บทที่ 20 กินเก่งมาก

บทที่ 20 กินเก่งมาก

หนูเงินเป็นสัตว์เทพที่ระดับต่ำ นอกจากความเร็วที่ไวกว่าหนูธรรมดาและรูปร่างที่พิเศษเล็กน้อยก็ดูจะไม่มีข้อพิเศษอย่างอื่น ปกติแล้วลูกศิษย์บางคนจะใช้มันเพื่อทดสอบความเร็วของตนเอง นอกจากนั้นก็ไม่มีใครสนใจมัน

จูจูได้ยินคำถามของชายชราก็พยักหน้าอย่างเสียดาย นางจำได้ว่าในคัมภีร์ได้กล่าวถึงหนูเงิน ว่าเหมาะสมกับผู้ที่มีรากวิญญาณธาตุน้ำมาก อิ๋นจื่อจางมีรากวิญญาณน้ำแข็งก็ผันแปรมาจากน้ำ

นางอยากเอ่ยปากขอหนูกลับไปทำอาหารให้เขากินเพื่อทดลองประสิทธิภาพ แต่ว่าเมื่อครู่อาจารย์ลุงผู้นี้จ่ายเป็นยาล้างสิ่งโสมมไปหนึ่งเม็ดถึงจะแลกกับหนูเงินสามตัวนี้มาได้ แล้วเขาจะให้นางเปล่าๆ ได้อย่างไร?

ลูกศิษย์สายนอกสามเดือนถึงจะได้รับยาล้างสิ่งโสมมหนึ่งเม็ด ในสายตาของพวกเขายาชนิดนี้มีมูลค่ามาก แสดงว่าหนูเงินสามตัวนี้ก็มูลค่าสูงเช่นกัน

ยาล้างสิ่งโสมมที่นางมีอยู่นั้นก็อยู่กับอิ๋นจื่อจาง ถึงแม้นางจะอยากตอบแทนเขาที่ให้ยืมหยกก้อนนี้แต่ก็หายาวิเศษไม่ได้

“เอ๋? เป็นเจ้านี่เอง! เจ้าชื่อจูจูใช่ไหม? ศิษย์เอกของอาจารย์ลุงเจิ้งฉวน!” อาจารย์อาเผยเลิกคิ้ว ทันใดนั้นก็ชี้ไปที่นางอย่างตื่นเต้น

“ชะ..ใช่ ข้าเอง ท่านรู้ได้อย่างไร?” จูจูถามกลับ ในใจก็คิดอย่างเงียบๆ เขาเรียกอาจารย์ของนางว่าอาจารย์ลุง ก็หมายความเขาน่าจะอยู่ในระดับอาวุโสเท่ากับนาง แต่ถ้าจะให้นางเรียกเขาว่าศิษย์พี่ ศิษย์พี่ผู้นี้ก็ดูจะแก่ไปเสียหน่อย…

‘ศิษย์พี่เผย’ ผู้นี้หัวเราะฮ่าๆ มือของเขาที่เพิ่งถือเนื้อติดกระดูกที่มันเยิ้มตบไปที่บ่าของจูจูสองทีพลางพูดว่า “เมื่อคืนลูกศิษย์ที่หอคัมภีร์บอกว่ามีศิษย์ใหม่มาคัดลอกผลงานของข้า บอกว่าเป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบสามถึงสิบสี่ปี หน้าตาทั้งขี้เหร่และเชย ไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ? เด็กน้อย เจ้านี่สายตาเฉียบแหลมจริงๆ ฮ่าๆๆๆ”

เขาคือเผยกู่ลูกศิษย์ระดับจู้จีที่ดูแลเรื่องโรงครัวในสำนัก และยังเป็นคนที่เขียนคัมภีร์ร้อยรสชาติของสมุนไพรและสัตว์เทพเล่มนั้น

จูจูคิดอย่างสับสน เขาพูดแบบนี้? เรียกว่าชมหรือด่านางกันแน่?

“เป็นยังไงบ้าง? อ่านผลงานของข้า ได้รับประโยชน์อะไรบ้างไหม?” ศิษย์พี่เผยมีท่าทีกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ราวกับได้พบกับเรื่องน่ายินดีอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อรู้ว่าเขาคือผู้ที่เขียนคัมภีร์ม้วนนั้นก็ทำให้จูจูรู้สึกเจ็บปวดที่ถูกหลอก อาหารที่โรงครัวนางก็เคยเห็นมาแล้ว ดูยังไงก็ไม่เห็นเหมือนฝีมือปรมาจารย์ทางด้านอาหารเลยสักนิด คัมภีร์ม้วนนั้นเป็นของหลอกลวง!

