บทที่ 25 ถูกลิขิตไว้แล้วว่าไม่มีวาสนา
ท่านยายเคยพูดเอาไว้ว่า หากพบเจอกับเรื่องยุ่งยากแทนที่จะสร้างความกดดันให้เขา สู้พยายามช่วยหาทางช่วยเขาดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่กดดันอีกฝ่ายและยังแสดงความห่วงใยอีกด้วย
จูจูกัดริมฝีปาก ทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วหยิบขวดหยกเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อส่งให้อิ๋นจื่อจางพลางพูดว่า “นี่คือยาฟื้นฟูพลังสามเม็ด ศิษย์พี่เผยบอกว่าเป็นยาที่รักษาบาดแผลให้กับผู้ฝึกพลังจนถึงระดับจู้จีได้ดีที่สุด ทั้งบาดแผลภายในและภายนอกต่างรักษาได้หมด ถึงแม้ว่าจะไม่มีลวดลายแต่ก็ดูจะไม่เลว ให้เจ้า”
อิ๋นจื่อจางรับขวดหยกมาพลางถามอย่างแปลกๆ ว่า “เจ้ามีของพวกนี้ได้อย่างไร”
จูจูก้มหน้าพลางตอบว่า “ศิษย์พี่เผยให้ข้ามา” จริงๆ แล้วจิงจี๋เหรินให้นางเป็นค่าตอบแทนการทำอาหาร แต่ว่านางไม่กล้าบอกอิ๋นจื่อจาง
นิสัยของอิ๋นจื่อจางทั้งพาลและแปลก เขาไม่ชอบให้นางทำอาหารและทำงานให้ใคร สองสามวันนี้เป็นเพราะเขาฝึกวิชาอยู่ที่ผาเหรินหมิ่น จูจูนั้นก็อยู่กับเผยกู่ทุกวันเพื่อทำอาหารมาส่ง พออิ๋นจื่อจางกินเองนั้นก็กินอย่างมีความสุข แต่พอเห็นพวกป้าวฝาหู่กินอย่างสบายอกสบายใจแล้ว ก็มักจะทำสีหน้านิ่งๆ ถึงแม้จะไม่พูดอะไรออกมา แต่จูจูรู้ดีว่าเขาไม่ค่อยพอใจ
ถ้าหากเขารู้ว่านางยังแอบทำอาหารให้จิงจี๋เหรินด้วย เขาคงโกรธแน่ๆ ใช่ไหมล่ะ? จูจูจึงตัดสินใจไม่บอกเขาเพื่อจะได้ไม่มีปัญหา
ถึงแม้ว่าอิ๋นจื่อจางจะไม่ค่อยเชื่อ แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่ใช่คนที่จะสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่แล้ว เขารับของที่จูจูมอบให้และอาหารหลากหลายชนิดที่นางทำให้แห้งและเก็บไว้ได้หลายวันแล้วปิดประตูทันที
จูจูยังคงทำอาหารหลากหลายชนิดตามคัมภีร์ที่กล่าวไว้ทุกวัน ถึงแม้ว่าอาหารหลายชนิดที่คัมภีร์ได้กล่าวถึงนางจะมีวัตดุดิบที่จำกัด ทำให้มีอีกหลายชนิดที่ยังไม่เคยทำ แต่ว่าเนื้อหาที่อยู่ข้างในนางกลับจำได้ขึ้นใจ ทำให้ป้าวฝ่าหู่และเผยกู่กินแล้วรู้สึกตกตะลึง
ในคัมภีร์ไม่เพียงแต่มีการบรรยายถึงการทำอาหาร แต่ในนั้นก็ยังครอบคลุมถึงหลักการหยินหยางและความสมดุลอีกด้วย จะว่าไปแล้วแต่ก่อนจูจูไม่เคยเรียนรู้เรื่องนี้เลย แต่เพียงไม่กี่วันนางก็เข้าใจเนื้อหาในคัมภีร์ทั้งหมด แม้กระทั่งการเปรียบเทียบ โดยเฉพาะส่วนต่างๆ ของสมุนไพร นางสามารถจดจำวิธีการทำ และลักษณะพิเศษของพืชแต่ละชนิดได้อย่างละเอียดและเป็นธรรมชาติ ความจำที่ดีขนาดนี้แม้แต่เซียนระดับต่ำๆ ยังไม่มี ไม่ต้องพูดถึงความสามารถในการรับรู้ที่น่ากลัวเช่นนี้ สูงกว่าอิ๋นจื่อจางที่เป็นอัจฉริยะเสียอีก
เผยกู่และป้าวฝาหู่รู้สึกเสียดายเป็นอย่างมากที่ฟ้าทำให้จูจูไม่สามารถฝึกฝนพลังได้ หญิงสาวที่ฉลาดขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจะมีรากวิญญาณสักสามราก หรือแม้กระทั่งสี่ราก อนาคตของนางก็ต้องประสบความสำเร็จเป็นแน่ น่าเสียดายที่นางไม่มีแม้กระทั่งรากวิญญาณสักราก แถมยังไม่สามารถฝึกพลังได้อีกด้วย
เผยกู่มองไปที่จูจูที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ในห้องครัว นางกำลังทำน้ำแกงใบไม้สีเงินกับหญ้าม่วง ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ถามขึ้นว่า “เจ้าไม่กังวลเลยหรือ?”
