บทที่ 17 ไม่ต้องดีมากแค่แพงก็พอ

บทที่ 17 ไม่ต้องดีมากแค่แพงก็พอ

ฝูอวี้ได้รับมอบหมายจากโหยวเซียนเริ่นให้มาเตือนอิ๋นจื่อจาง ดังนั้นเขาจึงพูดไปตรงๆ “ลูกศิษย์สายนอกของหัวหน้าหุบเขาโอวหยวนที่พลังถึงระดับเก้ามีสามคน ส่วนลูกศิษย์สายในนั้นนับไม่ถ้วน ถึงแม้ว่าในสนามประลอง จะมีข้อห้ามให้ไม่ถึงตาย แต่ก็ทำให้บาดเจ็บได้ เกรงว่าเจ้าจะไม่สามารถหลบเลี่ยงการต่อสู้ได้แล้ว”

ทำให้เด็กหนุ่มรู้ถึงสถานการณ์ก็ยังดีกว่า วันข้างหน้าเขาจะได้รู้ตัว ไม่สร้างปัญหาขึ้นมาอีก ถึงแม้ฟ้าจะประทานให้อัจฉริยะแข็งแกร่งกว่าคนอื่นก็จริง แต่ถ้าต้องตายไประหว่างการฝึก การได้เป็นอัจฉริยะก็ไม่มีประโยชน์อะไร

สีหน้าของอิ๋นจื่อจางเปลี่ยนไป ไม่เพียงไม่กลัวแต่ดวงตากลับเป็นประกายพลางพยักหน้าช้าๆ และพูดว่า “ขอบคุณเจ้าสำนักที่บอกข้า”

ฝูอวี้เห็นว่าเขาเป็นคนที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ถึงเวลานั้นคงต้องให้ผู้ที่ดูแลการแข่งขันจับตามองเขาไว้ให้ดี เขาหยิบม้วนคัมภีร์หยกออกมาจากแขนเสื้อและยื่นให้อิ๋นจื่อจางพลางพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ปรมาจารย์โหยวฝากข้ามาให้เจ้า เป็นคัมภีร์ของอาวุโสผู้ที่มีรากวิญญาณน้ำแข็งเหมือนเจ้าใช้เมื่อพันปีก่อน ถ้ามีอะไรที่ไม่เข้าใจก็ให้ไปที่ผาเหรินหมิ่นทางทิศตะวันตกของหุบเขาเริ่มต้นจะมีถ้ำอยู่ ให้เจ้าไปขอคำแนะนำจากท่านป้าวฝาหู่ เขาและปรมาจารย์โหยวมีต้นกำเนิดที่คล้ายกันหลายส่วน จะต้องชี้แนะให้เจ้าอย่างละเอียดได้แน่ ส่วนคัมภีร์ลับที่หอคัมภีร์ของหุบเขาเริ่มต้น ไม่มีคัมภีร์ไหนเหมาะสมกับเจ้า ไม่จำเป็นต้องศึกษา”

อิ่นจื่อจางยื่นมือทั้งสองข้างมารับม้วนคัมภีร์หยกและโค้งตัวขอบคุณ การขอบคุณครั้งนี้ดูจะนอบน้อมและจริงใจกว่าครั้งก่อนๆ

ฝูอวี้โบกมือให้พวกเขาออกไป ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้พูดอะไรกับจูจูสักคำ ถ้าหากไม่เป็นเพราะนาง อิ๋นจื่อจางมาวันแรกก็ไม่หาเรื่องซูจิงแบบนี้หรอก คนไร้ค่าและสร้างปัญหาแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าไม่มีนางตั้งแต่แรกคงจะดีกว่า!

จูจูเดินตามอิ๋นจื่อจางออกมาจากห้องฝึก พลางดึงชายเสื้อของเขาและถามว่า “พวกเราไปที่หอคัมภีร์ก่อนได้ไหม?”

“ที่นั่นไม่มีคัมภีร์ที่เหมาะสมกับข้า ตอนนี้เจ้าก็ยังฝึกพลังไม่ได้ จะไปทำไม?”อิ๋นจื่อจางหัวเราะขณะพูด

“ข้าได้ยินว่า ลูกศิษย์ใหม่มีโอกาสแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่จะเลือกคัมภีร์ได้ฟรีนี่นา พวกเราไม่ได้ใช้ แต่สามารถนำไปแลกกับสิ่งของที่พวกเราจำเป็นต้องใช้อย่างอื่นได้นะ!”จูจูตาเป็นประกาย นางได้ยินเรื่องนี้จากลูกศิษย์ที่อยู่ข้างๆ ตอนที่อยู่ตรงแท่นไท่เสวียน

อิ๋นจื่อจางรู้สึกใบ้กินกับจูจูผู้ที่ไม่เคยยอมละทิ้งโอกาสในการหาเงินเลยแม้แต่นิดเดียว เขาอยากที่จะกลับเรือนพักไปศึกษาคัมภีร์ที่อาจารย์ให้เขาจะแย่อยู่แล้ว

