ตอนที่ 40 แขก
ผู้อาวุโสคนอื่นจ้องตะขาบไม่วางตา “ฮึ่ม สำนักซวนต้าวซ่งมักทำแบบนี้เสมอ พยายามแกล้งสำนักเหิงยั่วของเราเพราะว่าเราไม่มีสัตว์วิญญาณสักตัว ถ้ามีโอกาส พวกเราต้องฆ่าสัตว์วิญญาณตัวนั้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราเก่งกาจแค่ไหน”
จ้าวสำนักเผยแววเยือกเย็น ทันใดนั้นกระบี่สีม่วงปรากฏขึ้น เหินไปบนท้องฟ้าและกลายเป็นมังกรยักษ์สีม่วง มันม้วนตัวบนสำนักเหิงยั่วและคำรามใส่ตะขาบทันที
ตะขาบพันเมตรหยุดชะงักลงและไม่กล้าเข้าไปต่อ ทันใดนั้นเสียงหัวเราะดังออกมาจากตะขาบ
“ฮวงหลง(黃龍 Huánglóng) เล่าลือกันว่ากระบี่ม่วงเล่มนี้มีวิญญาณมังกรสิงสถิตอยู่ข้างใน ข่าวลือนั้นไม่ผิดพลาด สหายเอ๋ย ข้าอยู่ที่นี่แล้วและถ้าเราชนะอีกครั้ง สำนักเหิงยั่วต้องทำตามสัญญาและคืนสมบัติ 137 ชิ้นที่ขโมยไปจากพวกเรามา รวมทั้งชดเชยด้วยกระบี่เหิน 200 เล่ม!”
จ้าวสำนักเผยท่าทีปกติ ไม่มีสัญญาณแห่งความโกรธเคือง เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “สหายโอวหยาง(歐陽 Ōuyáng) ถ้าครั้งนี้สำนักซวนต้าวชนะ สำนักเหิงยั่วจะทำตามสัญญาแน่นอน แต่ถ้าพวกเจ้าแพ้ จงบังคับสัตว์ชั้นต่ำกลับไปซะ!”
มังกรม่วงค่อยๆหายตัวไปอย่างช้าๆและกลายร่างเป็นกระบี่ม่วงลอยกลับมาในมือฮวงหลง
ตะขาบพันเมตรเริ่มเคลื่อนไปข้างหน้าอีกครั้ง ม้วนตัวเป็นวงกลมเหนือสำนักเหิงยั่วและค่อยๆลดขนาดลงช้าๆ ศิษย์สายในทั้งหมดถอยร่นกลับลงมา
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดคิ้วขมวดเมื่อเห็นศิษย์ทั้งหลายล่าถอย
พอตะขาบเทียบพื้นเรียบร้อย ผู้คนสิบกว่าคนกระโดดออกจากด้านหลังมัน นอกเหนือจากสามผู้อาวุโสแล้ว ทุกคนที่เหลือต่างก็ยังหนุ่มยังแน่น
สำนักซวนต้าวมีทั้งศิษย์ชายและหญิง ดูเหมือนพวกเขาคิดจะหาเรื่องสนุกทำที่สำนักเหิงยั่วเพราะรู้มาว่าสำนักเหิงยั่วไม่ได้มีศิษย์ชุดม่วงอยู่มากนัก ดังนั้นทุกคนที่กระโดดออกมาจึงสวมชุดสีม่วง อีกเรื่องที่น่าตื่นตะลึงสำหรับศิษย์สำนักเหิงยั่วก็คือว่าทุกคนที่เป็นศิษย์สำนักซวนต้าวต่างดูดีกันทั้งนั้น ชายหนุ่มหล่อเหลาและหญิงสาวต่างก็สวยงามกันทั้งหมด