อิ๋นจื่อจางบำเพ็ญตบะมาสองวันแล้ว เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะทะลวงพลังระดับขั้นที่แปดให้ได้ พวกเขาและซูจิงมีความบาดหมางกันนั้นเผยกู่ก็รู้ดี ถ้าหากอิ๋นจื่อจางฝึกพลังล้มเหลว ซูจิงคงใช้โอกาสนี้ทำให้อิ๋นจื่อจางไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเป็นแน่ การฝึกพลังครั้งนี้สำหรับทั้งสองคนแล้วถ้าพูดว่ามันเกี่ยวพันถึงชีวิต ก็คงจะไม่ไกลเกินไปนัก
จากการกระทำของโหยวเชียนเริ่นนั้น พวกเขาต่างดูออก ปรมาจารย์ระดับหยวนอิงถึงแม้จะชอบอัจฉริยะ แต่ก็ไม่คิดจะลงมือช่วยมากมาย นี่ถือเป็นการฝึกพลังของลูกศิษย์อีกชนิดหนึ่ง ถ้าหากเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ วันข้างหน้าจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านี้ได้อย่างไร?
“ข้าเป็นกังวลสิ” จูจูมองเขาอย่างแปลกๆ แวบหนึ่ง แล้วก็หันไปทำอาหารต่อ
“ดูไม่ออก…” เผยกู่เกาหัว
“หรือว่าข้าต้องร้องไห้หน้าตาบูดบึ้งทั้งวันล่ะ?” จูจูใช้ช้อนคนอาหารในหม้อ เพิ่มไฟให้แรงขึ้นอีกหน่อย เตาของเผยกู่นี้ใช้ดีจริงๆ!
“ก็ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ว่าข้าเห็นว่าเจ้ายังมีอารมณ์ทำอาหารทุกวัน…” เผยกู่ไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะพูดอะไรกันแน่ แน่นอนว่าเขาไม่อยากให้จูจูมีใบหน้าเศร้าหมอง แต่ว่าพอเห็นนางทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเองก็รู้สึกแปลกๆ
“ถึงข้าจะกังวลไปก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ท่านยายเคยบอกไว้ว่าการเป็นเซียนนั้นอันตรายมาก ถ้าหากจิตใจกังวลมากเกินไปจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ง่ายๆ เรื่องแบบนี้วันข้างหน้าก็ต้องพบเจออีก ข้าไม่อยากให้เขาเป็นกังวลกับข้าทุกครั้งที่จะบำเพ็ญตบะอีก” จูจูตอบ
เผยกู่เงียบไปครู่หนึ่ง พลางถอนหายใจและพูดว่า “…เจ้าเด็กนั่นโชคดีจริงๆ! ข้าแก่ขนาดนี้ยังไม่เคยโชคดีแบบนี้เลย”
“ตอนนี้ท่านก็ถือว่าโชคดีแล้ว น้ำแกงเสร็จแล้ว” จูจูประกาศอย่างดีใจ
ชั่วขณะนั้นเผยกู่นำความเครียดโยนทิ้งไป แล้วคว้าช้อนมาตักน้ำแกงขึ้นชิม
น้ำแกงทั้งหม้อถูกแบ่งออกเป็นสามชุด สองชุดใหญ่นั้น ถูกแบ่งให้กับเผยกู่และป้าวฝาหู่ และชุดเล็กนั้นให้จูจูกินเอง เขาถือโอกาสที่จูจูเก็บชามช้อนเตรียมจะทำอาหารมื้อต่อไป ดึงป้าวฝาหู่มากระซิบเบาๆ ว่า
“ถึงแม้ว่าสาวน้อยของเราจะหน้าตาไม่สวย แต่นิสัยไม่เลว ถ้าข้าเกิดช้ากว่านี้สักสิบปี ข้าต้องแย่งนางกับอิ๋นจื่อจางแน่ๆ”
“เจ้ารู้แล้วเหรอว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ยังไงกัน?” ป้าวฝาหู่ไม่คิดอย่างนั้น
“ถ้าหากไม่ใช่ ก็แค่ศิษย์น้องอิ๋นจื่อจางมีตาหามีแววไม่!” เผยกู่เข้าข้างจูจูแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด
