ตอนที่ 2 ความเป็นมา?
“ไม่ได้การแล้ว!” อัศวินดาวตกชุดเทาเห็นหนุ่มน้อยผู้นั้นโยนม้วนสาส์นออกมา ก็ขวัญผวาอย่างไร้สาเหตุ
หนุ่มน้อยกลับจ้องเขา เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายหลักของเวทมนตร์อันแข็งแกร่งสายนี้ก็คืออัศวินดาวตกผู้นี้
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เห็นเพียงสายฟ้าสีเขียวขนาดมหึมาสายแล้วสายเล่าปรากฏอยู่กลางอากาศระหว่างฟ้าดิน สายฟ้าฟาดตรงลงไปในพื้นดินดุจดั่งต้นไม้ใหญ่! สายฟ้าแน่นขนัดสายแล้วสายเล่านี้...มีถึงแปดสายที่บิดพลิกฟาดลงบนร่างของอัศวินดาวตกพร้อมกัน อัศวินชุดเทาผู้นั้นย่อมมิอาจหลบหลีก ท่ามกลางเสียงตู้มดังสนั่น ทั้งร่างของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
หากจะให้ปรมาจารย์เวทย์จันทร์เงินร่ายเวทมนตร์สายฟ้าขั้นห้าอันแข็งแกร่ง ก็จำเป็นต้องพึมพำคาถาสิ้นเปลืองเวลาไม่น้อย อานุภาพนั้นเหลือเชื่อ
“ไม่!” หนุ่มน้อยนัยน์ตาสามเหลี่ยมสวมอาภรณ์ขาวที่หลบอยู่หลังสุดตรงที่ไกลลิบนั้นเบิกตากว้างอย่างตื่นกลัว “ข้า...”
ตู้ม!
ทั้งร่างของเขาพลันระเบิดตู้มกลายเป็นผุยผงในพริบตา! พลังของเขาอ่อนแอเกินไป ย่อมต้านรับไม่ไหวอยู่แล้ว
สายฟ้าสีเขียวอันมหึมาเหล่านี้ฟาดลงไปราวกับต้นไม้ใหญ่ต้นแล้วต้นเล่า รวมแล้วก็เก้าสิบเก้าสาย นี่ก็คือเวทมนตร์ขั้นห้า...พงไพรสายฟ้า!
อาศัยพลังเหนี่ยวนำของชิงสือ ทำได้เพียงรวบรวมสายฟ้าไปยังอัศวินชั้นดาวตกผู้นั้นอย่างยากลำบาก ต้นไม้สายฟ้าต้นอื่นๆ นั้น...เขาก็ มิอาจเหนี่ยวนำได้อย่างแม่นยำ ทำได้เพียงพยายามให้สายฟ้าเหล่านั้นฟาดลงไปยังทิศทางอื่น มิให้ทำร้ายถูกทหารของแดนอินทรีหิมะอย่างสุดแรง ดังนั้นเมื่อมีต้นไม้สายฟ้าสายหนึ่งฟาดถูกร่างของหนุ่มน้อยนัยน์ตาสามเหลี่ยม ก็นับว่าเขาผู้นั้นโชคร้ายแล้ว
“อา อา อา อา” ทหารเกราะสีแดงหม่นเหล่านั้นก็มีหลายคนถูกกระทบ เมื่อถูกเวทมนตร์ขั้นห้ากระทบเข้า ก็ย่อมต้องสิ้นชีวิตในพริบตา
เดิมทีเหล่าทหารของแดนอินทรีหิมะก็กระจายตัวออกแล้ว พวกเขามีจำนวนน้อย อีกทั้งชิงสือพยายามควบคุม ‘พงไพรสายฟ้า’ ให้หลบหลีกพวกเขาอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงไม่มีใครถูกฟาดโดนเลยสักคนเดียว
“รีบหนีเร็ว”
“เร็ว รีบหนี”
เหล่าทหารยี่สิบกว่านายที่โชคดีรอดพ้นจากพงไพรสายฟ้ามาได้ล้วนตระหนกตกใจกันถ้วนหน้า พวกเขาล้วนขี่ม้าทะยานมุ่งหน้าออกไปไกลอย่างรวดเร็ว
“ฟิ้ว” “ฟิ้ว” “ฟิ้ว”
เหล่าทหารของแดนอินทรีหิมะกลับใช้ธนูทลายดาวตามสังหาร
“ไม่เป็นไรใช่ไหม” ชิงสือดึงมือคนรักสาว
“ข้า...ข้า...” จีหรงเองก็ตกใจกลัวแทบแย่ “อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวก็จบเห่แล้ว โชคดีที่ท่านมีสาส์นเวทมนตร์ที่เยี่ยมยอด”
“นี่คือของรักษาชีวิตที่พี่ชายข้ามอบให้” ชิงสือไม่ได้พูดให้ละเอียดเพราะตงป๋อเสวี่ยอิงออกคำสั่งอย่างเคร่งครัดว่าห้ามเปิดเผยออกไป วันนี้ก็นับว่าถูกบีบบังคับจนถึงที่สุดเลยไม่มีวิธีอื่นแล้ว