โดยเฉพาะบุรุษและสตรีที่อยู่ข้างหน้า บุรุษหล่อเหลาเกินธรรมดาและเต็มไปด้วยความเป็นชายชาตรี เสื้อแขนยาวและเส้นผมพริ้วไหวในสายลม แนบกระบี่เหินบนแผ่นหลังทำให้เขาดูเยือกเย็นไปอีก ภาพลักษณ์เขาทำดึงดูดหัวใจของศิษย์สตรีสายในเข้าอย่างจัง
ศิษย์สตรีสวมชุดสีม่วง เส้นผมราวกับน้ำตก ริมฝีปากเป็นประกายสีแดงระเรื่อ ดวงตาอันงดงามต้องตาต้องใจใครหลายคน แม้แต่หวังหลินก็ยังตกตะลึงเมื่อมองนางทั้งยังเตือนสติตัวเองไว้
เหล่าศิษย์ทั้งหมดต่างจดจำใบหน้านี้ไว้ ผู้อาวุโสคนนนึ่งอดทนยืนไม่ได้อีกต่อไปพลางตะโกนออกมา “สำนักซวนต้าวฝึกวิชาเสน่ห์ตั้งแต่เมื่อไหร่? ช่างน่ารังเกียจนัก”
เสียงตะโกนนี้พลันปลุกศิษย์สายในหลายคนให้ตื่นขึ้น หลายคนต่างเผยแววตาตกตะลึง
หนึ่งในสามผู้อาวุโสของสำนักซวนต้าวเอ่ยอย่างหัวเราะ “ทั้งสองเป็นคนจริงๆ ข้าชื่อ ฉินกู่เหลย ท่านควรจะเข้ามาดูใกล้ๆ ศิษย์สองคนนี้ไม่ได้ฝึกวิชาเสน่ห์แต่อย่างใด แต่เกิดมาพร้อมกับรากวิญญาณวารี ข้าเห็นว่าเหล่าศิษย์สำนักเหิงยั่วไม่มีใครที่มีรากวิญญาณบริสุทธิ์สักคน ทุกคนต่างมีธาตุห้าธาตุผสมกัน ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าไม่สามารถบอกความแตกต่างได้”
ผู้อาวุโสของสำนักเหิงยั่วเผยใบหน้าบิดเบี้ยว หลังจากนั้นจ้าวสำนักฮวงหลงก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “สหายสำนักซวนต้าว อันดับแรกมาพักผ่อนที่สำนักของเราก่อน การประลองจะเริ่มต้นในอีกสามวัน”
ผู้อาวุโสโอวหยางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เยี่ยมมาก สำนักซวนต้าวของเราต่างมีการประลองกระชับมิตรกับสำนักเหิงยั่วมานานหลายปีแล้ว แต่ว่าแม้จะมีกระทบกระทั่งกันบ้างก็ไม่อาจทำลายความสัมพันธ์ของพวกเราได้”
ท่ามกลางเหล่าผู้อาวุโสหลายคนของสำนักเหิงยั่ว ชายชราแก่ที่สุดเดินออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นดูราวกับไม่มีเรี่ยวแรง เขาหัวเราะเบาๆและพูดขึ้นกับโอวหยาง “สหายโอวหยาง เวลาก็ผ่านมายี่สิบปีแล้ว เจ้ายังจำข้าได้ไหม?”
ผู้อาวุโสโอวหยางหัวเราะเสียงดัง “ข้าเห็นเจ้าแล้ว สหายเก่าซ่งต้าว(宋道友 sòngdàoyǒu) เจ้าต้องนำสุรากลั่นเองของเจ้าออกมาบ้างแล้ว ครั้งก่อนข้ามีไม่พอเพราะเจ้าขี้เหนียวเกินไป!”
ผู้อาวุโสซ่งยิ้มขึ้น “ไม่ใช่ว่าข้าขี้เหนียว แต่ตอนที่เจ้าเริ่มดื่ม ข้ากลัวเหลือเกินว่าไม่ว่าจะนำออกมากี่ไหมันก็ไม่พอหรอก!”
