บทที่ 13 ทรมาน

บทที่ 13 ทรมาน

เซียวเหยี่ยนบดขยี้ริมฝีปากลงมาโดยแรง อาศัยจังหวะที่เฉินหรูอี้ยังมิทันตั้งตัวสอดลิ้นเข้ามา แรงขบเม้มหนักหน่วงคล้ายจะสูบเอาวิญญาณนางลงท้องก็มิปาน

พิธีมงคลสมรสของทั้งสองนั้นจัดขึ้นในรัชศกจางเหอ เรื่องน่าไม่อายอันใดล้วนกระทำร่วมกันมามิรู้กี่ครั้งแล้วแต่นางไม่อาจไม่ยอมรับว่าชั้นเชิงการจุมพิตของจักรพรรดิจางเหอนั้นช่ำชองเชี่ยวชาญขึ้นมาก คงฝึกมาจากเหล่าสตรีทั้งหลายเป็นแน่ เฉินหรูอี้สติเลอะเลือนเพียงรู้สึกแข้งขาไร้เรี่ยวแรง อ่อนระทวยไปทั่งร่าง

พระองค์ใช้พระกรโอบรัดรอบเอวบางแน่น พระหัตถ์อีกข้างลูบไล้สัมผัสไปตามลำคอระหงระเรื่อยไปยังหลังใบหู

ใบหูคล้ายจะเป็นจุดอ่อนไหวของสนมจ้าว เฉินหรูอี้ใจสั่นสะท้านส่งเสียงครางออกมาอย่างไม่รู้ตัว ร่างระทวยดั่งธารน้ำสายหนึ่ง

ทันใดนั้นเฉินหรูอี้ก็รู้สึกถึงแรงผลักสายหนึ่งผลักเอานางล้มคว่ำลงไปกับพื้น

สตินางยังมิทันคืนมาครบถ้วนแต่สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออกมารอบพระวรกายของพระองค์ พระเนตรแดงก่ำ หมุนพระวรกายเดินไปด้านหน้าเพียงไม่กี่ก้าวแล้วปัดเอาถ้วยชามที่เหลืออยู่บนโต๊ะตกพื้นแตกกระจุยกระจายจนหมด คล้ายว่าเมื่อครู่นี้นั้นยังไม่เพียงพอพระองค์จึงยกพระบาทกระทืบโต๊ะไม้จันทน์ที่อยู่ห่างไปหนึ่งจั้งเกิดเสียงดังโครม โต๊ะหักออกเป็นสองท่อน

“ฝ่าบาท ฝ่าบาทพะยะค่ะ”

ข้าราชบริพารด้านนอกล้วนกระวนกระวายใจ แม้นยามองค์จักรพรรดิทรงพิโรธล้วนไม่มีผู้ใดยินยอมเผชิญหน้า แต่ครานี้พระองค์ทรงเมามากเหลือเกิน ข้างในเละเทะวุ่นวาย แม้นอยากแสร้งว่ามิได้ยินเสียงใดก็ไม่อาจทำได้ หากเกิดความผิดพลาดประการใดขึ้น ข้าราชบริพารที่ติดตามพระองค์เช่นพวกเขาคงได้หัวหลุดจากบ่าเรียงคนเป็นแน่

เฉินฮวายอาศัยฐานะคนเก่าคนแก่ที่ติดตามองค์จักรพรรดิมานานกัดฟันผลักประตูเข้าไป ยังมิทันมองด้านในให้ชัด ก็ถูกเสียงคำรามดุจฟ้าลั่นขององค์จักรพรรดิขู่จนขวัญหนีดีฝ่อ ยังดีที่มิได้ปัสสาวะราดออกมาด้วย

“ไสหัวออกไป”

เฉินฮวายหดหัว ค่อยๆ เก็บเท้าที่ก้าวออกไปเพียงครึ่งของตนกลับคืนมา ปิดประตูลงด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ

ที่ขมขื่นกลับเป็นเฉินหรูอี้

พระสุรเสียงที่ทำเอาเฉินฮวายวิญญาณกระเจิดกระเจิงนั้นสำหรับเฉินหรูอี้กลับเป็นดั่งพระราชโองการ นางจึงไม่กล้าอยู่ในห้องนี้นานแม้เพียงหนึ่งเค่อ* แม้กระทั่งลุกยืนขึ้นยังมิทันจึงเพียงพลิกตัวตะเกียกตะกายออกไปด้านนอก

กระเสือกกระสนไปไม่ถึงแม้เพียงสองก้าว เฉินฮวายกลับปิดประตูอย่างรวดเร็วคล้ายถูกสุนัขงับก้นก็ไม่ปาน

ช่วยด้วย! จักรพรรดิทรงวิปลาสไปแล้ว..แขนของเฉินหรูอี้ที่ยื่นออกไปแข็งค้างอยู่กลางอากาศอย่างฉับพลัน

อาจไม่มีผู้ใดเข้าใจความรู้สึกนี้ของนางได้ มันคล้ายดั่งหุ่นฟางช่วยชีวิตได้ถูกคนหยิบฉกไปต่อหน้าต่อตา ความหวังทั้งหมดทั้งมวลได้มลายหายไปสิ้น

นางสาบานได้ว่า เฉินฮวายผู้นั้นได้เห็นสายตาวิงวอนขอความช่วยเหลือของนางเป็นแน่แท้ซ้ำยังสบตากับนางอีกด้วย แต่ก็ยังปิดประตูทิ้งนาง

ไม่ว่าผู้ใดล้วนอาศัยภายใต้ร่มพระโพธิสมภารทั้งสิ้นแต่เหตุใดกลับไร้น้ำใจต่อกันเช่นนี้ ไม่มีซึ่งศักดิ์ศรีและศีลธรรม

เฉินหรูอี้กัดฟันพลางหยัดตัวลุกขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง หดคอลง ค้อมเอวเดินย่องไปที่ประตูอย่างแผ่วเบา

นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนเราเมื่อคราวเคราะห์นั้นกลืนน้ำลายยังติดไรฟัน ทั้งที่นางระมัดระวังอย่างที่สุด แต่เพียงก้าวเท้าออกไปกลับเหยียบเข้ากับเศษกระเบื้อง เดิมทีเสียงมิได้ดังมากนักแต่ภายใต้บรรยากาศที่วังเวงดุจถูกแช่แข็งนั้น กลับเกิดเสียงกร๊อบแกร๊บดังขึ้นอย่างคาดไม่ถึง

เฉินหรูอี้ใจเต้นไม่เป็นส่ำจนแทบจะทะลุออกมานอกอก

นางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ค่อยๆ หันหลังเหลียวกลับไปมอง จึงเห็นเซียวเหยี่ยนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาหงส์แผ่รังสีอำมหิตจับจ้องมาที่นาง มุมปากค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มอย่างไม่ยี่หระสายหนึ่ง

“เชี่ย เชี่ย เชี่ยเซินกำลังจะออกไปเพคะ” เฉินหรูอี้ใจเย็นเยียบ ถ้ามิใช่ถูกความอหังการของจักรพรรดิจางเหอขู่ขวัญให้กลัวจนแข้งขาอ่อน นางก็คงเดินออกจากหอจินเจาอวี้ซุ่ยแห่งนี้แล้วตรงดิ่งกลับตำหนักหมิงกวางของนางไปเสียนานแล้ว

เซียวเหยี่ยนสาดสายตาเย็นชา “ไปไหนหรือ?”

เฉินหรูอี้สูดหายใจเล็กน้อย ตวัดนิ้วชี้ชี้ไปทางด้านหลังตนเอ่ยเสียงเบาหวิวด้วยความระมัดระวัง “ฝ่าบาททรงรับสั่งให้เชี่ยเซิน....ไสหัวออกไปมิใช่หรือเพคะ?”

