บทที่ 46 ชายชราแปลกหน้า

ตอนที่ 46 ชายชราแปลกหน้า

หวังหลินเก็บระเบิดกลิ่นเหม็นกลับไปและมองไปที่หลี่ซาน “พี่หลี่ซาน โปรดขายให้ข้าเถอะ”

หลี่ชานพยักหน้าเผยท่าทีเป็นมิตร “น้องชาย เจ้าต้องระมัดระวังระเบิดพวกนี้นะ จำไว้ว่ามันจะไม่ทำงานเพราะจำเป็นต้องใช้วิชาปาของ ถ้าเจ้าไม่สำเร็จวิชานี้ก็อย่าหาว่าข้าโกหกเจ้าหล่ะ”

เขายังไปพูดโน้มน้าวคนอื่นๆอีก

“พี่น้องทุกท่าน ข้ายังมีสมบัติอีกชิ้นหนึ่ง มันเป็นของที่ระลึกจากสำนักเฮฮวน ด้วยของสิ่งนี้ท่านสามารถไปที่สำนักเฮฮวนเพื่อรับสาวงามได้ ของสิ่งนี้ข้าใช้ความพยายามมหาศาลกว่าจะได้มาแต่ก็ต้องขายมันออกไปเพื่อมิตรไมตรีของพวกเรา พี่น้องสำนักเหิงยั่วพวกท่านไม่ควรพลาดโอกาสดีดีเช่นนี้”

หวังหลินหัวเราะ เขาหันไปรอบๆและมุ่งหน้ากลับไปที่สวนสมุนไพร ไม่นานหลังจากนั้นก็มาถึง พอพบว่าซุนต้าซื่อไม่ได้อยู่ที่นี่จึงนั่งไขว้ขาลงในห้องตนเองและหยิบเอาระเบิดกลิ่นเหม็นออกมาตรวจสอบ

ผ่านไปสักพักหวังหลินก็เผยแววตาสนใจ ระเบิดพวกนี้โปร่งแสงภายใต้สัมผัสวิญญาณ ดังนั้นไม่มีความลับไหนจะซ่อนจากเขาไปได้

มันมีร่องรอยสัมผัสวิญญาณของหลี่ชานซึ่งทำให้เขาจุดชนวนระเบิดได้

หวังหลินไม่เคยรู้มาก่อนว่าสัมผัสวิญญาณสามารถทำแบบนี้ได้ด้วย หลังจากลอกเลียนแบบมันอย่างระมัดระวัง เขาก็ซ้อนสัมผัสวิญญาณของตัวเองในระเบิดกลิ่นเหม็นนี้ได้เรียบร้อย

เขาไม่ได้ทำลายสัมผัสวิญญาณของหลี่ชานแต่ล้อมมันเอาไว้ ถ้าเขาต้องการ หวังหลินสามารถทำลายมันได้ทันที

การใช้สัมผัสวิญญาณบนระเบิดกลิ่นเหม็นก่อเกิดไอเดียใหม่ๆให้กับหวังหลิน เขาคิดเล็กน้อยพลางหยิบหินลูกปัดลึกลับออกมา

“ถ้าสัมผัสวิญญาณสามารถใช้แบบนี้ได้ ข้าก็สามารถใช้แบบเดียวกันกับหินลูกปัดได้น่ะสิ?” หวังหลินแววตาเป็นประกาย สัมผัสวิญญาณรวบรวมไปบนหินลูกปัดลึกลับอย่างรวดเร็ว

หลังจากเวลาผ่านไปสักพักหวังหลินเริ่มขมวดคิ้ว หินลูกปัดนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนและภายใต้สัมผัสวิญญาณของเขา มันดูเหมือนเดิมตลอดเวลา

เขาครุ่นคิดชั่วขณะ จากนั้นเก็บหินลูกปัดและออกไปจากสวนสมุนไพรทันทีด้วยความเร็วสูงสุด จากนั้นมาถึงสถานที่เปล่าเปลี่ยวในภูเขาและเข้าสู่มิติความฝัน

หวังหลินจดจำเวลาภายนอกไว้และจากนั้นจึงเริ่มขยายสัมผัสวิญญาณอย่างรวดเร็ว

หนึ่งนาที สามนาที สิบนาที สามสิบนาที…

ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หวังหลินลูบคางและพึมพำ “ข้าไม่อาจออกจากสัมผัสวิญญาณข้างในลูกปัดลึกลับนี้ได้เช่นนั้น?”

ขณะนั้นวัตถุเรืองแสงก็เริ่มส่องประกายและในที่สุดก็หมองลง

หวังหลินตกตะลึง ราวกับเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ วัตถุเรืองแสงอันอื่นเริ่มหมองลง ในไม่ช้าทั้งมิติความฝันก็มืดหม่นจนไม่มีแสงไฟหลงเหลือ มิติความฝันกลายเป็นมืดสนิท

หวังหลินตกใจพลางจับตาดูอย่างรอบคอบอยู่สักพักแต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ

เสียงชายชราดังขึ้นทันที “ข้าไม่ต้องการสังเกตอีกต่อไปแล้ว ด้วยขั้นรวบรรวมปราณของเจ้า การพยายามค้นหาลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเป็นเรื่องไร้สาระเท่านั้น!”

รูม่านตาหวังหลินหดแคบลง เขาอยู่ในมิติความฝันเป็นเวลาหลายสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงคนอื่นพูด

หวังหลินสูดหายใจลึก จากนั้นระงับความตื่นตกใจของตัวเอง หวังหลินประสานมือและพูดด้วยความเคารพ “ผู้น้อยชื่อ หวังหลิน ผู้อาวุโสนามว่า?”