ไม่นานนักเหล่าทหารของแดนอินทรีหิมะที่ไล่ตามไปก็ถอยกลับมา
“คุณชายน้อยชิงสือขอรับ ทหารของพวกเขาที่หนีไปนั้นมีค่อนข้างมาก บรรจุลูกธนูลงธนูทลายดาวก็วุ่นวายยิ่ง พวกเขาหนีไปทั้งหมดสิบหกคนขอรับ”หัวหน้ากองที่นำมาพลันกล่าวขึ้น
“เก็บกวาดที่นี่เสีย พวกเรากลับปราการเมืองศิลาหิมะ” ชิงสือพูดอย่างไม่สบายใจ
……
ยามพลบค่ำ
ที่ประตูปราการเมือง ตงป๋อเสวี่ยอิง จงหลิงและถงซานได้รับการรายงานจากบ่าวรับใช้จึงมารวมตัวกันที่นี่ สะพานแขวนค่อยๆ วางลง ประตูเมืองก็เปิดออก
นอกประตูเมืองคือชิงสือและพวกขบวนหนึ่งที่นำศพกลับมา
“ข้ากลับหอนักเวทย์ก่อนล่ะ” จีหรงพูดเสียงต่ำ
“อื้อ” ชิงสือพยักหน้า
ประตูเปิดแล้ว
ชิงสือเดินมาตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วก้มหัว “ท่านพี่”
“กลับไปพักผ่อนก่อน ตอนกลางคืนค่อยว่ากัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่ได้ตำหนิ เขาดูออกว่าขณะนี้น้องชายกำลังสับสน ชิงสือพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินเข้าไปในปราการเมืองทันที
“เจ้ามากับข้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมองไปยังหัวหน้ากองทหารแวบหนึ่ง
หัวหน้ากองผู้นั้นตามไปอย่างเคารพนบนอบทันที
คนทั้งขบวนนั้นเดินอยู่ภายในปราการเมือง
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม จงหลิงและถงซานที่อยู่ด้านข้างก็ฟังอยู่เช่นกัน
“เรียนใต้เท้าเจ้าแดน วันนี้พวกเราก็คุ้มกันคุณชายน้อยและแม่นางจีหรงไปยังเมืองอี๋สุ่ยดังปกติก่อนขอรับ” นายกองอู๋ผู้นี้เริ่มต้นอธิบายโดยละเอียด นำเรื่องราวทั้งหมดมาเล่าอย่างละเอียดยิบรอบหนึ่ง หลังจากพูดจบแล้วก็ถอนหายใจเสียงหนึ่ง “โชคดีที่ได้คุณชายน้อยชิงสือร่ายเวทมนตร์ออกมา มิเช่นนั้นพวกเราคงมิได้เสียพี่น้องไปแค่สองคนแน่ขอรับ”
อัศวินชุดเทาผู้นั้นรวดเร็วเกินไป ก่อนหน้าที่เวทมนตร์พงไพรสายฟ้าจะโจมตี เขาก็ได้สังหารทหารของแดนอินทรีหิมะไปสองนายแล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ทหารที่ตายไปนั้น ได้รับเงินทดแทนเท่าตัว ส่วนครอบครัวนั้นปราการเมืองจะเลี้ยงดูต่อไป ทหารอื่นได้รับคนละสิบตำลึงเงิน”
“ขอบคุณใต้เท้าเจ้าแดนขอรับ” นายกองอู๋พูดอย่างซาบซึ้งใจ
“รู้หรือไม่ว่าคุณชายน้อยอาภรณ์ขาวนั้นคือผู้ใด” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“ไม่รู้จักขอรับ อีกทั้งฟังจากสำเนียงแล้วก็เหมือนจะมิใช่พวกเราชาวมืองอี๋สุ่ยด้วย” นายกองอู๋ตอบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้ว
ยุ่งยากหน่อยแล้ว
น้องชายสังหารลูกหลานชนชั้นสูงผู้หนึ่ง เรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก! หากพูดจากมุมมองของกฎหมายอาณาจักรแล้วก็นับว่าอีกฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน ถือว่าน้องชายเพียงแค่โจมตีกลับเท่านั้น! หากอีกฝ่ายเป็นเพียงชนชั้นสูงธรรมดาก็ช่างเถิด กลัวแต่ว่าจะมาจากตระกูลใหญ่สักตระกูลหนึ่ง เช่นนั้นแล้วเรื่องคงไม่จบลงอย่างง่ายดายเช่นนี้แน่ เป็นไปได้มากว่าจะยุ่งยาก
