บทที่ 18 ตอบแทนด้วยหยก

บทที่ 18 ตอบแทนด้วยหยก

จูจูกลับมาที่เรือนพักก็พบว่าซูหลิงและคนรับใช้ทั้งสองคนของนางไม่อยู่แล้ว ได้ยินว่าซูจิงรับพวกนางเข้าไปที่หุบเขาโอวหยวนเพื่อรักษาตัว แบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องถูกสายตาที่เคียดแค้นของพวกเขาจ้องมอง

เลี่ยวหย่งฉีและหญิงสาวที่เหลือต่างก็เพิ่งได้รับคัมภีร์ใหม่ ทุกคนจึงอยู่แต่ในห้องของตัวเองเพื่ออ่านหนังสือ จูจูจัดการงานทั่วไปในแต่ละวันให้เสร็จ แล้วก็เริ่มเปิดคัมภีร์อ่าน

พูดกันตามความจริงแล้วจูจูไม่เคยได้สัมผัสคัมภีร์ของเซียนมาก่อน แต่เมื่อมือนางแตะคัมภีร์ นางกลับนำคัมภีร์ขึ้นมาแตะกับหน้าผากตัวเอง ราวกับว่าในอดีตเคยทำแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนจนเป็นเรื่องปกติ

เมื่อคัมภีร์สัมผัสเข้ากับหน้าผากของนางในชั่วพริบตานั้น ข้อมูลมากมายก็ไหลเข้าไปในสมองของนางทันที

ในคัมภีร์ร้อยรสชาติของสมุนไพรและสัตว์เทพ นั้นมีสามบท บทที่หนึ่ง เป็นการแนะนำสมุนไพรและสัตว์เทพทุกชนิดที่สามารถปรุงอาหารได้ รูปลักษณ์ของสมุนไพรและสัตว์เทพแต่ละชนิด วัตถุดิบที่ประเภทเดียวกันของสมุนไพรและสัตว์เทพ ส่วนต่างๆ ของสมุนไพรที่ไม่เหมือนกันมีรสชาติและประสิทธิภาพที่ไม่เหมือนกัน

ส่วนที่สองแบ่งเป็น รายการอาหาร แนะนำวิธีการทำอาหารที่เหมาะสมกับสมุนไพรและสัตว์เทพต่างๆ กว่า หนึ่งร้อยชนิด

ส่วนที่สามแบ่งเป็น การบอกเคล็ดลับของสมุนไพรและสัตว์เทพบางชนิดที่ขัดแย้งกัน ถ้านำมากินรวมกันจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี

จูจูอ่านอย่างกระตือรือร้น ความรู้เรื่องสมุนไพรและสัตว์เทพที่คัมภีร์กล่าวถึงนั้นเป็นสิ่งที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนตอนที่อยู่ในหมู่บ้าน แต่ว่าพอมาอยู่ที่หุบเขาเริ่มต้นนั้น ป่าเล็กๆ หน้าเรือนพักนั้นก็มีอยู่หลายชนิด หุบเขาเริ่มต้นนี้ใหญ่มาก ถ้ามองหาดีๆ น่าจะมีมากกว่านี้

ในคัมภีร์ที่กล่าวถึงสมุนไพรที่สามารถปรุงอาหารได้ จูจูอ่านแค่รอบเดียวก็จำได้แล้ว นางไปหาด้วยตัวเองได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นสัตว์เทพนั้นนางคงไม่ไหว แต่อิ๋นจื่อจางทำได้แน่!

ตามที่คัมภีร์บอกไว้ว่าหญ้าเซียนและสัตว์เทพพวกนี้ถ้าเอามาทำอาหารจะมีประโยชน์กับผู้บำเพ็ญเป็นอย่างมาก ถ้าหากอิ๋นจื่อจางกินอาหารพวกนี้ทุกวัน ระดับพลังจะพัฒนาไวมาก ถึงตอนนั้นนางจะได้ไม่ต้องกลัวผู้อาวุโสซูอะไรนั่นอีกแล้ว!

จูจูยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าอนาคตของนางนั้นสดใส กอดคัมภีร์นั้นไว้ในอ้อมอกอย่างมีความสุขและหลับไป

ในฝันนางยืนอยู่ตามทางที่คดเคี้ยวไปมา เดินผ่านประตูสีแดงที่สูงตระหง่านครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งสองข้างทางขนาบไปด้วยกำแพงที่ทำจากหินสูงใหญ่และตำหนัก ดูมืดครึ้มและหนาวเย็น นางไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งมาไกลเท่าไหร่แล้ว…รู้เพียงว่าความรู้สึกกลัวที่กำลังคืบคลานเข้ามาหานางนั้นทำให้นางไม่กล้าหยุดวิ่ง

ตอนที่นางชนเข้ากับบานประตูสีแดงบานหนึ่ง ฉากเบื้องหน้าของนางก็เปลี่ยนไป ทางเดิน กำแพงสูงและตำหนักต่างหายไป ด้านหน้ากลายเป็นสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยม่านหมอก นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินเข้าไป และก็พบว่ายังไงก็หาเส้นทางที่ชัดเจนไม่ได้อีกแล้ว

รอบๆ กายของนางนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของพืชพรรณ ดอกไม้ดอกใหญ่พวกนั้นบานออกอย่างสวยงามและเย่อหยิ่งเป็นพิเศษ ดูคล้ายกับปากของสัตว์ที่ชั่วร้าย ต่อมาก็กลืนสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านหน้าลงไปในคำเดียว

นางงุนงงระหว่างต้นไม้และดอกไม้ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหนีอะไรอยู่…

ด้านหน้าเป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีโพรงต้นไม้อยู่ที่โคนต้นไม่ใหญ่ประมาณสามฉื่อได้ โดยไม่ต้องคิดนางหลบเข้าไปในโพรงนั้นทันที และพยายามหายใจให้เบาที่สุด ราวกับว่าถ้าทำแบบนี้แล้วนางจะปลอดภัย

“คนงามอย่าซุกซนอีกเลย รีบออกมาเร็ว!” เสียงของปีศาจลอยมา ทั้งอ่อนโยนและเต็มไปด้วยการหลอกล่อ ราวกับว่ากลัวจะทำให้เหยื่อที่ล้ำค่าของตนตกใจกลัวก็ไม่ปาน

นางรู้สึกเหมือนตกอยู่ในหลุมน้ำแข็ง พลางกอดเข่าของตัวเองไว้แน่น และก้มหน้าลงไประหว่างเข่าของตนเอง กลัวว่าเสียงลมหายใจของนางจะทำให้เขาหาพบ

เขามาแล้ว! ปีศาจมาแล้ว! ทำยังไงดี?!

“รีบออกมา เจ้าต้องเป็นผู้หญิงที่เชื่อฟังสิ ข้าถึงจะชอบ” เสียงร้องเรียกที่อ่อนโยนดังขึ้นเรื่อยๆ และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ปีศาจดูจะแน่ใจแล้วว่าเหยื่อของตนอยู่แถวนี้ เขาเดินวนไปวนมาอย่างใจเย็น

นางรู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นแรงจนจะหลุดออกมาจากทรวงอก ท่ามกลางความรู้สึกกลัวเช่นนี้ ทุกวินาทีช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า…

ในที่สุด ปีศาจก็ดูเหมือนจะหมดความอดทน เขายิ้มพลางเตือนว่า “คนงามถ้าเจ้ายอมออกมาดีๆ ข้าจะไม่ลงโทษเจ้า”

คนโกหก ถึงตายก็ไม่มีทางออกไป! ไม่งั้นเจ้าปีศาจนั่นต้องมีวิธีทรมานที่น่ากลัวมาทรมานนางมากมาย

“ยังไม่ออกมาอีกหรือ ข้าจะนับหนึ่งถึงสามนะ หนึ่ง…สอง…สาม…”

นางปิดหูของนางแน่น ราวกับว่าหากไม่ได้ยินคำพูดของเขา ก็จะสามารถหนีจากเรื่องทั้งหมดได้

“คนงามของข้ายิ่งนานวันยิ่งไม่เชื่อฟังเสียแล้ว…อืม? หรือว่าจะไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ?” เสียงของปีศาจเจือไปด้วยความโกรธ จากนั้นก็รู้สึกลังเล ในที่สุดก็ยอมเดินจากไปอย่างช้าๆ

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานเท่าไหร่ นางก็หอบหายใจออกมาเบาๆ สองครั้ง ร่างกายอ่อนปวกเปียกอย่างหมดแรงพลางพิงเข้ากับต้นไม้ นางไม่รู้ตัวว่ากระโปรงของนางนั้นเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เย็นจนทำให้นางตัวสั่นด้วยความหนาวเย็น

ในที่สุดก็ปลอดภัยแล้วหรือ?