ขาดทุนใหญ่แล้ว! ฮือๆๆๆๆ ตำรารายการอาหารนั่นที่แท้คือของหลอกลวง มากเกินไปแล้ว! หลอกให้นางดีใจเก้อ ถ้าเกิดว่าอิ๋นจื่อจางรู้เข้า คงต้องบิดหูนางจนขาดและด่านางว่าหมูโง่แน่ๆ

เผยกู่เห็นท่าทางของนาเงปลี่ยนไป ก็พอจะเดาได้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นโกรธๆ พลางพูดว่า “เจ้าเองก็คิดว่าผลงานของข้าคือของหลอกลวงหรือ?!”

“……” จูจูไม่กล้าพูด

เผยกู่ยิ้มเย็นๆ พลางคิดจะสะบัดแขนเสื้อจากไป แต่พอคิดดูอีกที หลายปีที่ผ่านมายังไม่มีใครสนใจผลงานความรู้ของเขาเลยสักคน จากนั้นก็รู้สึกท้อใจพลางพูดว่าอย่างเศร้าๆ ว่า “คัมภีร์เล่มนั้นเป็นสิ่งที่ข้าคิดค้นและศึกษามาหลายปี ไม่มีอันไหนที่ไม่ใช่ความจริง เจ้าลองดูก็รู้แล้ว หนูเงินสามตัวนี้ ให้เจ้าก็แล้วกัน”

ท่าทางของเขาทำให้จูจูรู้สึกผิด นางเอียงหัวพลางครุ่นคิดถึงเนื้อหาในคัมภีร์ มันก็มีโอกาสเป็นไปได้นะ เพราะนางเองก็ไม่เคยลองใช้ จะไปตัดสินดูถูกคนอื่นแบบนี้ได้อย่างไร?

“เอ่อ…เผย ศิษย์พี่เผย ให้ข้ายืมห้องครัวหน่อยได้ไหม? ข้าจะลองทำผลวูซูตุ๋นหนูเงินที่ในคัมภีร์ได้เขียนไว้”

เผยกู่ยิ้มตาเป็นประกาย “เจ้าทำอาหารเป็น?”

จูจูพยักหน้า เผยกู่มือหนึ่งคว้ากรงอีกมือหนึ่งก็คว้ามือนางพาไปวิ่งห้องครัวโดยไม่พูดอะไร เขาคือผู้ที่มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับโรงครัวทั้งหมด จึงใช้ฐานะของตัวเอง สร้างห้องครัวเล็กๆ แยกออกมา ในนั้นมีอุปกรณ์สำหรับทำครัวอย่างครบครันมากกว่าห้องครัวใหญ่ด้วยซ้ำ

เขาลากนางเข้ามาในห้องครัวพลางพูดว่า “รอเดี๋ยว” แล้วเขาก็หายไปไม่เห็นเงา และวิ่งกลับมาภายในพริบตา ในมือยังถือตระกร้าที่มีผลวูซูตากแห้งมาด้วย พลางพูดอย่างพอใจว่า “ปริมาณเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว เจ้าไม่ต้องเกรงใจ ข้าจะเป็นลูกมือเอง!”

พูดเสร็จก็แสดงท่าทีอย่างที่พูดโดยการเปิดกรงจับหนูเงินออกมาฆ่าอยู่ด้านข้าง

จูจูหยิบเอาผลวูซูแห้งขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียด ก็รู้สึกว่าภายใต้ผิวที่แห้งจากการตากแดดนั้นภายในผลของมันมีความรู้สึกพิเศษทั้งสดเย็นและชุ่มชื้นมาก น่าจะเป็นผลที่สามารถกักเก็บคุณสมบัติความเย็นของน้ำเอาไว้ได้