เมื่อทั้งสองเริ่มพูดคุย ผู้อาวุโสของสำนักซวนต้าวอีกสองคนพบสหายอันคุ้นเคยและเริ่มพูดคุยกันราวกับว่าคำพูดมุ่งร้ายก่อนหน้านี้ไม่เคยพูดกันมาก่อน
พวกเขาเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกเซียนของแคว้นจ้าว แววตาของศิษย์ทั้งสองสำนักต่างเบิกตากว้าง
เช่นเรื่อง ศิษย์ชายหนุ่มของสำนักหวู่เฟิงไปล่อลวงศิษย์สตรีของจ้าวสำนักเมฆหมอกและทำนางท้องขึ้นมา จ้าวสำนักเมฆหมอกไปที่สำนักหวู่เฟิงเพื่อลงโทษแต่กลับได้ทารกมาแทน
หรือจะเป็นเรื่องสำนักสรวงสวรรค์ ศิษย์กลุ่มนึงได้ละทิ้งสำนักไปและเข้าร่วมกันสำนักเฮฮวน พอคนเหล่านั้นได้ผลประโยชน์มากขึ้นเมื่อเข้ากับเฮฮวน ศิษย์ของสำนักสรวงสวรรค์ต่างก็ออกสำนักไปมากขึ้น ทำให้จ้าวสำนักสรวงสวรรค์ไม่พอใจและส่งคำสั่งออกไปสังหารเหล่าศิษย์ที่กล้าละทิ้งสำนัก
อีกเรื่องคือมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเป็นอัจฉริยะและเรื่องสุดท้ายเกี่ยวกับวันเกิดของผู้อาวุโสขั้นแกนลมปราณของสำนักเมฆหมอกในอีกสองสามเดือน ดังนั้นเหล่าสหายเซียนทั้งหมดจึงส่งคนเพื่อไปยินดีด้วย
หวังหลินฟังเป็นเวลานานและเริ่มจะเกิดอาการเบลอๆ โลกการฝึกฝนเซียนของแคว้นจ้าว ณ ชั่วเวลาหนึ่งเขารู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองมาจึงได้หันศีรษะไปทางนั้น เห็นศิษย์สตรีจากสำนักซวนต้าวมองมาที่เขาและยิ้มอย่างอ่อนโยน
หวังหลินพยักหน้าและป้องกันอย่างลับๆ เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะตกอยู่ในมนต์สะกดที่เหล่าศิษย์คนอื่นเจอในตอนนี้
หลิวเหมย(柳眉 Liǔméi) นางเป็นผู้นำของศิษย์สายในสำนักซวนต้าวและค่อนข้างมั่นใจในเสน่ห์โดยธรรมชาติของตัวเอง ในสำนักซวนต้าวไม่มีใครที่อายุเท่านางสามารถต้านทานเสน่ห์ได้ แต่ว่าชายหนุ่มที่ดูธรรมดาทั่วไปคนนี้กลับเป็นคนแรกที่ฟื้นคืนสติ ซึ่งทำให้นางประหลาดใจจนอดไม่ได้ที่จะมองเขาอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะมองหวังหลินอย่างไรก็เห็นเขาเป็นเพียงขั้นรวบรวมลมปราณระดับสามเท่านั้น ไม่มีอะไรผิดแปลกจากคนทั่วไปเลยสักนิด
ขณะที่เหล่าผู้อาวุโสพูดคุยกัน ศิษย์ทั้งสองสำนักต่างก็เริ่มสนทนาเช่นเดียวกัน เตรียมพร้อมกับการประลองที่กำลังมาถึง ศิษย์ของสำนักซวนต้าวทุกคนดูเหมือนจะมีหมอกลึกลับปกปิดระดับบ่มเพาะของตนเอง
หวังหลินตกตะลึงกับวิชาของสำนักซวนต้าวเช่นกัน วิชานี้ดูคล้ายกับเม็ดยาจำแลงแต่ระดับสูงกว่า
ศิษย์ของสำนักเหิงยั่วดูเหมือนจะสนใจการกระทำของบุรุษและสตรีทั้งสองคนนี้ พวกเขาต่างมีความคิดความอ่านเป็นของตนเอง แต่หวังหลินสังเกตบางอย่างได้ ศิษย์ทุกคนของสำนักซวนต้าวจะมีท่าทางแสดงความเคารพไปยังชายวัยกลางคนด้านหลัง
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน หวังหลินก็ถอนสายตาออก ก้มหัวลงต่ำและเงียบเสียงลง
………………………………………………