ยังไม่ทันที่นางจะวางใจ ทันใดนั้นเสียงที่น่ากลัวก็ดังขึ้นข้างหูนาง “จับได้แล้ว!”

เสียงนั้นใกล้มาก นางรู้สึกได้แม้กระทั่งลมหายใจที่กระทบกับใบหูที่เย็นเฉียบของนาง แขนของนางถูกจับเอาไว้แน่น และถูกดึงอย่างแรงออกมาจากโพรงต้นไม้…

“ไม่!” นางร้องออกมาเสียงแหลม แต่น่าเสียดายที่กลับถูกอีกคนปิดปากเอาไว้ ทำให้เสียงที่ออกมากลายเป็นเสียงอู้อี้

“เจ้าหมูโง่ตื่นได้แล้ว! เจ้าฝันร้าย ตื่นเร็วเข้า! ข้าเอง!” ข้างใบหูของนางมีเสียงที่คุ้นเคย ดังราวกับฟ้าผ่าในสมองของนาง

จูจูรู้สึกว่ารางกายถูกเขย่าอย่างแรง ทำให้นางลืมตาขึ้นมาอย่างงุนงง แสงภายในห้องนั้นสลัวๆ ทำให้มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยรางๆ

อิ๋นจื่อจางยื่นมือไปตบใบหน้านางของนางเบาๆ พลางพูดว่า “มีสติได้แล้ว แค่ฝันร้าย ไม่มีอะไรหรอก!”

จูจูค่อยๆ กลับมาสู่ความเป็นจริง ผ่อนคลายลง นางอดไม่ได้ที่จะจับไปที่เสื้อด้านหน้าของอิ๋นจื่อจางพลางร้องด้วยสียงเบาๆ “ข้ากลัวมาก! กลัวมาก กลัวมาก ฮือๆๆๆๆ…”

“เจ้าฝันอะไรกันแน่?”อิ๋นจื่อจางรู้สึกจนปัญญา เขาฝึกสมาธิทั้งคืนจนเกือบรุ่งสางอยู่ดีๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจ จนไม่มีสมาธิพอจะนั่งต่อได้ เขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกมา โดยไม่ทันไม่รู้สึกตัวเขาก็มาถึงห้องของจูจูแล้ว

สถานการณ์เช่นนี้เขาไม่ได้พบเป็นครั้งแรก ปกติแล้วจะเป็นตอนที่เขารู้สึกว่าจูจูกำลังฝันร้าย ดังนั้นเขาจึงลังเลอยู่ชั่วครู่ แล้วเขาก็เดินเข้ามาในห้องของจูจู และพบว่านางนอนหน้าซีดขาวคิ้วขมวดแน่นอยู่บนเตียงจริงๆ ราวกับว่ากำลังได้รับความเจ็บปวดอยู่

จูจูตัวสั่นเทา พูดอย่างฟังไม่ได้สรรพว่า “มีคนไม่ดีมาตามจับตัวข้า!” นางไม่ได้จงใจจะปกปิด เพียงแต่นางจำได้แค่เท่านี้

อิ๋นจื่อจางครุ่นคิดพลางตัดสินใจ ล้วงเข้าไปในคอเสื้อของตนและหยิบสร้อยคอหยกสีแดงที่เป็นรูปจอกเหล้าเล็กๆ มาสวมให้นาง

“หยกนี้จะทำให้จิตใจของเจ้าสงบลง เจ้าสวมไว้น่าจะไม่ทำให้ฝันร้ายแล้วล่ะ นี่เป็นของล้ำค่าของแม่ข้า ให้เจ้ายืมชั่วคราวละกัน ถ้าเจ้ากล้าทำพังหรือหายล่ะก็ ข้าจะตัดหัวหมูๆ ของเจ้าออกซะ!” อิ๋นจื่อจางเตือนด้วยเสียงหยาบๆ

จูจูลูบหยกก้อนนั้นที่ยังมีความอบอุ่นมาจากร่างกายของเขา พลางพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ขอบคุณเจ้า…อาจาง” นี่เป็นครั้งแรกที่นางยอมเรียกชื่อของเขา

อิ๋นจื่อจางใจเต้น ส่งเสียงฮึเบาๆ ทำเหมือนไม่ได้ยิน