บทที่ 11 จางฮู่

ตอนที่ 11 จางฮู่

“พังพอน?” หวังหลินตกใจ คนแรกที่คิดคือคนที่อธิบายกฏเกณฑ์ต่างๆซึ่งใส่เสื้อคลุมสีเหลืองหัวเราะเยาะเขา ถึงอย่างนั้นก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าใช่คนเดียวกันหรือไม่

“อ้าว? เจ้าไม่เห็นเขาหรอ? เขาเป็นคนรับผิดชอบเกี่ยวกับงานต่างๆของศิษย์สายนอก เขาก็เป็นศิษย์สายนอกนั่นแหละแต่ว่ามีสิทธิ์ในการเริ่มต้นบ่มเพาะพลัง ซึ่งจะสวมชุดสีเหลือง เขาดูไม่เหมือนคนดีนัก พวกเราเรียกมันว่าพังพอน” จางฮู่อธิบายพร้อมดื่มน้ำไปด้วย

หวังหลินกัดมันหวานคำนึงก่อนจะพูดขึ้นมา “ข้ารู้ว่าเจ้าหมายถึงใคร ข้าเห็นเขาวันนี้และยังบอกให้ไปตักน้ำมาสิบโอ่งต่อวัน เริ่มได้พรุ่งนี้ไม่งั้นจะไม่ได้อาหารกิน”

จางฮู่ตกใจหลังจากได้ยิน หยุดมองที่หวังหลินชั่วครู่ “น้องชาย เจ้าไปขัดใจอะไรมันมาก่อนรึเปล่า?”

หวังหลินส่ายหัว “ทำไมรึ?”

จางฮู่แสดงสีหน้าน่าสงสารใส่หวังหลิน “หวังหลิน เจ้าคงไม่คิดว่าโอ่งที่บ้านเจ้าจะเหมือนที่นี่หรอกนะ? มันใหญ่มาก” พลางทำมือประกอบ

หวังหลินรู้สึกแย่ขึ้นมาทันทีและถอนหายใจ

จางฮู่ยิ้มอย่างข่มขื่น “เจ้าต้องไปขัดใจพังพอนเหลืองนั่นแน่ๆ โอ่งที่เราพูดถึงมันขนาดเท่าห้องนี่ การเติมน้ำสิบโอ่ง…..หวังหลิน ข้าไม่กินมันหวานนี่แล้ว เจ้าเก็บมันไว้เถอะ เจ้าจะโชคดีได้รับอาหารทุก 4 - 5 วัน เจ้าพึ่งมาใหม่และอาหารทุกที่ในภูเขาได้เก็บไปหมดแล้ว มีเพียงศิษย์ผู้อาวุโสเท่านั้นที่สามารถเก็บไปได้ พรุ่งนี้ฉันแค่กินผลไม้ป่าก็พอ” เขาวางมันหวานที่เหลือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจก่อนจะนอนลงบนเตียงและหลับอย่างรวดเร็ว

หวังหลินลุกออกจากเตียงตั้งแต่เช้ามืด จางอู่ยังคงนอนกรนต่อไป หวังหลินหยิบชุดสีเทาออกมาและรีบสวมมันอย่างรวดเร็วก่อนจะไปจุดที่เขาพบเจ้าพังพอน พอมาถึง ดวงอาทิตย์ก็โผล่พ้นฟ้าพอดี เด็กหนุ่มชุดเหลืองเปิดประตูออกมาและมองไปหวังหลินอย่างแปลกใจ “อย่างน้อยเจ้าก็มาตรงเวลาดี หยิบถังน้ำแล้วมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก จะมีน้ำพุอยู่ในภูเขา ตักน้ำจากตรงนั้นมา”

เขาไม่ได้สนใจหวังหลินต่อ นั่งขัดสมาธิลงบนพื้นและหายใจอย่างเชื่องช้าพร้อมกับมองอาทิตย์ขึ้น หมองขาวจางๆปล่อยออกมาจากรูจมูก ราวกับลมหายใจมังกร

หวังหลินมองด้วยความอิจฉา จากนั้นเดินไปที่ห้องเก็บของ มองไปรอบๆ ในที่สุดก็เห็นโอ่งสิบอันอยู่หลังประตู จากนั้นหยิบออกมาและเดินมุ่งหน้าไปประตูทิศตะวันออก

เมื่อหวังหลินมาถึงตำแหน่งที่ว่าหลังจากเดินมาอย่างยาวไกล ฉากภาพเบื้องหน้าช่างสวยงาม เสียงน้ำไหลหยดชดช้อย ช่างเป็นสถานที่ที่ปลอบประโลมหัวใจจริงๆ

เขาไม่มีเวลามาชื่นชมความงามนี่ เมื่อตักน้ำใส่ถังจนเต็ม จึงหยิบมันขึ้นและกลับไปที่ภูเขาอย่างรวดเร็ว

หวังหลินทำแบบนี้จนถึงค่ำ เขายังเติมให้เต็มไม่ได้สักโอ่ง ถ้าเขาไม่มีมันหวานมาเติมเต็มท้องก็คงไม่มีแรงทำต่อ ทั้งขาและแขนได้ระบมเจ็บช้ำไปหมด มันเจ็บทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว

หวังหลินคิดอยู่ครู่นึงก่อนจะหยิบถังน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งนึงไปยังที่เปลี่ยวไม่มีคน มองไปรอบๆจนแน่ใจว่าไม่มีใครใกล้ๆก่อนจะวางหินลูกปัดลงในถังน้ำ จากนั้นเขาหยิบลูกปัดหินออกมาและดื่มน้ำเข้าไป ทันใดนั้นท้องเขาก็รู้สึกอบอุ่นและอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อได้รับการเยียวยา

