ตอนที่ 24 ฝึกฝน
หวังหลินตักน้ำจำนวนมากมาจากแถบภูเขาแล้วกลับเข้าห้อง เริ่มสร้างน้ำแร่ที่เต็มไปด้วยพลังปราณ เมื่อถึงช่วงค่ำ จึงล็อคห้องด้วยเชือกแน่นหนาและถือปลายเชือกเอาไว้ ตราบที่มันยังอยู่ในมือ หากประตูเปิดออก เขาก็จะทราบได้ทันที
จากนั้นจึงดื่มน้ำจากลูกปัดไปอึกใหญ่ ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้น หวังหลินถือลูกปัดค้างไว้แล้วเข้าสู่มิติความฝัน
ในฝันอันกว้างใหญ่ หวังหลินทำการนั่งขัดสมาธิ หายใจแบบหนึ่งยาวสามสั้นเป็นจังหวะ รอบข้างเต็มไปด้วยแสงสว่างจ้าอยู่ประปราย หวังหลินหลับตาลงแล้วฝึก เขาสัมผัสได้ถึงแสงอ่อนๆ แล้วจึงเปลี่ยนเป็นแสงอาทิตย์อันสว่างไสว มันโคจรรอบตัวเขาอย่างเงียบงัน ซึ่งทั้งหมดนี้ หวังหลินไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นอีกวัน น้ำพลังปราณจึงละลายหายเข้าสู่ร่างกาย คราวนั้นตอนที่ซุนต้าซื่อจบการนั่งสมาธิ เขารู้สึกถึงความร้อนไหลเวียนอยู่ในร่าง แต่เมื่อถึงจุดวิกฤตพลังปราณก็กระจายหายออกไป
ครั้งนี้กลับต่างกันออกไป ถึงพลังปราณจะกระจายหายไปก็ตามแต่กลับมีร่องรอยเหลืออยู่ในร่าง แม้ไม่มาก แต่มันก็ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในตัวหวังหลินมากขึ้น เขาคิดอยู่นานแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงแตกต่าง แต่แล้วในตอนท้ายเขาจึงทำได้แค่เพียงคาดเดาว่าเป็นเพราะหินลูกปัดลึกลับ
เพราะไม่สามารถออกจากมิติความฝันนี้ได้จึงไม่อาจเติมน้ำได้เช่นกัน นอกจากจะฝึกหายใจเป็นเวลานานแล้ว พบว่าในมิติความฝันนี้มีสิ่งผิดแผกจากภายนอก ตอนที่เขาหายใจ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ช่วยให้ทราบว่ามดคลานอยู่ตรงไหน แต่ด้วยคุณสมบัติของพลังปราณจากร่างกาย หลังฝึกการหายใจมาได้หนึ่งเดือนจึงพบว่าหากนั่งสมาธิแล้ว ตัวเขาจะสดชื่นและผ่อนคลายในทุกๆครั้ง
แต่ในพื้นที่ความฝันนั้น หากน้ำพลังปราณหมดลง ความสะดวกสบายก็จะจางหายไป แล้วการหายใจทำสมาธิต่อไปแต่ละครั้งรู้สึกสั้นขึ้น
หลังจากคิดอยู่ชั่วขณะ หวังหลินเดาได้ว่านี่มันน่าจะเกี่ยวข้องกันกับพลังปราณ ที่ไม่ใช่พลังปราณตามธรรมชาติในมิติความฝัน
เมื่อคิดมากขึ้นก็ยิ่งรู้สึกว่าถูกต้อง ขมวดคิ้วครุ่นคิด ‘ถ้าเราสามารถเอาน้ำลูกปัดเข้ามาในนี้ได้อีก มันน่าจะดีกว่านี้แท้ๆ’ พอนึกอย่างนั้นความคิดหนึ่งก็พลันแล่นเข้ามา มองตัวเองด้วยใบหน้างงงวย
เขาสวมชุดคลุมแดงของพวกศิษย์สายในอยู่ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้สับสน เขาจึงรีบเอื้อมมือไปหยิบถุงเก็บของที่พกเอาไว้ ทว่ากลับหามันไม่พบ