“เชี่ยเซินกำลังจะ*ไสหัวออกไปเพคะ”

กล่าวจบ นางคล้ายสำนึกขึ้นได้ว่าตนพูดอันใดออกไป ใบหน้ารูปไข่จึงแดงเถือกดั่งไฟลนขึ้นในทันใด อายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี

เฉินหรูอี้ ดีชั่วอย่างไรก็เคยเป็นหวงโฮ่วมาก่อน เป็นพระมารดาเมืองที่นั่งเคียงคู่ราชบัลลังก์ขององค์จักรพรรดิภายใต้สายตาผู้คนมากมาย แต่มาบัดนี้กลับเป็นเพียงคนตัวเล็กแสนต้อยต่ำปราศจากเค้าร่างเดิมโดยสิ้นเชิง แล้วสตรีหน้าบางเช่นนางจะทนรับความรู้สึกนี้ได้เช่นไร?

นางกัดฟันตน รู้สึกเสียใจในสิ่งที่ได้เอ่ยออกไป เซียวเหยี่ยนค่อยๆ ขยับใกล้เข้ามา

“เจ้าอยากไปที่ใด? เจ้าก็อยากไปให้ไกลจากเจิ้นเช่นกันงั้นหรือ?”

แม้ก่อนหน้านี้เฉินหรูอี้จะไม่อยากยอมรับว่าจักรพรรดิจางเหอทรงมีบุคลิกอันทรงพลังมากล้น แต่ยามนี้นางรู้สึกกลัวจนปัสสาวะแทบจะราด

แต่สภาพการณ์นี้ก็มิได้ดำรงอยู่นาน ในยามที่นางคิดหลบหนีออกไปทางประตูอย่างไม่สนต่อสิ่งใดแล้วนั้น กลับเห็นเงาร่างโยกเอนไปมาของจักรพรรดิจางเหอ ไม่ทราบว่าพระบาทไปเกี่ยวสิ่งใดเข้าพระองค์ทรงเซถลาล้มลงไปกองกับพื้น

โลกทั้งใบพลันเงียบงันไปลงไปทันใด

ในอดีตมิใช่ว่าไม่เคยเห็นจักรพรรดิจางเหอทรงเมาสุราแต่เมื่อทรงเมาจะบรรทมหลับไปโดยไม่แม้จะตรัสกล่าววาจาใดสักคำ แต่บัดนี้นั้นไม่ทราบแน่ว่าเป็นเพราะทรงกลัดกลุ้มพระทัยเกินไปหรือเป็นเพราะฤทธิ์สุราที่ต่างไปทำให้พระองค์เปลี่ยนไปจนน่าตกใจเช่นนี้ จากกิริยาเมื่อครู่ที่มองนางด้วยสายพระเนตรเย็นชาดุจเคลือบชั้นน้ำแข็งไว้นั้น หากพระองค์จะพุ่งเข้ามาฉีกร่างนางเป็นชิ้นๆ ก็มิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้

รออยู่นานก็มิเห็นจักรพรรดิจางเหอลุกขึ้น ทรงนอนราบไปกับพื้นอย่างไร้สุ้มเสียง เฉินหรูอี้จึงเกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจวูบหนึ่ง นางค่อยๆ ก้าวเท้าขึ้นหน้าเข้าไปดูจึงเห็นพระองค์ลืมพระเนตรที่เหม่อลอยจับจ้องบนเพดานคล้ายต้องมนต์สะกดกระนั้น

มิรู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นจึงทำให้องค์จักรพรรดิสะเทือนพระทัยจนมีสภาพเช่นนี้

เฉินหรูอี้คุกเข่าลงข้างพระวรกาย เอ่ยเสียงสั่นว่า “เชี่ยเซินประคองฝ่าบาทลุกขึ้นนะเพ.....”

