ตอนที่ 9 ลงหน้าผา
ผ่านไปไม่กี่วันหวังหลินยังคงอาศัยกินนกที่ตายจากแรงดูดของถ้ำเพื่อเอาตัวรอด เขาใช้เวลาส่วนใหญ่สังเกตลูกปัดหินอย่างใส่ใจ ทุกๆครั้งที่น้ำค้างปรากฏขึ้นบนหิน เขาก็จะนำมันมาทาแผลบริเวณแขนทันที เขาทำจนในที่สุดแขนตัวเองก็ฟื้นฟูมาเป็นปกติ หวังหลินรู้ว่าหยดน้ำนี้มีค่ามหาศาล ดังนั้นจึงเก็บบางส่วนไว้ในกระโหลกนก
วันหนึ่งหลังจากที่สะสมน้ำค้างมาหลายวันแล้ว เขาได้นำหินลูกปัดแขวนไว้กับคอพร้อมตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันจะไม่ร่วง จากนั้นก็มาถึงที่ปากทางเข้าถ้ำตอนที่แรงดูดหยุดลง หวังหลินใช้ฟันฉีกเสื้อตัวเองและผูกมัดไว้ด้วยกัน จากนั้นผูกเข้ากับหินลูกหนึ่งกับรอบเอวเขาเองและค่อยๆปีนลงไป
หวังหลินปีนลงมาได้ราวห้าหรือหกเมตร จากนั้นมือก็ลื่น ร่างกายหล่นอย่างรวดเร็วแต่ว่าโชคดีที่เสื้อผ้ายังไม่ขาดจึงสวิงเข้าปะทะกับหน้าผาและจับกิ่งไม้ไว้ได้
หน้าผากผุดเหงื่อเย็นเฉียบ เขามองลงข้างล่าง จากประมาณคร่าวๆยังคงเหลืออยู่ยี่สิบเมตรกว่าจะถึงพื้น มือนึงจับที่กิ่งไม้และอีกมือจับเสื้อที่เหลือของตัวเอง ในที่สุดเขาก็ผูกเสื้อกับกิ่งไม้และค่อยโล่งใจ
หวังหลินเคลื่อนตัวเองไปที่ปลายขอบหน้าผาอย่างระวังและจากนั้นเริ่มปืนลงต่อไป เมื่อเหลืออีกสิบเมตรก่อนจะถึงพื้น เสื้อผ้าก็ถึงขีดจำกัดตัวเองแล้ว หวังหลินจึงกระโดดลงโดยไม่ต้องคิด
เสื้อผ้าไม่สามารถทนรับน้ำหนักอีกต่อไปได้จึงเริ่มฉีกออกจากกัน หวังหลินรู้สึกถึงลมปะทะกับใบหน้าขณะที่ร่วงลงบนพื้น ยังดีที่กิ่งไม้ด้านล่างช่วยเขาไว้ ความเร็วจึงลดต่ำลง เขาจัดท่าทางบนร่างกายให้ถูกต้อง เท้าทั้งสองชี้ลงพื้นและหมุนราวกับลูกบอลเมื่อกระทบกับพื้นด้านล่าง
พื้นด้านล่างให้ความรู้สึกคล้ายมีดหินแทงมาที่ร่างกายเขา สร้างบาดแผลลึกต่างๆโดยเฉพาะขาจนลึกเห็นกระดูก
หวังหลินเริ่มสายตาพร่ามัว หายใจเข้าออกลึกๆ ดึงเสื้อตัวเองที่พันไว้รอบคอเข้าสู่ปาก ข้างในเสื้อนั้นมีลูกปัดและน้ำค้างที่เกาะติดกับเสื้อ จากนั้นไม่นานก็นั่งลงและเขย่ามือตัวเอง หยิบเสื้อตัวนั้นและเขย่าให้น้ำค้างหยดออกมาบนบาดแผลที่ขา
บริเวณแผลเกิดขึ้นความรู้สึกเย็นหลังจากได้หยดน้ำค้างลงไป จากนั้นหวังหลินจึงนอนลงบนพื้น ภาวนาให้ไม่มีสัตว์ดุร้ายมาโจมตีเขาก่อนที่จะฟื้นคืนได้
ขณะเดียวกันเขาได้ยินเสียงตะโกนอยู่ไกลๆ
“หวังหลิน เจ้าอยู่ไหน?”