“เสวี่ยอิง ในเมื่อมิใช่ชาวเมืองอี๋สุ่ย จะตรวจสอบก็ยากแล้ว ทั้งเมืองชิงเหอนั้นใหญ่เกินไป ชนชั้นสูงมากมายเพียงนั้น ผู้ใดจะไปรู้เล่าว่าคือตระกูลไหน” จงหลิงก็หนักใจอยู่บ้าง
“มีศพของพวกเขาไหม” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“มีขอรับ นำกลับมาแล้ว ทว่าคุณชายน้อยอาภรณ์ขาวผู้นั้นถูกสายฟ้าทำลายไปเสียแล้ว ศพของอัศวินดาวตกผู้นั้นกลับยังคงอยู่ แต่ว่าเนื่องจากถูกสายฟ้าหลายเล่มโจมตีเข้าพร้อมกัน ดังนั้นจึงมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านไปแล้ว จึงดูลักษณะจำเพาะพวกรูปโฉมไม่ออกเช่นกัน” นายกองอู๋กล่าว
“มีผู้รอดชีวิตหรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“ในตอนนั้นเหล่าพี่น้องแต่ละคนล้วนโกรธแค้นเป็นอย่างมาก จึงลงมืออย่างไม่ไว้น้ำใจ อีกทั้งเกือบทั้งหมดถูกธนูทลายดาวยิงเข้า คนเหล่านั้นเกือบจะสิ้นชีวิตในทันที คนที่บาดเจ็บสาหัสสองคนก็ถูกเหล่าพี่น้องที่โกรธแค้นฆ่าไปแล้ว” นายกองอู๋พูดอย่างจนใจ “ไม่มีผู้รอดชีวิตเลยสักคน”
หว่างคิ้วของตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏแววขุ่นเคือง
คิดจะสืบหาฐานะของอีกฝ่ายมีความยุ่งยากอยู่บ้าง
ช่างมันสิ!
เมื่อมองไปทั่วเมืองชิงเหอ ที่มาในที่แจ้ง ครั้งนี้นับว่าน้องชายโจมตีกลับ! ที่มาในความมืด ต่อให้เป็นซือเหลียงหงที่แกร่งกล้าที่สุดในทั้งเมืองชิงเหอ หรือแม้กระทั่งเซี่ยงผางอวิ๋นผู้น่ากลัวยิ่งนั่น...ตงป๋อเสวี่ยอิงล้วนไม่เกรงกลัว อีกทั้งตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่า ความเป็นมาของคุณชายน้อยชนชั้นสูงที่ถูกสังหารผู้นั้น เกรงว่าคงจะไม่ได้เกินจริงมากมายอะไร
“สืบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกำชับ “สืบจากสิ่งที่เหลืออยู่ของศพพวกนั้น ดูว่าจะสามารถหาร่องรอยเงื่อนงำออกมาได้บ้างหรือไม่ สืบหาฐานะของพวกเขา”
“ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” จงหลิงพูด ความคิดของเขาแยบยล ทำเรื่องต่างๆ ได้อย่างเหมาะควร “สามชั่วยามก็เพียงพอแล้ว”
“หากค้นไม่พบ ก็ทำได้เพียงขอให้หอภูผามังกรช่วยสืบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย
******
โดยทั่วไปกองรักษาการเมืองตามพื้นที่ต่างๆ เช่นเมืองชิงเหอ...ล้วนเป็นตระกูลซือที่ควบคุม ทว่ากองทัพที่ประจำการอยู่รอบแนวเขาทำลายล้างล้วนเป็นของอาณาจักร! กองกำลังอาณาจักรนั้นแข็งแกร่งน่าพิศวงยิ่งกว่า ตระกูลซือทำได้เพียงอาศัยเส้นสายความสัมพันธ์ส่งผลต่อกองกำลังอาณาจักรซึ่งอยู่บนดินแดนของตนได้บ้างเล็กน้อย แต่ก็มิอาจควบคุมได้อย่างแท้จริง
อีกทั้งเบื้องหลังของกองกำลังอาณาจักรนั้นยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว โดยปกติเมื่อเข้าไปในแนวเขาทำลายล้างครั้งใหญ่ เบื้องหลังก็ต้องมีชีวิตเหนือธรรมดากุมตำแหน่งสำคัญอยู่!
ภายในห้องอันกว้างขวางแห่งหนึ่งในกองพันที่สาม
“คุณชายรอง”
“คุณชายน้อยสิ้นแล้ว”
ทหารหมู่หนึ่งยืนอยู่อย่างลำบากใจ
ผู้ที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือขุนพลทหารตาเดียว สีหน้าของขุนพลทหารตาเดียวเคร่งขรึมเสียจนแทบจะมีน้ำหยดออกมาอยู่รอมร่อ เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คุณชายน้อยสิ้นแล้วอย่างนั้นหรือ พวกเจ้ามันพวกไร้ค่า ไร้ค่า! พี่ใหญ่ของข้าต้องเป็นบ้าแน่ ต้องเป็นบ้าแน่! บอกข้ามา ผู้ใดกันที่ทำเรื่องนี้ อีกทั้งสิ้นชีวิตได้อย่างไรกันแน่”
“ขอรับๆ” ทหารเหล่านี้ละล่ำละลักสาธยายเรื่องราวทั้งหมด
ขุนพลทหารตาเดียวฟังแล้วกล้ามเนื้อบนใบหน้าก็กระตุก
เขาสามารถดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองสนับสนุนของกองพันที่สามได้ก็เพราะพี่ใหญ่ของเขาทุ่มเทเงินทองและกำลังจำนวนมากจึงสำเร็จ พี่ใหญ่ของเขาเป็นคนที่บ้าคลั่งมากคนหนึ่ง ผู้คนทั้งเมืองชิงเหอล้วนพูดว่าเขาเป็นสุนัขที่ภักดีต่อตระกูลซือ! ทว่าเหตุใดจึงใช้ ‘สุนัข’ มาเปรียบน่ะหรือ ก็เพราะพี่ใหญ่ของเขาบ้าดีเดือด มักจะทำเรื่องบ้าคลั่งอย่างยิ่งอยู่เสมอ
อีกทั้งคุณชายน้อย ‘ชุยหู่’ ที่สิ้นชีวิตไปผู้นั้นยังเป็นบุตรชายคนเดียวของพี่ใหญ่เขาอีกด้วย!
“ตงป๋อชิงสือ น้องชายของตงป๋อเสวี่ยอิงแห่งแดนอินทรีหิมะอย่างนั้นหรือ” ขุนพลทหารตาเดียวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ช่างบังอาจยิ่งนัก กล้าสังหารคนตระกูลชุยของข้า! ตงป๋อชิงสือต้องตายแน่! พี่ชายเขาก็ต้องตาย! ทั้งแดนอินทรีหิมะก็ต้องถูกฝังตามกันไปด้วย!
เดิมทีทหารเหล่านี้ก็รู้แต่เพียงว่านั่นคือคนของแดนอินทรีหิมะ หากเป็นเพราะในตอนนั้นจีหรงตะโกนเสียงดังออกมาว่านี่คือตงป๋อชิงสือ น้องชายของตงป๋อเสวี่ยอิงเพื่อขู่ขวัญฝ่ายตรงข้ามสักครา เหล่าทหารสามัญเหล่านี้จึงรู้ฐานะของอีกฝ่ายโดยละเอียดเป็นธรรมดา
“จำต้องแจ้งข่าวให้พี่ใหญ่ทราบโดยเร็วที่สุด” ขุนพลทหารตาเดียวอดลังเลไม่ได้ จากนั้นก็หยัดกายลุกขึ้นแล้วไปส่งข่าวถึงเมืองชิงเหอผ่านระบบข่าวสารของกองกำลังอาณาจักร! เขาเป็นถึงผู้รับผิดชอบหลักของกองสนับสนุน เรื่องเล็กอย่างติดต่อคนทางบ้านนี้นับว่าสบายมาก
…
บนภูเขาสูงแห่งหนึ่งห่างจากกองพันที่สามราวสิบกว่าลี้
หมาป่าน้อยน่ารักตัวหนึ่งที่ทั้งร่างสีขาวราวหิมะ แต่สี่ขาสีดำสนิท อีกทั้งมีกลิ่นอายมืดมนจางๆ ล้อมรอบกำลังมองจุดประจำการของกองพันที่สามอันไกลลิบ หมาป่าน้อยตัวนี้...ดูแล้วอายุไม่กี่เดือน ยังคงอ่อนวัยนัก ทว่านัยน์ตาของมันกลับมีความโศกเศร้าเสียใจและความเกลียดชังอันไร้ที่สิ้นสุด
หลังจากมันเกิดได้ไม่นาน แม่ของมันก็ถูกมนุษย์ล่าสังหาร
และเมื่อครู่นี้เอง
พ่อของมันก็เพิ่งถูกพวกทหารเหล่านั้นล่าไปแล้วนำไปยังจุดประจำการ มันอาศัยพรสวรรค์ตามรอยอย่างเงียบๆ มาตลอดทาง แต่ตอนนี้ไม่กล้าตามต่อแล้ว เพราะข้างหน้านี้ไปก็เป็นจุดประจำการของกองทัพมนุษย์แล้ว
“เด็กน้อย” น้ำเสียงนุ่มนวลเสียงหนึ่งดังขึ้น พลังงานดำมืดข้างกายรวมตัวกันแล้วจับเป็นรูปร่างของชายชราผมขาวชุดดำผู้หนึ่งขึ้นมา นัยน์ตาของเขามีความรักใคร่เมตตา “เจ้าเกลียดชังมนุษย์มากใช่หรือไม่”
หมาป่าน้อยมองชายชราผู้นี้ก็กลับรู้สึกสนิทสนมขึ้นมา มันเปล่งเสียงคำรามต่ำ
เกลียด
เกลียดแน่นอน!
“พ่อแม่เจ้าเป็นเพียงสัตว์มารธรรมดาเท่านั้น แต่ว่าเจ้ากลับมีพละกำลังไม่ธรรมดา ทว่าพละกำลังเช่นนี้ต้องควบคุมให้ได้อย่างสมบูรณ์ เจ้าจึงจะมีโอกาสแก้แค้นมนุษย์ในภายหน้าได้” ชายชราผมขาวชุดดำยื่นมือออกมา คทากระดูกขาวอันแปลกประหลาดด้ามหนึ่งก็ปรากฏขึ้น “ข้าให้โอกาสนี้กับเจ้า”
วิ้ง...
ลำแสงสีโลหิตลอยลิ่วออกมาจากคทากระดูกขาวแล้วปกคลุมร่างของหมาป่าน้อยเอาไว้ ภายใต้พลังงานลำแสงสีโลหิตเรืองรองที่ปกคลุมอยู่ ร่างของหมาป่าน้อยเริ่มเปลี่ยนแปลง ตัวของมันค่อยๆ ยืดตรงขึ้นมา ขนและผมจางหายไป เท้าทั้งสี่กลายเป็นแขนขา กะโหลกก็เปลี่ยนเป็นรูปร่างแบบมนุษย์
เพียงครู่เดียว ร่างที่ดูเหมือนเด็กมนุษย์เปลือยวัยห้าหกปีก็ยืนอยู่ตรงที่นี้
“นี่คือร่างมนุษย์ของเจ้า เป็นร่างของมนุษย์แท้ๆ มนุษย์จะหาข้อบกพร่องไม่พบแม้แต่น้อย” ชายชราผมขาวชุดดำกล่าว “มีเพียงหลอมรวมกลมกลืนกับโลกมนุษย์อย่างแท้จริงเท่านั้น ภายภาคหน้าจึงจะสามารถแก้แค้นพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น ไปเถอะ ก่อนที่จะเข้าสู่โลกมนุษย์ เจ้ายังต้องติดตามข้าไปสิบปี เจ้าเรียกข้าว่า...ท่านพ่อก็ได้!”
“ขอรับ ท่าน พ่อ!” เด็กมนุษย์ยังพูดจาตะกุกตะกักอยู่บ้าง แต่ก็ยังพูดได้ชัดเจนดังเดิม
“ไม่ธรรมดาจริงๆ เพิ่งจะเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ก็พูดได้แล้ว” ชายชราผมขาวชุดดำเผยรอยยิ้มออกมา “ไป”
ความมืดสายหนึ่งเข้าปกคลุมชายชราผู้นี้เและเด็กน้อย
จากนั้นพวกเขาก็หายวับไปกลางอากาศ
……………………………………………………………..