บทที่ 7 สะเทือนใจ
เฉินหรูอี้ทราบดีว่าจักพรรดิจางเหอไม่มีทางรอจนนางพร้อม หลังจากที่เข้าใจอะไรบ้างแล้ว จึงทำความเคารพต่อพระองค์อย่างสนิทชิดเชื้อ
จักรพรรดิมักเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าเมื่อครู่จะชิงไหวชิงพริบอยู่ในท้องพระโรงดั่งสนามรบอันไร้ซึ่งควันอย่างไร เมื่ออยู่วังหลังพระองค์ก็เป็นเช่นเทพสวรรค์ ทรงตรัสสิ่งใดย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ผู้ใดทำให้พระองค์ขุ่นเคืองพระทัย ชั่วชีวิตนี้อย่าหวังว่าจะหาดีได้
เฉินหรูอี้รีบปรับอารมณ์ ให้สมกับฐานะของสนมอันเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว นางบิดกายไปมาเลียนอย่างสาวน้อยผู้น่ารักในความทรงจำของนาง เอ่ยตัดพ้อว่า:“ฝ่าบาท ทรงเอาแต่หัวเราะผู้อื่น”
คลื่นไส้!
แม้เสียงหวานใสดุจน้ำตาลเคลือบนี้จะมาจากร่างของนาง แต่เฉินหรูอี้ก็ยังสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กายอย่างมิอาจต้านทานได้ โชคดีเพียงใดที่ไม่ได้อาเจียนเอาอาหารว่างที่กินเข้าไปเมื่อครู่ออกมา
เฉินหรูอี้ยิ้มยิงฟันแล้วมองไปยังจักรพรรดิจางเหอตามสัญชาตญาณ กลับพบพระพักตร์แข็งค้าง มือขวาจึงเคลื่อนไปจับที่แขนซ้ายอย่างไม่รู้ตัวคล้ายอยากดึงเอาขนที่คอยแต่จะชี้ชันขึ้นมาทิ้งไปให้หมด
ที่แท้แล้วหญิงงามที่พระองค์ทรงถูกพระทัย ก็มีช่วงเวลาที่ทำให้พระองค์รู้สึกทนไม่ได้เช่นกันอย่างนั้นหรือ?
เซียวเหยี่ยนกระแอมไอเบาๆ ครั้งหนึ่ง ใช้มือขวาปัดฝุ่นบนแขนเสื้อราวกับไม่มีเรื่องราวอันใด แล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ล้ำค่า* อันเป็นตำแหน่งสูงสุด คล้ายเมื่อครู่ไม่มีเรื่องราวอันใดเกิดขึ้นกระนั้น
เฉินหรูอี้เห็นเช่นนั้นจึงรีบร้อนเข้าไปนั่งบนเก้าอี้กุหลาบ*ที่อยู่ด้านขวา นางยังมิทันนั่งให้ดีก็ยินเสียงเอ่ยเย้าของเซียวเหยี่ยนเอ่ยขึ้น “อายโย่ว เหตุใดอ้ายเฟยของเจิ้น*ตกน้ำไปเพียงครั้งกลับเคร่งครัดในกฎขึ้นมาโดยพลัน?”