หวังหลินตกใจ เขาได้ยินเสียงใกล้ขึ้นและคิดได้ว่านั่นมันเสียงพ่อเขาเอง เขาใช้แรงทั้งหมดที่เหลือเพื่อตะโกนกลับไปโดยไม่ต้องคิด “พ่อ ข้าอยู่ที่นี่!”
สายรุ้งปรากฏห่างจากเขา เกิดเป็นวงกลมรอบหน้าผาใกล้หวังหลินในเวลาไม่นาน จากนั้นจึงลดต่ำลง กระบี่แสงนั้นมาถึงและกระจายตัวออกไปปรากฏเป็นศิษย์จากสำนักเหิงยั่วและพ่อหวังหลิน
เมื่อพ่อหวังหลินเห็นลูกชาย หยดน้ำตาไหลรินในทันที เขาวิ่งไปที่หวังหลินและกอดลงขณะที่ร้องไห้ไปด้วย “หวังหลิน เจ้าคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงคิดอะไรโง่ๆแบบนี้? คิดว่าพ่อกับแม่จะมีชีวิตต่อไปได้ยังไงถ้าเจ้าตายไป?”
หวังหลินตกใจอีกครั้ง หลังจากคิดเรื่องนั้นเขาตระหนักได้ว่าพ่อตนเองเข้าใจผิดและคิดว่าเขากำลังพยายามฆ่าตัวตาย หลังจากมองตัวเองและเห็นว่าร่างกายยังอยู่ดี ช่วยไม่ได้ที่เขาจะหัวเราะอย่างขมขื่น
ศิษย์สำนักเหิงยั่วชื่อว่าจาง จ้องไปที่หวังหลิน เขามองไปยังหน้าผาด้านบนและเห็นเสื้อผ้าที่ได้ผูกมัดมาก่อนนี้ เขาปีนขึ้นไปจนถึงถ้ำด้วยแรงกระโดดไม่กี่ก้าวและรู้สึกถึงแรงดึงดูดจากข้างในจึงเกิดความประหลาดใจ ไม่นานจากนั้นเขากระโดดลงมาราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่ พูดด้วยเสียงต่ำ “ลูกชายเจ้าอยากฆ่าตัวตายแต่ถูกแรงดึงดูดจากถ้ำช่วยชีวิตไว้ ตอนนี้ก็พบหวังหลินแล้ว กลับไปที่สำนักและดูว่าผู้อาวุโสจะตัดสินอย่างไร”
ศิษย์สำนักเหิงยั่วรวบแขนขึ้น จับพ่อและลูกทั้งสองและออกจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว ไม่นานจากนั้นพวกเขาก็มาถึงตีนเขาสำนักเหิงยั่ว ปีนขึ้นไม่กี่ก้าวก็ถึงยอดเขา
การกลับมาที่นี่ทำให้หวังหลินมีความรู้สึกผสมปนเปไปทั่ว บนยอดเขามีหลายคนแสดงสีหน้าออกอย่างน่าเกลียด ศิษย์จางเข้าไปหาหนึ่งในพวกคนเหล่านั้นและกระซิบบางอย่าง คิ้วชายชราเหี่ยวย่นและพูดด้วยเสียงเย็นชา “ในเมื่อพบแล้ว ส่งเขากลับไปที่ห้องรับแขกแล้วมารวมตัวกันใหม่พร้อมแม่เขา”
เมื่อถึงห้อง แม่ของหวังหลินได้พบลูกชายสุดที่รัก วิ่งเข้ากอดลูกทันทีพร้อมน้ำตาหยดเป็นสาย หลังจากฟังจากพ่อและแม่ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนที่เขาหนีออกจากบ้าน ครอบครัวได้กลับไปตระกูลหวังเพื่อหาอาสี่ ทั้งสามต่างกลัวว่าจะเกิดอันตราย ดังนั้นจึงไปหาพ่อของหวังโจว เนื่องด้วยแรงกดดันจากอาสี่ พ่อของหวังโจวจึงได้ให้สมาชิกตระกูลไปขอความช่วยเหลือจากสำนักเหิงยั่วอย่างไม่เต็มใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่สำนักเหิงยั่วออกหน้าเพื่อช่วยในสภานการณ์แบบนี้ ถึงอย่างนั้นเหตุผลที่ว่าทำไมหวังหลินได้หนีออกจากบ้านก็ไม่เป็นที่ยอมรับในสำนักเหิงยั่ว แม้ว่าสำนักเหิงยั่วจะไม่ห่วงเรื่องชีวิตและความตายของคนธรรมดา หากว่าเขาตายและเป็นข่าวในหมู่บ้านใกล้ๆ ตระกูลต่างๆคงไม่อยากฝากเหล่าเด็กๆมาเข้าที่สำนักนี้ เมื่อกังวลถึงอนาคตแล้วจึงได้ส่งเหล่าศิษย์ออกค้นหา พ่อของหวังหลินยังคงกังวลจึงออกตามไปด้วย
นั่นคือเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนหน้านี้
จากนั้นได้มีคนนำยามาให้ แม่หวังหลินขอบคุณก่อนจะป้อนมันแก่ลูกชาย ยานี้ผลิตโดยสำนักเซียน ผลลัพธ์ย่อมดีเกินธรรมดา หลังจากดื่มมันลงไปหวังหลินรู้สึกฟื้นฟูขึ้นอย่างมากและบาดแผลเริ่มเจ็บปวดลดเหลือน้อยนิด
ครอบครัวของหวังหลินได้กล่าวต่อว่าลูกตัวเองอีกครั้ง หวังหลินต้องการอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นแต่ว่าพวกเขาคงไม่เชื่อในท้ายที่สุด
ขณะเดียวกันนั้นในห้องโถงสำนักเหิงยั่ว ผู้อาวุโสหลายคนต่างนั่งรอบๆเพื่อฟังศิษย์จางอธิบายว่าเขาพบหวังหลินได้ยังไง ชายหน้าแดงอยู่ปลายโต๊ะกล่าวอย่างไม่พอใจ “คนธรรมดาพวกนั้นจะอยู่หรือตาย ทำไมพวกเราเหล่าเซียนต้องไปสนใจ ดูที่สำนักเซียนแห่งอื่นสิมีที่ไหนบ้างเป็นเหมือนเราที่ส่งเซียนออกค้นหาเด็กที่พยายามฆ่าตัวตายเพราะว่าเขาไม่ถูกเลือก นี่มันช่างน่าอายนัก!”
คนต่อจากเขาเป็นชายวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยใบหน้าเย็นชา “ผู้อาวุโสหม่าพูดถูกต้อง สำนักเซียนในเขตจ้าว มีแค่สำนักเหิงยั่วเท่านั้นที่ทำแบบนี้ แต่ถ้าเด็กนี่ตายขึ้นมาในเขตภูเขาของเราจริงๆ เหล่าตระกูลอื่นคงกลัวลูกตัวเองไปฆ่าตัวตายถ้าพวกเขาถูกปฏิเสธ แล้วใครจะกล้าส่งลูกตัวเองมาหาเราอีก?”
ชายชราในชุดคลุมยกชาขึ้นมาจิบและพูดช้าๆ “ความจริงแล้ว ไม่ใช่เพราะว่าสำนักเหิงยั่วของเราหรอกหรือที่รับแต่ศิษย์ที่เหมาะสมซึ่งมาจากเหล่าคนธรรมดา? นี่มันก็ห้าร้อยปีผ่านมาแล้ว ใครจะใส่ใจว่าพวกคนทั่วไปจะคิดยังไง?”
ในที่สุดชายชราก็ถอดหายใจยาวเหยียดและพูดขึ้น “ในเมื่อเด็กคนนี้ได้พยายามฆ่าตัวตายมาครั้งหนึ่งแล้ว เขาอาจจะฆ่าตัวตายอีกครั้งก็ได้ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นเราจะทำการยกเว้นและรับเขาเป็นศิษย์”
……………………………………...