หวังหลินเป็นคนฉลาด เขาไม่คิดว่าจะมีคนอื่นปรากฏขึ้นมาแต่กลับอยู่ที่นี่มานานและสังเกตเขาเป็นเวลาเกือบสามสิบปี

“เด็กน้อยจากแคว้นเล็กๆ เจ้าไม่ต้องรู้หรอกว่าข้าชื่ออะไร ด้วยการช่วยเหลือของข้าเจ้าใช้เวลาเกือบสามสิบปีและมีลูกปัดช่วยอีก แต่ได้แค่ขั้นรวบรวมลมปราณเท่านั้น ช่างน่าผิดหวังจริงๆ ยิ่งตอนนี้เจ้าคิดจะใช้สัมผัสวิญญาณเพื่อตรวจสอบลูกปัดอีก! ฮึ่ม!”

หวังหลินครุ่นคิดชั่วครู่ เขาเคยสังเกตหินลูกปัดด้วยสัมผัสวิญญาณของเขามาก่อน

“วิถีเซียนที่เจ้าช่างกวนใจข้าเสียจริง การฝึกเซียนคือการฝืนลิขิตฟ้า ถ้าใครต้องการต่อต้านเจ้า เจ้าก็ควรสังหารพวกมันซะ ข้าสังเกตเจ้าอยู่ที่สำนักขี้สุนัขนี้มาหลายปีแล้ว ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะฆ่าพวกมันทั้งหมดแน่ ฮึ่ม ถ้ามีใครสักคนกล้าดูถูกข้า ข้าก็จะทำลายล้างทั้งตระกูลซะ โดยเฉพาะเจ้าหวังจัวนั่น มันทำให้ข้าประสาทเสีย ข้าจะนำวิญญาณมันไปโยนลงนรกซะจากนั้นก็กวาดล้างครอบครัวมัน ข้าชอบจางฮู่ในสำนักเจ้าจริงๆ นิสัยค่อนข้างชั่วดี ส่วนศิษย์ลิ่วคนนั้นเหมาะให้ข้าได้ลิ้มลองจริงๆ”

สีหน้าหวังหลินกลายเป็นพิลึกไป เขายิ้มอย่างอ่อนโยน “ผู้อาวุโส ข้า...”

“อย่าพึ่งขัดจังหวะ ข้ายังพูดไม่จบ ฮึ่ม สำนักเล็กๆของเจ้าช่างมีหญิงงามน้อยจริงๆ เจ้าช่างไม่รู้จักความบันเทิงเอาเสียเลย ถ้าเป็นข้านะ ข้าจะจับพวกมันมากลั่นวิญญาณซะ ฮี่ฮี่ รสชาตินั้นทำให้ข้านึกถึงอดีตจริงๆ ข้าไม่ได้ลิ้มลองมาเกินสามสิบปีแล้ว”

หวังหลินรู้สึกท้อแท้และไม่ได้พูดเป็นเวลานาน

“เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าพอจะฝึกหนักขึ้นอีกได้ไหม? รีบๆบรรลุขั้นเปลี่ยนวิญญาณเสียที ข้าจะได้ออกไปได้ เฮ้อออ”

หวังหลินลังเล เขาเต็มไปด้วยความมึนงงและถามขึ้น “ผู้อาวุโส ขั้นเปลี่ยนวิญญาณคืออะไร? และยังความหมายที่ท่านพูดถึงขั้นรวบรวมลมปราณนั่นอีก”

“เจ้าคิดเอาเองไม่ได้รึไงกัน? ช่างขี้สงสัยถามทุกเรื่องจริงๆ ช่างมันเถอะ! แค่ผู้ฝึกเซียนตัวน้อยจากแคว้นเซียนระดับสามเท่านั้น แม้เจ้าจะคิดจนหัวระเบิดก็คิดไม่ออกหรอก ฮึ่ม! ฟังให้ดีเจ้าเด็กเหลือขอ ข้ากำลังพูดถึงขั้นการฝึกตนของแคว้นเซียนระดับห้าอยู่ ในแคว้นเซียนระดับสามเช่นเจ้า มีเพียงสี่ขั้นคือ รวบรวมลมปราณ พื้นฐานลมปราณ แกนลมปราณและวิญญาณแรกกำเนิด ส่วนขั้นแปลงวิญญาณมันคงจะเป็นเพียงตำนานสายสายตาเจ้าเท่านั้น”

“เมื่อมีใครคนหนึ่งบรรลุขั้นเซียนระดับใหม่ได้ เมื่อนั้นระดับแคว้นของเจ้าจะเพิ่มระดับไปสู้แคว้นเซียนระดับสี่ และจะได้รับทรัพยากรที่เหมาะสมจากพันธมิตรเซียน แคว้นนั้นทั้งยังได้รับสิทธิ์ประลองเพื่อได้รับดาวเซียนและต้องรับภารกิจเพื่อปกป้องกองกำลังด้วย”

“ถ้าหากมีขั้นเซียนเปลี่ยนวิญญาณปรากฏในแคว้นระดับสี่ แคว้นนั้นก็จะเลื่อนขึ้นไปสู่ระดับห้า ส่วนขั้นเคลื่อนปราณ มันเป็นขั้นทั่วไปที่เรียกกันในแคว้นระดับสี่หรือสูงกว่า มันคล้ายกับระดับรวบรวมลมปราณแต่มีช่วงกว้างกว่าเท่านั้น”

……………………………………….