารู้สึกว่านางนั้นมีเพียบพร้อมทุกอย่าง ตั้งแต่เกิดมาก็ได้รับสิ่งดีๆ ตลอด ไม่งั้นนางคงไม่มีทางประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ ข้ามักจะคิดว่า ถ้าหากคนในชนเผ่ายอมให้โอกาสข้าเหมือนนาง ข้าก็จะชนะนาง…ที่ไหนได้ ข้ากลับกลายเป็นคนที่หลอกตัวเอง หลอกตัวเองยังไม่พอข้ายังหลอกคนอื่นอีก จริงๆ แล้วข้าสู้นางไม่ได้เลย ฮ่าๆๆๆ น่าขันเกินไปแล้ว ที่แท้ชีวิตของข้าตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ก็เป็นแค่เรื่องตลก! ตันหนี ตันหนี…ข้าควรจะทำอย่างไรดี?” เจิ้งฉวนพูดพลางใช้สองมือปิดใบหน้า มองไปที่ช้อนนั้นอย่างเงียบๆ