เฉินหรูอี้ได้ยินเช่นนั้นกลับยิ่งมึนงง นางเป็นของปลอมโดยแท้จึงไม่อาจทราบได้ว่ายามปกติองค์จักรพรรดิและเหล่าสนมนั้นปฏิบัติต่อกันเช่นไร
ระหว่างตกในภวังค์ความคิดนางเห็นเพียงเซียวเหยี่ยนกวักมือเรียกแล้วใช้มือตบลงข้างตัวเป็นสัญญาณว่าให้นางเข้าไปนั่ง
เก้าอี้ล้ำค่านั้นมีขนาดพอๆ กับเก้าอี้คนงาม* นั่งสองถึงสามคนก็มิเป็นปัญหา ตัวเก้าอี้แกะหงส์สลักมังกร ขาเก้าอี้ทั้งสี่งุ้มเข้าด้านในเหนือขึ้นไปคือฐานรองนั่งส่วนด้านล่างมีไม้คานคั่นไว้ทุกด้าน ดูหรูหราล้ำค่าอย่างยิ่ง
เฉินหรูอี้ใช้สายตาลอบสังเกตภายในตำหนัก พบว่าทุกสามถึงห้าก้าวล้วนมีข้ารับใช้ยืนอยู่ แต่กลับไร้ซึ่งสุ้มเสียง ก้มหน้าลงต่ำคล้ายตามองไม่เห็นหูไม่ได้ยินก็มิปาน มีเพียงหยวนเป่าซึ่งเป็นบ่าวรับใช้ของนางเท่านั้นที่กำลังยักคิ้วหลิ่วตาบอกใบ้ให้นางรีบเข้าไปนั่งโดยเร็วด้วยรู้ว่าสมองของเจ้านายตนยามนี้มิได้แจ่มใสเช่นการก่อน จึงเกรงว่าจะทำให้องค์จักรพรรดิไม่พอพระทัย
นางเดินเข้าไปอย่างช้าๆ แต่ก็มิกล้านั่งตามสบายนักจึงนั่งเพียงครึ่งตัวเท่านั้น
“เจ้าเป็นอันใด หรือว่าเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ? ” ดวงตาหงส์ของเซียวเหยี่ยนมีแววยิ้มขัน กลอกตามองนางไปมา คล้ายพบสิ่งแปลกใหม่ พลันยิ้มยิงฟันยื่นมือมาหยิกใบหน้าของเฉินหรูอี้โดยแรง
นั่นเป็นบริเวณที่ถูกฝ่ามืออันกลมกลึงของสนมลู่ฟาดใส่ ยามนี้นางยังรู้สึกเจ็บแสบที่ใบหน้าอยู่ไม่รู้คลาย แล้วยังถูกจักรพรรดิจางเหอทั้งบีบทั้งหยิกอย่างไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อยทำให้นางเจ็บจนร้องออกมา
“ฝ่าบาท เจ็บเพคะ”
......
เอาเถอะ นางยอมรับแล้วจริงๆ ว่าเสียงเล็กใสอันหวานล้ำนี้มิอาจพูดจาเหมือนคนปกติได้ไปชั่วชีวิต ไม่ว่าเอื้อนเอ่ยวาจาใดฟังแล้วล้วนรู้สึกว่านางกำลังยั่วยวนผู้คนอยู่เสมอ
ตั้งแต่นางเข้ามาอยู่ในร่างนี้ไม่เคยมียามใดเลยที่นางจะไม่รู้สึกขนลุกชี้ชัน เพราะเรื่องตื่นเต้นมีมากเหลือเกินแล้ว
เฉินหรูอี้ยังพูดมิทันจบคำดีก็รู้สึกว่าใบหน้าของตนยิ่งถูกหยิกแรงกว่าเดิม นางกรีดร้องเสียงแหลม เอนตัวไปด้านหลังจนติดพนักหลัง สองมือผลักออกไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัวทำเอาจักรพรรดิที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เซไปเล็กน้อย
“ฝ่าบาท....”