แต่ว่าคิดดูอีกทีแล้ว ถ้าหากสามารถนำมาแลกกับอาวุธที่ไว้ป้องกันให้จูจูได้สักชิ้นสองชิ้นก็คงจะดี ไม่แน่อาจจะเจอคัมภีร์ที่เหมาะจะไว้ให้จูจูฝึกพลังในอนาคตก็ได้ ดังนั้นเขาจึงส่งเสียงหึออกมาทีนึงแล้วก็ยอมพาไป

ในหอคัมภีร์ของหุบเขาเริ่มต้นนอกจากมีคัมภีร์ที่ใช้ฝึกพลังขั้นต้นแล้ว ก็ยังมีม้วนคัมภีร์หยกอีกมากมาย รายการหมวดหมู่คัมภีร์บนกำแพงหยกทางฝั่งตะวันออกของหอแค่มองผ่านๆ ก็น่าจะมีหมื่นกว่าเล่มแล้ว!

ถ้าหากต้องการยืมม้วนคัมภีร์หยกเพื่อไปคัดลอก จะต้องจ่ายด้วยหินวิญญาณ ถูกที่สุดก็ยี่สิบหินวิญญาณ สำหรับศิษย์สายนอกที่ไม่มีชาติตระกูลแล้วเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก ดังนั้นการซื้อขายกันเป็นการ ส่วนตัวจึงเป็นที่นิยมมาก พวกลูกศิษย์ใหม่จึงใช้โอกาสนี้ที่จะได้ฟรีกันทุกคน

ตอนที่อิ๋นจื่อจางและจูจูเข้ามาหอคัมภีร์นั้น ลูกศิษย์ใหม่หนึ่งร้อยกว่าคนก็อยู่ในนั้น ต่างกลั้นหายใจยืนล้อมรอบอ่านรายการของม้วนคัมภีร์หยกอย่างละเอียด แม้แต่สองคนที่กำลังเป็นหัวข้อในการซุบซิบนินทาเดินเข้ามา ก็ไม่มีใครสนใจ

อิ๋นจื่อจางมองสำรวจไปที่รายการคัมภีร์ฝึกพลัง ไม่ว่าจะมองอีกกี่รอบก็ไม่เห็นมีอันไหนที่เหมาะสม ในใจก็คิดว่าถ้าหากจะเลือกไปเพื่อให้จูจูเอาไปแลกกับสิ่งของอย่างอื่น งั้นก็เลือกสักอันที่มูลค่าสูงก็พอแล้ว ดังนั้นเขาจดจำหมายเลขของคัมภีร์ และหันหน้ามาหาจูจูพลางพูดว่า “เจ้าเจออะไรที่เหมาะสมไหม?”

จูจุพยักหน้าเต็มแรงพลางชี้ให้ดูม้วนคัมภีร์หยกที่ไม่สะดุดตาม้วนหนึ่งพลางพูดว่า “ม้วนนั้น!”

อิ๋นจื่อจางมองตามไป คัมภีร์ม้วนนั้นชื่อว่า “ร้อยรสชาติของสมุนไพรและสัตว์เทพ” ด้านข้างไม่มีแม้แต่คำอธิบาย แค่มองก็รู้แล้วว่าคัมภีร์ม้วนนี้เป็นตำราปรุงอาหาร!

จูจเห็นสีหน้าของเขาที่คาดไม่ถึงแล้ว ก็รีบพูดทันทีว่า “พวกสมุนไพรและสัตว์เทพพวกนี้กินแล้วต้องดีต่อสุขภาพแน่ ข้าจะทำอาหารอร่อยๆ ให้เจ้ากินทุกวันเลย!”

อย่างที่คิดไว้พออิ๋นจื่อจางได้ยินว่าอาหารอร่อยๆ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นอบอุ่นพลางตอบว่า “ตกลง!”

ทั้งสองหันหลังเดินไปอีกด้าน พลางแสดงป้ายของตัวเองและบอกกับลูกศิษย์ที่เป็นผู้ดูแลหอคัมภีร์ว่าต้องการคัมภีร์หมายเลขและชื่ออะไร

คัมภีร์ที่อิ๋นจื่อจางแจ้งชื่อไปไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย แต่ตอนที่จูจูบอกว่าจะเอาคัมภีร์ร้อยรสชาติของสมุนไพรและสัตว์เทพนั้น ลูกศิษย์คนนั้นกลับทำหน้าตาแปลกๆ

“ศิษย์น้องหญิงเจ้าต้องการคัมภีร์เล่มนั้นจริงๆ หรือ? ถ้าอยากเข้าใจเกี่ยวกับสมุนไพร หนึ่งเดือนหลังจากนี้เจ้าได้เข้าไปในหุบเขาของอาวุโสเจิ้ง ก็มีให้อ่านมากมายแล้ว ไม่ทำให้เจ้าเสียโอกาสเปล่าๆ หรือ?”เขามองเห็นว่าในอนาคตอิ๋นจื่อจางจะเป็นคนสำคัญ จึงแนะนำด้วยความหวังดี