“ทั้งที่มีเสื้อผ้าอยู่ในฝัน แต่ถุงเก็บของกลับไม่มีเนี่ยนะ...” เขาเปรยขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงตัดสินใจจะออกไปทดสอบว่าของแบบไหนถึงสามารนำเข้ามาในมิติความฝันได้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากห้าสิบชั่วโมงได้ผ่านไป ความรู้สึกถูกฉีกกระชากปรากฏขึ้น หวังหลินจึงได้กลับสู่มิติความจริง
เขาสงสัยอยู่ในใจ ทำไมระยะเวลาที่อยู่ได้จึงเป็นเพียงแค่ห้าชั่วโมงเท่านั้น เขาได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้แล้วกรอกน้ำลูกปัดใส่น้ำเต้า พลางถือมันไว้ในมือ ก่อนเข้าสู่มิติความฝันอีกครั้ง
ครั้งกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นจากการจ้องลูกปัด เขาไม่รู้สึกง่วง หวังหลินเริ่มขวัญเสีย แล้วคิดอย่างถี่ถ้วนอยู่นาน แต่นั่นก็ยิ่งให้เกิดความกังวลใจ เขาเริ่มหลับตาลงแล้วฝึกการหายใจแทน
ค่อยๆหายใจอย่างมั่นคงสม่ำเสมอ พลังปราณเริ่มถูกดูดซับแล้วกระจัดกระจายไปแบบทุกครั้งแต่ยังหลงเหลือในร่างอยู่บ้าง ถึงเช่นนั้นมันก็ยังไกลจากขั้นรวบรวมลมปราณระดับแรก
เขาใช้เวลาทั้งวันไปกับการฝึกหายใจ บางครั้งก็หยิบน้ำเต้าขึ้นดื่มและเติมใส่ หวังหลินพยายามรับพลังปราณให้เพียงพอต่อร่างกายทั้งสองทาง
จากนั้นถือหินลูกปัดแล้วพยายามเข้าสู่ความฝัน แต่โชคร้ายที่มันไม่ประสบผลสำเร็จ
เมื่อยามค่ำมาเยือน เขาลืมตาขึ้นรู้สึกได้ถึงพลังปราณในร่างเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ถ้านี่เป็นปกติเขารู้สึกยินดีอยู่ไม่น้อย ทว่าตอนนั้นเองร่างของเขากลับรู้สึกกระสับกระส่าย ชายหนุ่มจึงรีบหยิบลูกปัดขึ้นจ้องมอง พริบตานั้นความง่วงก็โถมเข้าใส่ สีหน้าหวิงหลินดีขึ้น เขาคงอารมณ์นี้ไว้ แล้วจึงหลับไปในที่สุด
พอได้สติจึงลูบคางพลางคิดไตร่ตรองรอบห้อง เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้และหลังจากเข้ามาในมิติความฝัน ในที่สุดเขาก็พบปัญหา
สำหรับสองครั้งแรก เขาสามารถดำเนินต่อได้ทันที แต่ในครั้งที่สามเป็นเวลาหลังจากนั้นห้าชั่วโมง และหนที่สี่ก็ต้องใช้เวลาพักไปอีกทั้งวัน
จากที่เห็นนี้จึงทราบได้ว่านี่น่าจะเป็นข้อจำกัดของการเข้ามาในฝัน เพื่อความปลอดภัยเขาควรจะรอห้าชั่วโมงหลังจากใช้หนึ่งครั้งเพื่อรับประกันว่าจะเข้ามามิติความฝันได้
หลังจากแก้ปัญหาได้แล้ว หวังหลินจึงทดลองนำสิ่งของเข้ามาในฝัน โดยเตรียมน้ำเต้าสามขวดอันหนึ่งบรรจุน้ำค้างกับอีกอันหนึ่งว่างเปล่าและสุดท้ายก็จุน้ำจากลูกปัด
ส่วนที่แตกหักของชามหินเขาก็นำมาด้วย ห่อที่มีมันหวานก็เช่นกัน รวมถึงเสื้อผ้าและอย่างอื่นๆอีก เขาถือมันทั้งหมดนั่น จ้องลูกปัดพร้อมเข้าสู่ความฝันอีกครั้ง
ในฝัน หวังหลินก็รีบค้นตัวทันที เขาพบมันหวาน เสื้อผ้าส่วนต่างๆ และเศษชามหิน แต่กลับไม่พบถุงเก็บของกับน้ำเต้าสามใบ
สรุปโดยไม่ต้องสงสัยว่าไม่สามารถนำสิ่งของที่มีพลังปราณติดตัวมาในห้วงความฝันได้แม้จะเป็นสิ่งของธรรมดา อีกทางหนึ่งก็คือสิ่งของที่ไม่มีพลังปราณสามารถนำติดตัวเข้ามาด้วยได้