เฉินหรูอี้พลันรู้สึกเกิดเสียงอึงอลขึ้นในหัว ภาพที่นางถูกจักรพรรดิสั่งโบยอย่างทารุณกลับมาทำร้ายนางอีกครั้ง นางรีบขึ้นหน้าเข้าไปประคองพระพาหุสองข้างของพระองค์ไว้ สายตาปรากฎแววมุ่งมั่น ในใจคิดว่าเมื่อช่วยประคองพระองค์แล้วต้องรีบคุกเข่าโขกศีรษะขอรับโทษทันที
แต่นางยังไม่ทันได้ทำอันใด เซียวเหยี่ยนพลันหัวเราะแห้งสองครา ใบหน้าปรากฎรอยยิ้มประหม่าแล้วยกมือขึ้นลูบจมูกนางเบาๆ กล่าวว่า “ผิวหน้าของเจ้าช่างเนียนลื่นนัก มือของเจิ้น...เพียงไล้เบาๆ ก็ทำให้เจ้าเจ็บเสียแล้ว เจ้าอย่าได้ถือสา เจิ้นมิได้มีเจตนาเช่นนั้น”
เฉินหรูอี้ตกตะลึงไปชั่วขณะ ที่องค์จักรพรรดิพูดคือสิ่งที่คนทั่วไปพูดกันหรือ?
ผิวหน้านุ่มลื่นเกินไปจนเนื้อบนใบหน้านางลื่นไถลไปใส่พระหัตถ์ให้พระองค์บีบเล่นงั้นหรือ?
เหตุในนางจึงรู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงตา เมื่อครู่องค์จักรพรรดิทรงถูกเสียงหวานใสของร่างนี้ทำให้ชะงักงันไป เลยอดที่จะลงมือต่อนางไม่ได้?ง
หรือว่าแม้องค์จักรพรรดิจะโปรดปรานร่างนี้ของนางเพียงใด ทั้งรักและหลงใหลในเสียงอันหวานใสนี้ของนางแต่บางคราก็รู้สึกทนไม่ไหวเช่นกัน?
ในขณะที่เซียวเหยี่ยนเห็นความสงสัยอันไร้ที่มาปรากฏในแววตาของเฉินหรูอี้ พลันยื่นมือออกไปหวังลูบไล้ใบหน้านางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เฉินหรูอี้นับว่ามีประสบการณ์แล้วจึงเอนตัวไปทางด้านหลังด้วยความรวดเร็วแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย แสร้งทำสีหน้าอ่อนแอไร้ทางสู้ออกมา
เซียวเหยี่ยนหัวเราะเสียงดัง ยกฝ่ามือตบลงไปบนไหล่ของนาง
“ดูท่าคงจะตกใจไม่น้อยจริงๆ แต่ก่อนไม่เคยรู้เลยว่าเจ้าแสนงอนปานนี้”
ในใจของเฉินหรูอี้เกิดคำถามขึ้นมากมาย
หรือเป็นเพราะนางเพิ่งมาอยู่ในร่างนี้ได้ไม่นานจึงยังไม่อาจควบคุมเสียงหวานใสนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ทำให้ผลของมันผิดเพี้ยนไปอย่างนั้นหรือ?
เซียวเหยี่ยนชำเลืองมองเฉินหรูอี้ที่มีอาการคล้ายสะเทือนใจอย่างรุนแรง เพียงรู้สึกว่าใบหน้าที่ปกติสดใสสวยงามเหตุใดดูเหม่อลอยเช่นนี้ จึงอดยิ้มออกมามิได้ พลันยื่นนิ้วมือเรียวยาวออกไปจับมือน้อยๆ ที่บิดผ้าเช็ดหน้าของนางไว้
“ยามนั้นเจิ้นอยู่ที่ตำหนักฉางเล่อได้ยินว่าเจ้าพลัดตกน้ำสิ้นใจแล้ว ไม่นานกลับได้ยินว่าเจ้าฟื้นคืนมาแล้ว เจิ้นยังคิดว่ามีผู้ไม่ประสงค์ดีสร้างเรื่องเท็จ สุดท้ายจึงให้เฉินฮวายไปตรวจสอบ คิดไม่ถึงว่ากลับเป็นเรื่องจริง” เอ่ยพลางบีบมือเฉินหรูอี้เบาๆ คิ้วคมยกขึ้น ยิ้มบางเบาแล้วเอ่ยว่า “เจิ้นดีต่อเจ้าออกปานนี้ เจ้าจักใจดำทิ้งเจิ้นลงคอได้อย่างไร คล้ายสองเรามีใจที่สื่อถึงกันได้ เจ้าถึงได้กลับมาอยู่ตรงหน้าเจิ้นอย่างปลอดภัย เจ้าช่างเป็นเด็กดีของเจิ้นจริงๆ”
การฟื้นคืนครั้งนี้ของนางต้องมีบางอย่างผิดพลาดเป็นแน่แท้
กระทั่งเฉินหรูอี้รู้สึกว่าการฟื้นคืนครั้งนี้น่าสะเทือนใจยิ่งกว่าคราที่นางไปอยู่ในร่างของขันทีเสียอีก
มารดามันเถอะ ผู้ใดสามารถบอกนางได้ว่าแท้จริงแล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?
บุรุษปากหวานท่าทางเกียจคร้านที่อยู่ตรงหน้านี้คือจักรพรรดิจางเหอจริงหรือ?
ถึงแม้การปฏิบัติตนขององค์จักรพรรดิที่มีต่อหวงโฮ่วและสนมชายาจะมิได้เหมือนกันไปเสียทีเดียว แต่ก็ไม่ได้ต่างกันราวฟ้ากับดินเช่นนี้กระมัง?
ครุ่นคิดย้อนไปไกลถึงยามที่นางเป็นหวงโฮ่ว จักรพรรดิจางเหอเมื่อครานั้นยังเป็นเพียงหนุ่มน้อยแต่วาจาท่าทางกลับสุขุมรอบคอบ ถึงแม้ในห้องบรรทมจะร้อนแรงเพียงใด แต่ก็มิได้เป็นคนพูดจาไร้สาระแม้แต่วลีชวนคลื่นไส้อย่างเด็กดีของเจิ้นก็พูดออกมาได้อย่างหน้าไม่แดงใจมิเต้นรัวแรงเช่นนี้
หลายปีมานี้จักรพรรดิจางเหอประสบเรื่องอันใดกันแน่ถึงทำให้พระองค์เปลี่ยนไปจนแม้แต่อุปนิสัยก็บิดเบี้ยวไปเสียแล้ว
คงไม่ใช่.. มีผู้อื่นเข้ามาอยู่ในร่างหรอกนะ?
เฉินหรูอี้ตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ แม้นว่านางคิดเพ้อเจ้อ แต่กลับไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เรื่องของนางก็มิใช่เป็นเช่นนั้นหรือ หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับองค์จักรพรรดิอีกก็มิใช่เรื่องแปลกใหม่อันใด
หรือเหตุที่สวรรค์ให้นางฟื้นคืนมาถึงสองครั้งสองคราก็เพื่อเปิดเผยความจริงอันพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินนี้
ผู้หนึ่งสิ้นแล้วไปอยู่ในร่างผู้อื่น อีกผู้หนึ่งถูกผู้อื่นใช้ร่าง ราชวงศ์ต้าจิ้นของเราอย่าได้อเนจอนาถถึงเพียงนั้นเลย
*เก้าอี้ล้ำค่า หรือ宝椅 เป็นเก้าอี้ตัวยาวที่มีขนาดใหญ่ แกะสลักวิจิตรสวยงาม จัดวางไว้ทั้งในตำหนักของจักพรรดิและชายาสนมใช้สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์โดยเฉพาะ
*เก้าอี้กุหลาบ หรือ 玫瑰椅 เป็นเก้าอี้โบราณที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก มีที่พักแขน พนักพิงหลังและที่วางเท้า รูปแบบละเอียดสวยงาม
*เจิ้น เป็นคำใช้แทนตัวขององค์จักรพรรดิ
*เก้าอี้คนงาม หรือ美人椅 คือเก้าอี้ตัวยาวมีที่เท้าแขนข้างหนึ่งให้เอนนอนได้ ใช้เอนกายพักผ่อนสำหรับสตรีสูงศักดิ์ในวัง