แม้ว่าผลลัพธ์เช่นนี้จะด้อยกว่าการดื่มน้ำค้างตรงๆ หวังหลินยังรู้สึกอดตื่นเต้นไม่ได้ เขาจับที่หน้าอกตัวเองและวางลูกปัดลงบนนั้น เขาตัดสินใจว่าจะไม่ให้ใครรู้เกี่ยวกับสมบัติชิ้นนี้

หลังจากเขาดื่มน้ำไปได้ครึ่งถัง กล้ามเนื้อก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดและฟื้นฟูพลังงานมาเต็มเปี่ยม เขาเริ่มงานตักน้ำของเขาต่ออย่างรวดเร็ว

หวังหลินพบว่างานของจางฮู่คือการเก็บฟืน เขาต้องเก็บฟืนให้มากพอเพื่อได้อาหารกิน จางฮู่ทำงานเก็บฟื้นมาตลอดสามปีตั้งแต่เป็นศิษย์สายนอก สามปีที่แล้วกว่าจะได้กินก็ใช้เวลาสามถึงสี่วัน แต่ตอนนี้เขาทำเวลาดีจึงกินได้ทุกสองวัน

ตกกลางคืน หวังหลินจุ่มหินลูกปัดอีกครึ่งถังและดื่มมันทันที เขากลับมาด้วยใบหน้าอ่อนเพลียเมื่อไม่ให้มีใครสงสัย

ไม่นานจากนั้นจางฮู่ก็กลับมาถึง ยังคงมีสีหน้าของคนทำงานเกินเวลา ทั้งสองคุยกันเล็กน้อยและจางฮู่ทนไม่ได้ที่จะขอมันหวานสองชิ้นอย่างอ้อมแอ้ม เขากินมันเสร็จก็นอนหลับลงบนเตียงตัวเอง

เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับกระพริบตา หนึ่งเดือนผ่านไปตั้งแต่หวังหลินได้กลายมาเป็นศิษย์ของสำนักเหิงยั่ว

หวังหลินพบว่างานของจางฮู่คือการเก็บฟืน เขาต้องเก็บฟื้นให้เพียงพอก่อนที่เขาจะได้อะไรกิน เขาได้เก็บฟืนมาตั้งแต่สามปีแล้วที่ได้มาเป็นศิษย์ลับที่นี่ สามปีก่อนเขาได้กินทุกสามหรือสี่วัน แต่ตอนนี้เขาใช้เวลาสั้นลงจนสามารถกินอาหารได้ทุกสองวัน

พูดถึงเขา เหล่าศิษย์สายนอกที่ได้งานน่าเบื่อมาสิบปีจะสามารถได้กินอาหารสามมื้อต่อวัน จากนั้นส่วนใหญ่จึงจะได้เรียนพื้นฐานการบ่มเพาะของเซียนได้

ศิษย์สายในไม่เหมือนกับพวกเขาเพราะว่ามีอาจารย์ของตัวเอง ไม่ต้องทำงานน่าเบื่อใดๆ มีห้องของตัวเอง งานของตัวเองคือการบ่มเพาะวิถีเซียน

นอกจากนี้ยังมีคนที่อยู่ระหว่างศิษย์สายในและศิษย์สายนอกอีกเช่นหวังเฮ่าที่กลายเป็นผู้ช่วย แต่จริงๆแล้วเขาคือคนรับใช้

คนพวกนี้ไม่ต้องทำงานน่าเบื่อเช่นนี้แต่ยังต้องฝึกทักษะระดับต่ำบ้าง พวกเขาเพียงต้องทำงานที่อาจารย์มอบหมายให้สำเร็จ คนเหล่านี้มักจะมีพรสวรรค์ระดับต่ำและใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อเป็นแค่ผู้ช่วย

เรื่องพรสวรรค์ หวังหลินได้เรียนรู้มาจากจางฮู่ว่ามันคือพลังงานทางจิตอย่างง่ายๆ ทุกคนมีมันแต่มีจำนวนแตกต่างกัน ถ้ามีพลังงานที่แข็งแกร่งเพียงพอ พวกเขาสามารถเรียนทักษะเซียนในหนึ่งปี แต่ถ้าไม่ มันคงใช้เวลาเป็นสิบปีหรือกระทั่งร้อยปี

ชีวิตมนุษย์มีจำกัด บางคนที่พรสวรรค์ระดับปานกลางจะไม่เคยได้ออกไปไหนเลยในทั้งชีวิต นี่คือเหตุผลว่าทำไมสำนักเซียนถึงได้ให้ความสำคัญกับพลังวิญญาณเช่นนี้

ตลอดเดือนนี้ยามที่หวังหลินได้ไปตักน้ำ เขาได้ดื่มน้ำที่แช่ลูกปัดไว้เยอะทีเดียวจึงทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาใช้เวลาหกวันเพื่อจะเติมสิบถัง ตอนนี้ลดเหลือเพียงสามวัน

ถึงอย่างนั้นเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย หวังหลินจึงตื่นก่อนอาทิตย์ขึ้นและเดินเล่นในภูเขาอย่างสบายๆ ส่วนคนอื่นตกตะลึงว่าเขาจบงานได้ภายในสามวันเพราะคิดว่าตื่นเร็วขึ้นและกลับไปหลับในตอนดึก

………………………………………...