“เจ้าอย่าลืมว่าจูจูเป็นคนธรรมดาที่ไม่สามารถฝึกพลังได้ ระยะเวลาหนึ่งร้อยปีสำหรับเซียนอย่างเราแล้วถือว่าน้อยมาก แต่ถ้าสำหรับคนธรรมดา ก็คือหนึ่งช่วงชีวิตของเขา เจ้าคิดว่าพวกเขาเหมาะสมกันหรือ?” ป้าวฝาหู่พูดตามความเป็นจริง เขาเองก็รู้สึกว่าจูจูนั้นไม่เลว น่าเสียดายที่ท้ายที่สุดแล้วนางก็เป็นแค่คนธรรมดา ห้าสิบปีหลังจากนี้ความสามารถของอิ๋นจื่อจางก็กำลังอยู่ในจุดที่ถือว่าสวยงาม แต่ถึงเวลานั้นนางก็แก่เสียแล้ว
“อาวุโสเจิ้งบอกไม่ใช่หรือว่าจะสั่งสอนนางให้ได้ดี?” เผยกู่รู้สึกไม่แน่ใจ
“เกรงว่าเขาจะพูดเพื่อทะเลาะกับปรมาจารย์โหยวมากกว่าล่ะสิ ตัวเขาเองก็นิสัยแปลกๆ ใครจะรู้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ หากเขาสามารถทำให้จูจูเข้าสู่วิถีทางแห่งเซียนได้จริงๆ เขาคงเป็นยอดคนที่แท้จริงแล้วล่ะ!” ป้าวฝาหู่ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“นิสัยแปลกๆ ยังแปลกกว่าเจ้าอีกหรือ? เจ้ากินอาหารที่จูจูทำทุกมื้อมาจะครบหนึ่งเดือนแล้ว รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? แผลภายในดีขึ้นหรือยัง?” เผยกู่ยิ้มย่อง
“ก็ได้ ! เจ้าเก่ง!” ป้าวฝาหู่ทำท่าเหยียดหยาม แต่แววตากลับแสดงออกถึงการขอบคุณและมีความสุข หากเขาคะเนไม่ผิด นานที่สุดก็คือต้องกินอาหารพวกนี้อีกสองสามเดือน ร่างกายภายในของเขาก็จะฟื้นฟู ถึงเวลานั้นเริ่มฝึกพลังใหม่เพื่อไปให้ถึงระดับเจี๋ยตันก็ไม่ใช่ปัญหา
“น่าเสียดายที่พรุ่งนี้จูจูก็ต้องไปแล้ว….” เผยกู่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เขาเองก็สามารถปรุงอาหารที่ทำมาจากสมุนไพรและสัตว์ได้แต่รสชาติก็ไม่ต่างอะไรจากอาหารหมู ป้าวฝาหู่นั้นคิดเสียว่ามันคือยาจึงอดทนกินได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เลียนแบบวิธีการทำมาจากจูจูไม่ได้อยู่ดี ทั้งที่นำปริมาณของสมุนไพรและสัตว์เทพมาในปริมาณที่พอเหมาะแล้ว แต่ระหว่างการทำ ประสิทธิภาพของอาหารก็ยังแย่กว่าที่จูจูทำมากอยู่ดี
ป้าวฝ่าหู่กินอาหารที่เขาทำสิบมื้อ ก็ไม่เท่ากับประสิทธิภาพของอาหารที่จูจูทำเพียงมื้อเดียว ทำให้เขาเองก็จนปัญญา นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ก่อนหน้านี้ป้าวฝาหู่ไม่เห็นค่าทฤษฎีของเขา
“ข้าทำอาหารให้พวกท่านกินทุกวันได้นะ แต่ว่าพวกท่านต้องหาคนไปรับอาหารที่หุบเขาอิงปั้ง…หรือไม่พวกท่านก็เข้ามาที่หุบเขาอิงปั้ง ก็จะยิ่งสะดวกที่สุด” จูจูเดินเข้ามาพลางพูด
เผยกู่นั้นได้ยินเสียงฝีเท้าของจูจูตั้งแต่แรกแล้ว เขาจงใจโอดครวญให้นางได้ยิน เมื่อนางพูดแบบนี้เขาก็แกล้งทำเป็นขมวดคิ้ว ยิ้มพลางพูดว่า “รบกวนศิษย์น้องหญิงขนาดนี้ จะทำอย่างไรดี”
“ไม่รบกวน ข้าเองก็มีเรื่องอยากให้ศิษย์พี่ช่วยเช่นกัน” จูจูยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์