“หุบปาก เจิ้นไม่อยากฟังเสียงของเจ้า” เซียวเหยี่ยนกล่าวเสียงรอดไรฟัน

เฉินหรูอี้กัดฟันกรอดทำเอาฟันซี่เล็กๆ ในปากแทบแตกเป็นผุยผง

มารดามันเถอะ! ร่างนี้ของนางมิงดงามสมส่วน ด้านหน้าด้านหลังแยกกันไม่ออก เสียงหวานสดใสนี้พระองค์ก็มิทรงโปรดที่จะฟัง แล้วพระองค์ทรงโปรดนางที่ตรงไหนกัน? ยกนางขึ้นมาเพื่อให้บรรดานางสนมดุจเสือดุจหมาป่าเหล่านั้นฉีกทึ้งหรือพระองค์ทรงชอบที่จะทรมานองค์เอง?

เซียวเหยี่ยนคิดไม่ถึงว่าเฉินหรูอี้จะเชื่อฟังปานนี้ บอกมิให้พูด ก็มิพูด แม้แต่ผ่อนลมหายใจยังมิกล้าเสียงดัง หากมิใช่เพราะนางคุกเข่าลงบนพื้นแล้วชายกระโปรงสัมผัสอยู่กับมือของตนก็คงคิดว่านางแอบหนีออกไปแล้ว

“วันนี้เจ้าดูเชื่อฟังเสียจริง” พระองค์ส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา เอียงพระศอเล็กน้อย ชำเลืองสายพระเนตรมองนาง “อย่าได้ทำกิริยาปานว่ามีคนตายเยี่ยงนั้น ผู้อื่นไม่ทราบจะคิดว่าเจ้ากำลังไว้อาลัยให้เจิ้นอยู่”

“รูปลักษณ์สามัญ รูปร่างดั่งท่อนไม้ มีเพียงเสียงที่ดีหน่อย ร้องเพลงให้เจิ้นฟังสิ”

“ร้อง.....เพลง?” เฉินหรูอี้สายตาแข็งค้างดั่งถูกสายฟ้าฟาดก็มิปาน

องค์จักรพรรดิเปลี่ยนเรื่องเร็วไปหรือไม่? ก่อนหน้านี้กล่าวว่านางเสียไม่มีดี ชั่วหันหน้า*กลับให้นางร้องเพลง

พระองค์รู้หรือไม่ว่าเสียงของนางนั้นหากได้เปล่งออกมาแล้วมันสามารถเรียกภูตผีมาได้เลย

สนมจ้าวคนเดิมนั้นมีกล่องเสียงอันแสนไพเราะ แรกเริ่มก็อาศัยบทเพลงอันสูงส่งดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิจางเหอจนได้รับการโปรดปราน แต่เมื่อครู่พระองค์ทรงกล่าวว่ารูปร่างหน้าตานางอย่างไม่ไว้ไมตรีแม้เพียงนิด แต่สุดท้ายกลับพูดเรื่องเสียงร้องของนาง นั่นแสดงว่าแม้จักรพรรดิจางเหอจะมิชอบใจนางหลายอย่าง ดูถูกนางสารพัด แต่ก็ยังยอมรับในเสียงที่ไพเราะของนางเป็นอย่างมาก

แต่ปัญหาคือนางร้องเพี้ยน ทำนองอาจหานางเจอ แต่นางกลับหาทำนองไม่เจอ

*เค่อ หน่วยวัดเวลา หนึ่งเค่อเท่ากับสิบห้านาที

*คำว่า 滚 (กุ่น) ที่แปลว่า ไสหัวออกไปนั้น ยังหมายความว่า กลิ้ง ได้อีกด้วย

*ชั่วหันหน้า คือ การเปรียบเปรยว่าความเร็จพอๆกับช่วงเวลาที่หันหน้า