“แต่ว่าอาจารย์สนใจเรื่องการปรุงยาไม่ใช่การทำอาหารนี่นา” จูจูตอบอย่างไร้เดียงสา ปัญหานี้นางคิดออกตั้งนานแล้ว

“ใช่แล้ว คัมภีร์ม้วนนี้ราคาถูกมากใช่รึไม่?” ถึงแม้ว่าจะตัดสินใจคัดลอกคัมภีร์เล่มนี้แล้ว จูจูก็ยังรู้สึกปวดใจเพราะเกรงว่าจะเสียเปรียบ

ลูกศิษย์คนนั้นใบ้กิน พูดอย่างเคืองๆ ว่า “ไม่ถูก คัมภีร์ม้วนนี้คือคัมภีร์ที่แพงที่สุดในหอนี้ แต่ว่า…”

“เอ๋? !” จูจูดีใจเป็นอย่างมาก “งั้นข้าต้องการอันนี้แหละ!”

ลูกศิษย์คนนั้นได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก หันหลังเดินเข้าไปในหอคัมภีร์ ผ่านไปราวธูปหนึ่งดอกหมดลง เขาก็กลับมาพร้อมคัมภีร์หยกม้วนใหม่สองม้วนส่งให้อิ๋นจื่อจางและจูจู คัมภีร์ลับและตำราอาหารที่พวกเขาต้องการต่างอยู่ข้างในนั้น

รอจนทั้งสองจากไป ลูกศิษย์คนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับศิษย์พี่ข้างๆ ว่า “คนโง่ก็เคยพบ แต่ไม่เคยพบคนโง่ขนาดนี้! ทำไมคัมภีร์อาหารผุๆ ที่อาจารย์ลุงเผยเขียนขึ้นตอนไม่มีอะไรทำเพื่อหลอกเอาหินวิญญาณคนอื่น ถึงได้มีคนมองว่ามันล้ำค่าได้! อาจารย์ลุงเผยเป็นผู้ดูแลเรื่องโรงครัว แต่อาหารที่โรงครัวทำออกมามันเป็นสภาพยังไงล่ะ?ไม่กินจนท้องเสียก็ถือว่าขอบคุณฟ้าดินมากแล้ว สมุนไพรและสัตว์เทพมันกินมั่วซั่วได้หรือ? หากไม่กินอาหารร่างกายก็มีปัญหาอีก อยากร้องไห้ก็ไม่มีที่จะให้ร้อง!”

อาจารย์ลุงเผยที่เขาพูดถึงนั้นชื่อว่าเผยกู่ เป็นเซียนระดับจู้จีสูงสุด เป็นคนขี้เกียจ ทำให้ศิษย์ที่อยู่ระดับต่ำกว่าเจี๋ยตันกลียดชังอยู่ลึกๆ หลังจากที่เขากลายเป็นผู้ดูแลโรงครัวของสำนัก ผู้ฝึกพลังและระดับจู้จีที่ยังไม่สามรถอดอาหารได้ ก็ไม่เคยได้กินอาหารดีๆ อีกเลยสักมื้อ

เมื่อมีคนไปฟ้องเจ้าสำนักฝูอวี้ เผยกู่ก็จะบอกว่า “นี่เป็นแรงบันดาลใจให้ฝึกหนักมากขึ้น เพื่อกลายเป็นระดับเจี๋ยตัน ไม่ต้องกินอะไรก็อยู่ได้ ข้าเพียรพยายามอย่างหนักขนาดนี้ แต่พวกท่านกลับไม่เข้าใจ ถ้านึกถึงแต่เรื่องกิน จะพัฒนาได้อย่างไร? ”

ผลสรุปเรื่องก็กลายเป็นแบบนี้ สิบปีที่ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้พวกเขาจึงได้กินเพียงอาหารหมูเท่านั้น

เรื่องที่น่าโมโหคือ เขาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการทำอาหารหมูยังหน้าหนาบังคับให้หอคัมภีร์รับคัมภีร์อาหารของเขาไว้ และบังคับให้ขายในราคาหนึ่งร้อยหินวิญญาณอีก พวกเขาคิดว่าคนอื่นโง่อย่างงั้นหรือ? !

คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะยังมีคนเดินเข้ามาถูกเขาเอาเปรียบด้วยตนเอง!

บรรดาผู้ที่ดูแลหอคัมภีร์ต่างยิ้มขื่นๆ สายตาของอาวุโสเจิ้งฉวนที่รับลูกศิษย์คนนี้เข้ามาช่างทำให้คนอื่นไม่กล้าสรรเสริญเยินยอเลยจริงๆ!