น้ำเต้าสามใบกับถุงผ้านั้นเป็นวัตถุที่มีพลังปราณไม่มากก็น้อย เพราะแบบนั้นจึงไม่อาจนำมันเข้ามาได้
หวังหลินกังวลว่าถ้าไม่สามารถนำน้ำเต้าเข้ามาได้ น้ำพลังปราณที่เขาดื่มจากน้ำเต้าก่อนที่จะเข้ามิติควมฝันก็ไม่พอให้เขาอยู่ฝึกที่นี่เต็มเวลา
หลังคิดได้เช่นนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจ รู้สึกว่านี่น่าจะเป็นความคิดที่ดีแต่ยังเข้าใจไม่ชัดพอ ชายหนุ่มจึงเริ่มไตร่ตรองอย่างมุ่งมั่น จัดวางแนวคิดทั้งหมดใหม่
หลังจากเวลาผ่านไปสักพักเขาก็เปลี่ยนเป็นมีความสุขเมื่อจับหลักสำคัญบางอย่างได้ว่า น้ำพลังปราณนำเข้ามาด้วยไม่ได้แต่พลังปราณที่อยู่ในร่างไม่ได้หายไปไหน
มันไม่สามารถนำของที่มีพลังปราณเข้ามาได้แต่ถ้าคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเขาอาจจะเจออีกหนทางหนึ่ง
หลังจากห้าสิบชั่วโมงผ่านไปเขาออกมาจากห้องตัวเอง ค้นหาภูเขาจนพบกับน้ำเต้าป่าจากนั้นก็หยิบมันกลับไปบ้านสองสามอัน
เขาเชื่อว่าที่น้ำเต้าสามใบนั่นไม่โผล่มาในฝัน ก็เป็นเพราะน้ำค้างจากลูกปัดเติมไว้นานแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้น้ำเต้าพวกนั้นเต็มไปด้วยพลังปราณ
ฉะนั้น หากเขาเติมน้ำลูกปัดลงขวดใหม่แบบสดๆร้อนๆ นั่นก็อาจเป็นวิธีที่ทำให้นำมันเข้าไปในฝันสำเร็จก็ได้
หลังจากนั้นห้าชั่วโมงผ่าานไป หวังหลินจึงถือน้ำเต้ากว่าสี่ขวดไว้บนไหล่ หลังจากเข้ามาในความฝันหวังหลินตื่นตะลึงเมื่อพบว่าทุกอันยังอยู่กับเขา
หวังหลินเปิดดูภายในพบว่ามันมีน้ำอยู่ เขาดื่มมันและพบว่าพลังปราณยังไม่หายไปไหน หวังหลินจึงดื่มไปอีกหลายอึกและเริ่มฝึกการหายใจ
ทุกครั้งที่พลังปราณในตัวเริ่มเหือดแห้งเขาก็จะดื่มน้ำทีละนิด พลังปราณเล็กน้อยจึงเริ่มเก็บสะสมอยู่ภายใน สลับการกระทำไปช้าๆอยู่อย่างนั้น อีกนิดเดียวเขาก็จะบรรลุขั้นแรกของการรวมปราณได้แล้ว
แสงสว่างรอบด้านต่างเข้าสู่ร่างเขาอย่างเงียบๆ
หวังหลินนั้นมีพรสวรรค์ต่ำต้อย ถ้าไม่เพราะมีลูกปัดปริศนาและน้ำลูกปัดล่ะก็ เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยเป็นปีๆเพื่อที่จะรวบรวมลมปราณขั้นแรกได้สำเร็จ เพิ่มกับสมุนไพรกระจายปราณอีกมันก็คงต้องใช้เวลาสามสิบถึงสี่สิบปีกว่าจะได้
ยาสมุนไพรของซุนต้าซื่อนั้นต้องกินทุกวันเป็นเวลาหนึ่งเดือนถึงจะเพิ่มกระบวนการอย่างรวดเร็ว หวังหลินยังไม่รู้ว่าตัวเองได้ใช้วิชาเซียนกระจายปราณที่กำจัดผลของหญ้ากระจายปราณออกไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงใช้เวลาสิบปี ตอนนี้หวังหลินไม่ขาดแคลนพลังปราณ เขายังมีหินลูกปัดที่ได้ช่วยฝึกฝนให้เขาสิบเท่า ขั้นรวบรวมลมปราณระดับแรกจึงพอเอื้อมถึง
……………………………………….