นางหยิบผลซูวูแห้งขึ้นมาล้างน้ำตามปริมาณความรู้สึกของตัวเอง ทางด้านเผยกู่ที่กำลังจัดการกับหนูเงินก็พูดไปเรื่อยเปื่อยว่า “น้ำในบ่อนี้ถึงแม้คุณภาพจะไม่เท่ากับน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์บนหุบเขาอิงปั้งก็จริง แต่ก็ถือว่าเป็นน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ นำมาทำอาหารสมุนไพรและสัตว์เทพนั้นถือว่าเป็นประโยชน์มาก! และยังมีต้นหอม กระเทียม และขิงพวกนี้ที่ข้าปลูกเอาไว้ที่สวนหลังเรือนพัก ทำให้ดูดซับกลิ่นอายของพลังวิเศษไปไม่น้อย ไม่เหมือนกับที่นำเข้ามาจากข้างนอกแน่นอน”

จูจูทั้งตอบรับอย่างลวกๆ และเตรียมเครื่องเทศไปพร้อมๆ กัน ไม่นานเผยกู่ก็ล้างหนูเงินจนสะอาดและตัดเป็นชิ้น หลังจากนั้นก็ตั้งไฟด้วยตัวเอง

ห้องครัวเล็กๆ นี้เตาไฟก็ยังเป็นของวิเศษเลย!

เมื่อหมุนลูกกลมๆ ที่อยู่ข้างเตาแล้ว เปลวไฟในเตาก็เริ่มแรงบ้างเบาบ้างตามที่หมุน จูจูมองเห็นแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองมีความมั่นใจที่จะทำอาหารชนิดนี้ขึ้นมาในชั่วขณะ

หลังจากทำเสร็จ เผยกู่ก็ถอยหลังออกมาพลางยิ้มแห้งๆ และพูดว่า “ที่เหลือก็ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าแล้วล่ะ”

จูจูไม่ได้ถามอะไรมาก เทน้ำมันลงหม้ออย่างเงียบๆ ตบกระเทียมแล้วนำเนื้อหนูเงินลงไปในหม้อจนกระทั่งเนื้อเกือบเจ็ดถึงแปดส่วนสุก ก็นำผลวูซูที่แช่น้ำใส่ลงไป ใส่เครื่องเทศ และปิดฝาหม้อ

ทุกขั้นตอนการทำ จูจูคอยเฝ้าดูทุกอย่างอย่างละเอียด คอยระมัดระวังไม่ให้ไฟแรงหรือเบาเกินไป

เผยกู่จ้องการกระทำที่ดูชำนาญของนางตาโต ทั้งแปลกใจและดีใจพลางพยายามสูดกลิ่นของอาหารเข้าไป “กลิ่นนี้แหละ กลิ่นนี้แหละ!”

กลิ่นหอมที่พิเศษของอาหารลอยจากห้องครัวออกไป เวลานี้เป็นเวลากลางวัน ภายในโรงอาหารที่ผู้คนที่กำลังกินอาหารหมูด้วยหน้าตาทุกข์ทรมานได้กลิ่นนั้น ก็ตะโกนเสียงดังว่าหอมมากและพยายามตามหาว่าต้นตอของกลิ่นนั้นมาจากไหน ภายในโรงครัวมีกลิ่นหอมขนาดนี้ทำให้ผู้ที่ยังไม่ได้กินท้องร้องเสียงดัง

ภายในห้องครัวเล็กๆ นางรู้สึกว่าตุ๋นมาได้สักพักแล้ว ก็เพิ่มความแรงของไฟ เร่งให้น้ำเครื่องปรุงที่อยู่ในหม้อแห้งลงสักนิด แล้วดับไฟ เตรียมนำอาหารใส่ในจาน

เผยกู่กลับทนรอไม่ไหว เปิดฝาหม้อออก โดยไม่สนว่าจะร้อนหรือไม่ หยิบช้อนมาตักเนื้อหนูเงินเข้าปากทันที

คำว่ากินอย่างตะกละตะกลามและมูมมามนั้น จูจูถือว่าได้เห็นแล้วในวันนี้ นางไม่ทันได้ชิมสักคำ ผลวูซูตุ๋นหนูเงินทั้งหม้อก็ถูกเผยกู่กินคนเดียวจนเกลี้ยง

แม้แต่น้ำเครื่องปรุงในหม้อเผยกู่ก็เลียจนหยดสุดท้าย เขาหันมาและพบว่าจูจูกำลังจ้องมองตัวเอง ก็คิดว่าเจ้าของยังไม่ได้กินอะไรเลย หน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที