บทที่ 8 ลูกปัดหิน

ตอนที่ 8 ลูกปัดหิน

หวังหลินตัวซีดตื่นขึ้นและมองไปรอบด้าน พบว่าตัวเองอยู่ในถ้ำเล็กๆ มีแสงอาทิตย์ส่องผ่านเข้ามาจากปากถ้ำ บนพื้นเต็มไปด้วยกระดูกนกและกระดูกสัตว์ต่างๆ

กำแพงข้างหลังเขามีหลุมขนาดเท่ากำปั้นอยู่ มันลึกและมืดมากจนมองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ภายใน เขาคิดว่าแรงที่เหมือนพัดดูดเข้ามาในถ้ำเกิดจากหลุมแห่งนี้เอง พวกนกที่ตายบริเวณนี้ก็คงจะถูกดูดเข้ามาเช่นเดียวกัน

การดูดจากหลุมนี้เกิดขึ้นเองตามธรรมขาติ จังหวะที่เขากำลังตกนั้นได้เกิดแรงดูดจากหน้าถ้ำ มันดึงเขาเข้ามาและช่วยชีวิตไว้ หวังหลินเกิดเจ็บปวดที่มือข้างขวา ขณะที่กำลังจะเดินออกไป ทันใดนั้นกระดูกต่างๆได้กลิ้งเข้าไปทางด้านหลังของถ้ำโดยไม่มีสัญญาณอะไรเลย หวังหลินเองก็กลิ้งเข้าไปด้วยเช่นเดียวกัน

แรงดูดมาจากหลุมเล็กๆหลุมนั้น กระดูกทุกชิ้นถูกดูดเข้าหาหลุมอย่างรวดเร็ว บางชิ้นที่ใหญ่หน่อยก็ติดอยู่กับผนัง

จังหวะนั้นมีนกตัวหนึ่งถูกดูดเข้ามาจากปากถ้ำ มันแล่นผ่านอากาศอย่างรวดเร็วจนกระแทกกับผนัง

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแรงดึงดูดนั้นจึงได้หยุดลง หวังหลินมองไปยังซากนกที่พึ่งตายไปด้วยความหวาดกลัว เขายังไม่ได้เคลื่อนร่างไปไหน เพียงแค่นั่งที่เดิมและคำนวณเวลาไปด้วย

ครึ่งชั่วโมงอีกต่อมาแรงดูดได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ทุกๆครั้งหวังหลินจะจับเวลาที่หลุมนี้ดูดไว้จนเขาพบว่ามันดูดทุกสามสิบนาที แต่ละครั้งกินเวลาหนึ่งชั่วโมง

หวังหลินใช้ประโยชน์จากช่องว่างระหว่างการดูดแต่ละครั้งค่อยๆคลานไปยังปากทางเข้าถ้ำ เขาก้มมองต่ำลงและฝืนยิ้มอย่างขมขื่น ข้างล่างเป็นป่า พื้นที่ปกคลุมไปด้วยหินอย่างเห็นได้ชัด หน้าผาแห่งนี้สูงชันมาก ไม่มีทางที่เขาจะปีนลงไปด้วยแขนหักเช่นนี้ ระยะห่างจากพื้นกะระยะด้วยสายตามากกว่าร้อยเมตร ถ้ากระโดดลงไปมีแต่ตายแน่นอน

กระเป๋าเก็บอาหารถูกทิ้งไว้บนยอดภูเขา ไม่มีทางที่เขาจะไปเอามันมาได้ ตอนนี้สิ่งจำเป็นคือต้องแก้ปัญหาเรื่องอาหารก่อน ขณะขบคิดจึงจำได้ว่าใกล้จะถึงเวลาดูดอีกรอบแล้ว หวังหลินรีบกลับไปหลบยังมุมถ้ำ

เวลาข้างนอกได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หวังหลินรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ เขาไม่รู้สึกถึงแขนตัวเองอีกแล้ว พลางยิ้มอย่างขมขื่นและพูดกับตัวเอง “การติดอยู่ที่นี่ก็เท่ากับตายอย่างช้าๆ แต่ถ้ากระโดดลงไปคงตายทันที”

เขามองไปยังร่างซากนกที่ตายลงก่อนหน้านี้ หวังหลินลังเลเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปหยิบมันขึ้นมาและกัดเข้าไปหนึ่งคำอย่างฝืนใจ รสชาติน่าเกลียด เขากลั้นหายใจกลืนชิ้นเนื้อดิบในปากแต่แล้วก็ต้องกินต่อไป

หวังหลินอดทนเขี้ยวชิ้นเนื้อ เลือกที่จะกลืนมันไปทั้งหมด พลันรู้สึกถึงความอบอุ่นและปั่นป่วนภายในห้อง เขากินนกอย่างรวดเร็วด้วยการกัดคำใหญ่ จากนั้นยืนขึ้นและหายใจลึกๆเพื่อที่จะกลั้นตัวเองไม่ให้อ้วกออกมา

หวังหลินโยนเศษนกที่เหลือไว้ข้างๆและนั่งลงพิงผนังถ้ำ ความคิดสับสน ขณะหนึ่งคิดถึงครอบครัวตัวเองและคิดถึงลุงสี่ อีกขณะก็คิดถึงใบหน้าเสแสร้งของเหล่าญาติๆและนึกถึงสายตาเย็นชาจากชายวัยกลางคนในสำนักเหิงยั่ว

ในอาการมึนงงนั้น หวังหลินมองไปซากนกอีกครึ่งนึงที่เขาได้กินไป เขาหยิบซากนั้นขึ้นมาสำรวจดูใกล้ๆ และได้พบว่ามีลูกปัดสีแดงขนาดเท่ากำปั้นทารกอยู่ หวังหลินเต็มไปด้วยความตกใจและหยิบมันออกมาจากซาก

มีลูกปัดอยู่ในร่างนกตัวนี้ได้อย่างไร? หัวใจหวังหลินพองโตเมื่อคิดถึงหนังสือของครูในหมู่บ้านที่เคยให้ดู สัตว์บางตัวที่อยู่มานานจะมีบางอย่างที่เรียกว่า ‘แกนลมปราณ’ เกิดขึ้นในร่าง

ถ้าใครกินแกนลมปราณนั้น ชีวิตเขาจะยืดยาวออกไปและทั้งยังเพิ่มความแข็งแกร่ง แม้แต่ร่างกายที่เสียหายหรือพิการก็จะฟื้นฟูกลับขึ้นมาใหม่

ตอนที่เขาได้เห็นคำอธิบายนั้น เขาไม่เชื่อและเย้ยหยันความลับนี้ทันที แต่ตอนนี้ช่วยไม่ได้ที่เขาจะเชื่อในนิทานและตำนานพวกนั้นหลังจากที่ได้เจอเหล่าเซียนมาแล้ว

หัวใจหวังหลินพองออกเพียงพอที่จะบินออกจากหน้าอก ถ้าลูกปัดนี้เป็นเรื่องจริงตามที่อธิบายไว้ในหนังสือ จากนั้นถ้าเขากินมันลงไป ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูความเจ็บปวดอย่างรวดเร็วแต่มันคงทำให้เขาหนีออกถ้ำแห่งนี้ได้ง่ายขึ้นกระทั่งผ่านการทดสอบเข้าสำนักเหิงยั่วก็น่าจะได้ อย่างน้อยเขาคงผ่านด่านทดสอบความเพียร

แต่ลูกปัดนี้แข็งมาก มันดูไม่สามารถทำให้มีรอยขีดข่วนได้ เขาใช้เสื้ออันสกปรกบนร่างเพื่อเช็ดมันให้กลับคืนสีดังเดิม

ลูกปัดสีเทาเผยให้เขาเห็นเมฆห้าก้อนแกะสลักบนนั้น มันดูเก่าทีเดียว หวังหลินรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากทั้งไม่เต็มใจยอมแพ้ เขากัดลูกปัดลงไปคำนึงจากนั้นหัวเราะเงียบๆกับตัวเอง “หวังหลิน เจ้ามันประสาทหลอนไปแล้ว นกที่มีแกนลมปราณจะตกลงมาตายเบื้องหน้าเจ้าง่ายๆเช่นนั้น?”

หวังหลินถอนหายใจ ข้างนอกเข้าสู่ความมืดแล้ว เขารู้สึกเหนื่อยล้าและหลับไปที่มุมนึงพร้อมลูกปัดรวมถึงเหล่ากระดูกทั้งหลายบนพื้น

ตั้งแต่เข้าหน้าฝน อุณหภูมิก็ลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งเป็นพื้นที่ภูเขายิ่งพิเศษ อากาศหนาวแทรกเข้าผ่านร่างหวังหลิน เขาขดตัวทันทีพร้อมกับหวังให้คืนนี้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว

เช้าวันรุ่งขึ้น แสงอาทิตย์ลอดผ่านจากนอกถ้ำเข้ามาข้างใน น้ำค้างเป็นประกายได้หยดจากลูกปัดข้างหวังหลิน จากหยดน้ำค้างที่หยดออกมา มันหยดลงไปที่ซากกระดูกใกล้ๆ

ไม่นานนักหวังหลินก็ตื่นขึ้น ไม่แค่แขนเขาที่ยังปูดป่องแต่มันแย่ลงกว่าเดิมไปอีก หวังหลินนั่งบนพื้นรู้สึกหดหู่

หวังหลินพึมพำกับตัวเอง “ข้าต้องการติดอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตใช่ไหม?” เขาส่ายหัวอย่างช้าๆและจากนั้นเขาเห็นหยดน้ำค้างหยดลงบนกระดูกเหล่านั้น เขาเริ่มรู้สึกกระหายน้ำและจากนั้นได้จับกองกระดูกด้วยความระมัดระวังและเลียลงบนนั้น

เป็นหยดน้ำที่ค่อนข้างหวาน เขาจินตนาการเป็นคำพูดไม่ออกแต่ทั้งร่างรู้สึกอบอุ่นและปลอดโปร่งหลังจากดื่มมันเข้าไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแขนตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บ มันมีความรู้สึกปลอดโปร่งและอาการปวดได้บรรเทาลง หวังหลินลูบตาตัวเองและมองไปที่แขนเขาใกล้ๆ อาการบวมได้ลดลงไปมากแล้ว เขารีบมองหาเหล่ากระดูกรอบตัวที่มีน้ำค้างแต่ไม่สามารถเจอพวกมันได้อีก

ขณะเดียวกัน เขาได้พบหินลูกปัดและเห็นหยดน้ำค้างได้ไหลออกจากมัน จำได้ว่ากองกระดูกที่มีน้ำค้างนี้อยู่ถัดจากลูกปัด เขาหยิบมันขึ้นมาอย่างอ่อนโยนด้วยหัวใจที่พองโต สะบัดลูกปัดบนแขนเขาเองเพื่อกระจายน้ำค้างออกมา

คลื่นความเย็นและความรู้สึกสดชื่นแล่นผ่านเข้าแขนเขา หวังหลินมองแขนตัวเองโดยไม่กระพริบตา หลังจากนั้นดวงตาก็ใสสว่าง อาการปูดโปนบนแขนได้หายไปแล้ว เขาลองขยับแขนตัวเองแต่ยังมีความเจ็บเล็กน้อยและมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป

“ลูกปัดหินนี้เป็นสมบัติของจริง!” หวังหลินเผยแววตาประหลาดใจปนความสุข

…………………………………………